สมาชิกเฟซบุ๊กอ้างเป็นผู้สื่อข่าวจากหลายสำนัก สุดทนสื่อหลักทั้งทีวี-หนังสือพิมพ์ อ้างความเป็นกลางพร่ำเพรื่อ ไม่ปกป้องบ้านเมือง รวมตัวเปิดแฟนเพจ “สายตรงภาคสนาม” รายงานข่าวสารตรงสู่ประชาชน พร้อมเชิญเพื่อนสื่ออึดอัดต้นสังกัด ส่งข้อมูลร่วมตีแผ่ความจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์การเมืองที่เกิดความขัดแย้งจากการที่รัฐบาลหักดิบพยายามผลักดันร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรองดองแห่งชาติ ประกอบกับรัฐบาลมีท่าทีที่จะขัดคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ระงับการลงมติวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ด้วยการใช้เสียงข้างมากเตรียมลงมติวาระ 3 ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 8 มิ.ย.55 นี้ ปรากฏว่ามีความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียลมีเดีย จากการรวมตัวของกลุ่มบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นผู้สื่อข่าวภาคสนามจากหลากหลายสำนัก ได้ร่วมกันจัดทำแฟนเพจในเว็บไซต์เฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อว่า “สายตรงภาคสนาม” เริ่มก่อตั้งเมื่อคืนที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา
แฟนเพจสายตรงภาคสนาม ซึ่งมีสโลแกนของเพจว่า “โกหกไม่ลง พูดตรงไปเลย” และใช้สัญลักษณ์รูปลิงเปิดหู เปิดตา เปิดปาก ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงเหตุผลในการจัดทำแฟนเพจไว้ว่า เพจ “สายตรงภาคสนาม” เปิดขึ้นด้วยการรวมตัวของกลุ่มนักข่าวภาคสนามจากหลากหลายสังกัดที่มีความเห็นตรงกันว่า ในสถานการณ์ที่ประเทศชาติเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของบ้านเมือง ถือเป็นภารกิจสำคัญยิ่งของผู้ที่ทำหน้าที่สื่อสารมวลชนในการนำเสนอข้อมูล ข่าวสาร ที่ถูกต้องให้กับประชาชน ได้รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของฝ่ายการเมือง เนื่องจากสื่อหลักมิได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเข้มแข็งในการปกป้องบ้านเมือง โดยมีการอ้างคำว่า “เป็นกลาง” อย่างพร่ำเพรื่อ โดยกลุ่มเพจ “สายตรงภาคสนาม” มีความเห็นที่แตกต่างออกไป เนื่องจากตามหลักวิชาการของสื่อสารมวลชนเองก็ยังมีการระบุถึงหน้าที่ไว้ว่า สื่อต้องเป็น GATEKEEPER คือประตูแห่งการกลั่นกรองข่าวสาร
ดังนั้น สื่อมวลชนซึ่งเข้าถึงข้อมูลจากแหล่งข่าวได้มากกว่าประชาชนทั่วไป จึงอยู่ในวิสัยที่ต้องตัดสินข้อมูลที่มีในมือได้ว่า การเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมืองทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล เป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ ด้วยการเปิดเผยแง่มุมต่างๆ ในเรื่องนั้นๆ เพื่อให้สังคมได้เรียนรู้ถึงปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองได้อย่างรอบด้านมากขึ้น
ทั้งนี้ กลุ่ม “เพจสายตรงภาคสนาม” จะได้นำข้อมูลข่าวสารจากการทำข่าวในภาคสนามนำเสนอต่อประชาชน เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล ในภาวะที่สื่อหลักถูกแทรกซื้อ แทรกซึม แทรกแซง หรือแม้แต่สมยอมกลายเป็นเครื่องมือให้ฝ่ายการเมืองใช้ในการชี้นำประชาชน เพื่อประโยชน์ในทางการเมือง
ในฐานะที่พวกเราเป็นสื่อสารมวลชน ตระหนักถึงภาระหน้าที่ภายใต้จรรยาบรรณแห่งวิชาชีพโดยไม่มีกรอบจำกัดของต้นสังกัดเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงพร้อมใจรวมตัวกันสร้าง “เพจสายตรงภาคสนาม” โดยหวังว่าจะได้เป็นส่วนเล็กๆ ในการปกป้องบ้านเมืองด้วยการสร้างปัญญาผ่านข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อหยุดยั้งความสับสนในสังคมไทยที่ทำให้คนจำนวนมากตกอยู่ในภาวะแยกแยะถูกผิดไม่ได้เพราะได้รับข้อมูลที่ไม่รอบด้าน เนื่องจากสื่อหลัก คือ หนังสือพิมพ์บางฉบับ และฟรีทีวี มิได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ในภาวะที่บ้านเมืองต้องการสื่อที่มีความกล้าหาญ
เพจสายตรงภาคสนาม จึงขอทำหน้าที่ผ่านโลกออนไลน์ เพื่อให้ความจริงกับสังคม เพราะพวกเรา “โกหกไม่ลง พูดตรงไปเลย” และขอเชิญชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ผู้สื่อข่าวภาคสนามที่อึดอัดกับการเสนอข่าวของต้นสังกัดตัวเอง สามารถส่งข้อมูลเพื่อร่วมตีแผ่ความจริงได้ที่เพจนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “เพจสายตรงภาคสนาม” ได้เริ่มดำเนินการเผยแพร่ข่าวสารผ่านเพจของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. 55 โดยได้รับความสนใจจากชาวเน็ตจำนวนมาก มีคนเข้าไปกดไลก์เพื่อร่วมเป็นสมาชิกแฟนเพจแล้วเกือบ 2 พันคน และมีผู้ที่เข้าชมและแชร์ข้อมูลถึง 6,690 คนต่อวัน ขณะที่ตลอดสามวันมีผู้เข้าถึงข้อมูลของเพจสายตรงภาคสนามแล้วถึง 57,525 คน ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่สูงมาก
สำหรับข้อมูลที่ถูกส่งต่อและเป็นที่กล่าวขานมากที่สุด คือ การนำบัญชีทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่แจ้งต่อ ป.ป.ช.ในปี 2540,2544,2548 และ 2549 มาเปิดโปงจับโกหก พ.ต.ท.ทักษิณ ที่อ้างว่าตัวเองมีทรัพย์สินก่อนเข้าทำงานการเมือง 4.6 หมื่นล้านบาท โดยใช้ชื่อหัวข้อว่า “ปากแม้วพาจน มัดตัวเองซุกทรัพย์สินจริง” พร้อมกับนำการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในวันที่ 2 มิ.ย. 55 มีข้อความว่า “ต้องไปถาม พล.ต.จำลอง ที่มายืนประท้วงผม วันที่เชิญผมไปเป็น รมว.ต่างประเทศปี 37 เมื่อ 18 ปีที่แล้ว ผมประกาศมีทรัพย์สิน 4.6 หมื่นล้านบาท ผมมีตังค์ค้าขายร่ำรวยมาก่อน ไม่ใช่ต้มใครมาก่อนแล้วมาเป็นนักการเมืองที่มีตังค์ ผมเข้ามาการเมืองมีแต่เงินหายไป เงิน 4.6 หมื่นล้านไม่ได้ปล้นใครมา แต่เขาปล้นผมไป ต้องการให้เข้าใจว่าเป็นเงินของผม ของครอบครัวที่ถูกขโมยไป ปล้นไป”
แอดมินของเพจสายตรงภาคสนาม ยังประกาศด้วยว่า “ที่นี่ไม่เป็นกลาง มีแต่ความจริงให้ประชาชน”
นอกจากนี้ ยังได้โพสต์ภาพสุสาน มีโลโก้สถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีช่อง 3, 5, 7, 9, เอ็นบีที (ช่อง 11) และไทยพีบีเอสบนแท่นหินอ่อน ระบุข้อความ “Free TV Thai เอาใจนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร หุบปากจนตายโหง ตายห่าไปจากแผ่นดินไทย เพราะ พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติอีกแล้ว” ซึ่งผู้ดูแลแฟนเพจดังกล่าวระบุว่า นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่พวกเราทำเพจสายตรงภาคสนาม โดยมีจำนวนคนกดถูกใจมากกว่า 100 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม จากการอ่านเนื้อหาในแฟนเพจนี้พบว่า ส่วนใหญ่จะเน้นเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเกี่ยวกับการออก พ.ร.บ.ปรองดอง การประชุมรัฐสภาที่จะลงมติวาระ 3 ในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ระงับก่อนหน้านี้ รวมทั้งความเคลื่อนไหวจากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะการปราศรัยหัวข้อ “ผ่าความจริง หยุดกฎหมายล้างผิดคนโกง” ซึ่งจัดขึ้นโดยพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันเสาร์ (2 มิ.ย.) ที่ผ่านมา