นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมรับว่าขณะนี้ปัญหาในยุโรปเป็นปัจจัยเสี่ยงมากที่สุดของเศรษฐกิจไทย จึงเป็นปัญหาที่กลายเป็นเมฆสีดำ ต่างกับช่วง 6 เดือนก่อนหน้านี้ที่ยังเป็นแค่เมฆสีเทาและปัญหาน้ำท่วมเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก แต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยก็ฟื้นตัวไว้ดีกว่าที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ ซึ่งปัญหาน้ำท่วมเหมือนกับปัจจัยระยะสั้นที่ผ่านมาและก็ผ่านไป
"ยอมรับว่าปัจจัยการเมืองเริ่มกลับเป็นปัจจัยเสี่ยงอีกครั้ง จากการชุมนุมที่จะออกกฎหมายปรองดอง แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทั้งเศรษฐกิจ สังคม ภาคธุรกิจสามารถปรับตัวได้พอสมควร" นายประสารกล่าว
**แย้มอาจใช้นโยบายดอกเบี้ยดูแล**
ด้านนายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับประมาณการไทยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย หรือมากกว่า 6% ตามตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกที่ออกมาดีกว่าที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ และมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3% ถือว่าต่ำและมีดอกเบี้ยนโยบายแท้จริงต่ำสุดในภูมิภาคนี้ จึงยังมีโอกาสใช้ดอกเบี้ยนโยบายสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจได้ หากเศรษฐกิจยุโรปรุนแรงขึ้น ฉะนั้นไทยยังคงมีกระสุนไว้ใช้ในยามจำเป็นได้อยู่
ทั้งนี้ ธปท.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเสถียรภาพระบบการเงิน (อสร.) ทำหน้าที่วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ในยุโรป จุดเสี่ยงหรือประเด็นที่มีผลต่อเสถียรภาพการเงินของระบบโดยรวม เพื่อเสนอแนะหรือวางมาตรการรับมือ โดยอสร.ได้ประเมินปัญหายุโรปในอนาคตไว้ 4 เหตุการณ์ โดยกรณีแรกเป็นเหตุการณ์สะะท้อนความเป็นจริงมากที่สุดและเป็นไปได้มากที่สุด คือกรีซยังคงอยู่ต่อในยูโรโซนต่อไป แต่ยังคงมีปัญหาความผันผวนและความเชื่อมั่นเป็นระยะๆ ขึ้นกับข่าวการเมืองและเศรษฐกิจแต่ละช่วง ทำให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอจนเข้าสู่ภาวะถดถอย จึงต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา
เหตุการณ์ที่สอง กรีซต้องออกจากยูโรโซน โดยผู้ทำนโยบายในยุโรปสามารถจำกัดขอบเขตความเสียหายไม่ให้ลุกลามประเทศอื่นได้ ถือเป็นแนวทางที่เป็นไปได้ยาก เหตุการณ์ที่สาม กรีซต้องออกจากยูโรโซนเช่นกัน แต่ผู้ทำนโยบายในยุโรปไม่สามารถจำกัดความเสียหาย และเหตุการณ์สุดท้ายเป็นกรณีที่เลวร้ายสุด คือ การแตกของกลุ่มประเทศยูโร
ซึ่งส่วนนี้จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกและยุโรปอย่างรุนแรง
**เล็งเสนอแผนแม่บทให้ กนง.**
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท.กล่าวว่า แม้ขณะนี้เศรษฐกิจโลกมีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะปัญหายุโรป แต่กลับมองว่าราคาสินทรัพย์บางประเภทลดลง ถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจหรือนักลงทุนไทยสามารถลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในการประชุมบอร์ด กนง.วันที่ 13 มิ.ย.นี้ สายตลาดการเงินจะนำเสนอแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศให้แก่บอร์ดกนง.รับทราบและขั้นตอนต่อไปจะนำเสนอคณะกรรมการธปท.(กกธ.)หรือบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งมีประธานคนใหม่รับทราบต่อไป
แผนแม่บทฉบับดังกล่าว ถือเป็นการปรับโครงสร้างเงินทุนของประเทศในระยะยาว โดยแผนดังกล่าวในช่วงเฟสแรกจะเน้นกลุ่มพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งจะเริ่มได้ตั้งแต่ปี 55-56 และเฟสสองจะเน้นกลุ่มนักลงทุนโดยตรง ดูผลงานของช่วงเฟสแรก ซึ่งคาดว่าจะออกมาได้ช่วงปี 56.
"ยอมรับว่าปัจจัยการเมืองเริ่มกลับเป็นปัจจัยเสี่ยงอีกครั้ง จากการชุมนุมที่จะออกกฎหมายปรองดอง แต่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาทั้งเศรษฐกิจ สังคม ภาคธุรกิจสามารถปรับตัวได้พอสมควร" นายประสารกล่าว
**แย้มอาจใช้นโยบายดอกเบี้ยดูแล**
ด้านนายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ทางคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับประมาณการไทยเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมเล็กน้อย หรือมากกว่า 6% ตามตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกที่ออกมาดีกว่าที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ และมองว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3% ถือว่าต่ำและมีดอกเบี้ยนโยบายแท้จริงต่ำสุดในภูมิภาคนี้ จึงยังมีโอกาสใช้ดอกเบี้ยนโยบายสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจได้ หากเศรษฐกิจยุโรปรุนแรงขึ้น ฉะนั้นไทยยังคงมีกระสุนไว้ใช้ในยามจำเป็นได้อยู่
ทั้งนี้ ธปท.ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเสถียรภาพระบบการเงิน (อสร.) ทำหน้าที่วิเคราะห์และประเมินสถานการณ์ในยุโรป จุดเสี่ยงหรือประเด็นที่มีผลต่อเสถียรภาพการเงินของระบบโดยรวม เพื่อเสนอแนะหรือวางมาตรการรับมือ โดยอสร.ได้ประเมินปัญหายุโรปในอนาคตไว้ 4 เหตุการณ์ โดยกรณีแรกเป็นเหตุการณ์สะะท้อนความเป็นจริงมากที่สุดและเป็นไปได้มากที่สุด คือกรีซยังคงอยู่ต่อในยูโรโซนต่อไป แต่ยังคงมีปัญหาความผันผวนและความเชื่อมั่นเป็นระยะๆ ขึ้นกับข่าวการเมืองและเศรษฐกิจแต่ละช่วง ทำให้เศรษฐกิจยุโรปชะลอจนเข้าสู่ภาวะถดถอย จึงต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา
เหตุการณ์ที่สอง กรีซต้องออกจากยูโรโซน โดยผู้ทำนโยบายในยุโรปสามารถจำกัดขอบเขตความเสียหายไม่ให้ลุกลามประเทศอื่นได้ ถือเป็นแนวทางที่เป็นไปได้ยาก เหตุการณ์ที่สาม กรีซต้องออกจากยูโรโซนเช่นกัน แต่ผู้ทำนโยบายในยุโรปไม่สามารถจำกัดความเสียหาย และเหตุการณ์สุดท้ายเป็นกรณีที่เลวร้ายสุด คือ การแตกของกลุ่มประเทศยูโร
ซึ่งส่วนนี้จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกและยุโรปอย่างรุนแรง
**เล็งเสนอแผนแม่บทให้ กนง.**
นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธปท.กล่าวว่า แม้ขณะนี้เศรษฐกิจโลกมีปัญหาอยู่ โดยเฉพาะปัญหายุโรป แต่กลับมองว่าราคาสินทรัพย์บางประเภทลดลง ถือเป็นจังหวะที่ดีที่จะเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจหรือนักลงทุนไทยสามารถลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น ดังนั้น ในการประชุมบอร์ด กนง.วันที่ 13 มิ.ย.นี้ สายตลาดการเงินจะนำเสนอแผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศให้แก่บอร์ดกนง.รับทราบและขั้นตอนต่อไปจะนำเสนอคณะกรรมการธปท.(กกธ.)หรือบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งมีประธานคนใหม่รับทราบต่อไป
แผนแม่บทฉบับดังกล่าว ถือเป็นการปรับโครงสร้างเงินทุนของประเทศในระยะยาว โดยแผนดังกล่าวในช่วงเฟสแรกจะเน้นกลุ่มพอร์ตโฟลิโอ ซึ่งจะเริ่มได้ตั้งแต่ปี 55-56 และเฟสสองจะเน้นกลุ่มนักลงทุนโดยตรง ดูผลงานของช่วงเฟสแรก ซึ่งคาดว่าจะออกมาได้ช่วงปี 56.
