xs
xsm
sm
md
lg

ชงกกต.-DSI สอบปชป.เพิ่ม เงินปตท.10ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- "เรืองไกร" ยื่นกกต. และดีเอสไอ สอบเพิ่ม กรณีพรรคประชาธิปัตย์ รับเงินบริจาค นอกเหนือ "อีสต์ วอเตอร์" ยังมีบริษัทในเครือปตท. อีกกว่า 10 ล้านบาท ยันไม่คิดดิสเครดิตปชป. แต่ต้องการความโปร่งใส

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ได้เข้ายื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่สำนักงานกกต. ขอให้ตรวจสอบที่มาของเงินที่บริจาค ให้สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าเกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และพรรคการเมืองหรือไม่

นายเรืองไกร กล่าวว่า หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือในประเด็นเงินบริจาค 1 ล้านบาท ของ บริษัท อีสต์ วอเตอร์ จำกัด ที่บริจาคผ่านพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว แต่ข่าวจากสื่อมวลชนที่ออกมา เกี่ยวกับการตรวจสอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายทะเบียนพรรคการเมือง และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อาจจะเข้าใจประเด็นตามคำร้องของตน อย่างไม่ครบถ้วน

ดังนั้นเพื่อให้การตรวจสอบเกิดความโปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่าย และอาจจะช่วยป้องกันมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐในองค์กรใดๆ หลงไปกับข้อเท็จจริงที่ไม่ครบถ้วน จึงทำหนังสือร้องเพิ่มเติม เนื่องจากพบว่าในเว็บไซต์ พรรคประชาธิปัตย์ มีการลงรูปกิจกรรมเพิ่มเติม เกี่ยวกับการรับบริจาค เมื่อเดือนพ.ย.53 สอดคล้องกับที่สมาชิกพรรคได้แถลงไว้ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 55 ว่า นอกจากมีการรับบริจาคจาก บริษัท วนชัย กรุ๊ป จำนวน 1,000,000 บาท กลุ่มน้ำมันกัลฟ์ 500,000 บาท บริษัท อีสต์ วอเตอร์ 1,000,000 บาท แล้ว ยังพบรูปภาพกิจกรรม การรับบริจาคจากกลุ่มปตท. 10,000,000 บาท บมจ. ศรีตรัง 500,000 บาท การรับสิ่งของบริโภคเป็นบะหมี่ซื่อสัตย์ มูลค่า 858,120 บาท อินเด็กซ์ ลิฟวิงมอลล์ 100,000 บาท รับเงินบริจาคจากปตท. 2,500,000 บาท รับบริจาคจาก ไออาร์พีซี 1,500,000 บาท รวมทั้งยังปรากฏรูปสิ่งของบริจาค ที่วางไว้ เพื่อรอการบรรจุถุงบริจาค ที่มีโลโก้พรรคประชาธิปัตย์ วางกองรวมอยู่ในบริเวณลานแม่พระธรณีบีบมวยผมด้วย

ดังนั้น จากข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าไม่ใช่เพียงแค่ กรณีบริษัท อีสต์ วอเตอร์ เท่านั้น นายทะเบียนพรรคการเมือง และดีเอสไอ ควรต้องตรวจสอบ ไต่สวนขยายผลไปให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดว่า เงินบริจาคทั้ง 191 ราย รวมเป็นเงิน 36,454,909 บาทที่แถลงไว้แล้วนั้น ประกอบด้วยผู้บริจาครายใดบ้าง

นายเรืองไกร กล่าวว่า เนื่องจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยอมรับข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนว่า มีการออกใบรับเงินชั่วคราวไว้ทุกครั้ง ดังนั้นจึงต้องมีการลงรายการ การรับบริจาคในบัญชีแสดงรายรับภายใน 15 วัน นับแต่วันที่รายการเกิดขึ้น หากมีการลงบัญชีตามมาตรา 60 วรรคสาม อย่างถูกต้อง การตรวจสอบจะสามารถดูได้จากสมุดบัญชีรายวัน กับสำเนาใบเสร็จรับเงินชั่วคราว และตรวจยันยอดได้จากสมุดเงินฝากออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยกระทรวงการคลัง ได้อีกทางหนึ่ง

ขณะเดียวกัน เมื่อมีการเบิกถอนเงินไปซื้อแคชเชียร์เช็ค จะต้องพบรายการบันทึกบัญชีรายวัน ที่แสดงว่าได้ส่งเงินบริจาคนั้นออกไปให้สำนักนายกรัฐมนตรีแล้ว ด้วยหลักฐานที่เป็นสำเนาแคชเชียร์เช็ค และใบเสร็จค่าธรรมเนียมธนาคาร หากไม่ปรากฏการลงรายการบัญชีทั้งด้านรายรับที่มาจากผู้บริจาคทั้ง 191 ราย และการเบิกถอนเงินทั้งหมดไปซื้อแคชเชียร์เช็ค ก็จะเป็นการกระทำที่ผิดต่อบทบัญญัติของกฎหมายพรรคการเมืองอย่างชัดเจน

หากตรวจพบว่าเป็นเช่นนั้น เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถือเป็นเจ้าพนักงาน จะวินิจฉัยเป็นอื่นไม่ได้ จะต้องดำเนินการส่งเรื่องให้ กกต.หรือ อัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการ เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญต่อไป

ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่า การร้องของตน เป็นการพยายามดิสเครดิตพรรคประชาธิปัตย์ และบอกว่าเอกสารที่เกี่ยวข้อง ก็ให้ดูหมดแล้วนั้น ขอบอกว่า ตนร้องขอให้ตรวจสอบตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ต้องการดิสเครดิสพรรคแต่อย่างใด และหากร้องโดยไม่มีข้อเท็จจริง ตนอาจต้องรับโทษทางอาญา ฐานร้องเท็จได้ ซึ่งได้รับทราบตลอดมาในการให้ถ้อยคำต่อเจ้าพนักงาน

และที่ว่า เอกสารที่เกี่ยวข้องได้ให้ดูหมดแล้วนั้น ยืนยันว่า ตนยังไม่เคยได้ดูเอกสารที่เป็นสมุดบัญชีรายรับ รายจ่าย จากการบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์แต่อย่างใด แม้จะเคยร้องขอดูเอกสารผ่านสื่อมาแล้ว แต่พรรคก็ไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างใด ทำให้ต้องร้องไปยัง ดีเอสไอ เพื่อให้มีการตรวจสอบสมุดบัญชีรายวัน สมุดบัญชีแยกประเภท เอกสารสำเนาใบเสร็จรับเงินชั่วคราว งบการเงินของพรรคปี 2553 เอกสารนำส่งกกต. จากพรรคประชาธิปัตย์โดยตรงต่อไป และหวังว่า ดีเอสไอ จะได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี จากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

นายเรืองไกร กล่าวด้วยว่า หากกรณีที่พบแล้วว่า การกระทำต่างๆ ตามคำร้องนี้ ไม่มีข้อเท็จจริงใดที่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมาย ขอให้ดีเอสไอ สรุปข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายให้ชัดเจน เพื่อส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมือง และ กกต.ได้พิจารณาให้ความเป็นธรรมกับพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยการยกคำร้องโดยเร็ว แต่หากพบว่ากรณีตามคำร้อง มีมูล ขอให้แจ้งนายทะเบียน และกกต. ดำเนินการต่อไปตามอำนาจหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อไปด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากที่นายเรืองไกร ได้ยื่นคำร้องให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบในเรื่องการรับบริจาคดังกล่าวแล้ว ยังได้ไปยื่นคำร้องและเอกสารเพิ่มเติม ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น