“อภิสิทธิ์” รับประชาธิปัตย์เป็นรองเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ ยันพร้อมสู้แม้โจทย์ยาก ชี้เยียวยาล็อตแรกส่อสับสนอัตราจ่ายยังไง หนุนแนวคิด คอป.ให้จ่ายรายเดือนแทนเงินก้อน ย้ำรีบไปก็ไม่ได้หนุนปรองดอง ระบุต้องหาความจริงก่อน จวก “เด็จพี่” มีสิทธิ์อะไรพิพากษาอีสต์วอเตอร์แทนคนอื่น ไล่ไปดูแก้ของแพง ลั่นพรรคไม่ได้เอาเงินบริจาคมาใช้ ถามเข้าใจเจตนารมณ์กฎหมายหรือไม่ หยันเพื่อไทยพอผิดก็โวย 2 มาตรฐาน
วันนี้ (24 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวก่อนเดินทางไปช่วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงว่า ต้องยอมรับว่าโดยสภาพข้อเท็จจริงเป็นพื้นที่ที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรองอย่างมาก แต่ผู้สมัครเป็นคนในพื้นที่มีความตั้งใจ จึงจะไปสื่อสารพูดคุยกับประชาชนถึงความตั้งใจของพรรคที่จะมาเป็นปากเสียงแทนประชาชนชาวเชียงใหม่ ก็หวังว่าจะทำให้สถานการณ์ในแง่การเมือง และในแง่ของการเลือกตั้งของพรรคดีขึ้นมา แต่จะดีมากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับประชาชน อย่างไรก็ตาม พื้นที่นี้เป็นโจทย์ที่ยากกว่าปทุมธานี เพราะการเลือกตั้งครั้งที่แล้วแพ้มาก แต่ยืนยันว่าไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนในประเทศไทย พรรคก็ต้องการไปทำความเข้าใจ และอาสาตัวเข้ามารับใช้ประชาชน และเขื่อว่าหากทุกคนมีจิตใจเป็นประชาธิปไตยจริง ก็ต้องเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้พบปะกับประชาชน
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีที่เงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมลอตแรกออกแล้วโดยมีทั้งชื่อ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และน.ส.กมนเกด อัคฮาด ว่ารัฐบาลชุดที่แล้วก็ได้มีการจ่ายเงินเยียวยาไปแล้วส่วนหนึ่ง แต่ที่จะมีการจ่ายเพิ่มเติมครั้งนี้ยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะดูจะสับสน เนื่องจากมีผู้ที่่จะได้รับ 522 คนจากที่ลงทะเบียนไว้ 1,000 กว่าคน และมีข่าวที่ค่อนข้างสับสนว่าอัตราที่จ่ายจะเป็นอย่างไร แต่ความจริงแล้วเห็นว่าแนวทางที่เหมาะสม คือสิ่งที่ คอป.ได้พูดขึ้นมาว่าแทนที่จะเป็นเงินก้อน น่าจะเป็นเรื่องการเข้าไปดูแลครอบครัว ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียในลักษณะที่เป็นรายเดือนหรือประจำมากกว่า เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่สามารถบรรเทาผลกระทบจากการสูญเสียได้ ทั้งนี้ ได้เตือนมาตลอดว่าหากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง และเร่งรีบจ่ายเงินไปแล้วทำให้เกิดความรู้สึกกลับกลุ่มอื่นๆ อีก ก็ไม่ได้สนับสนุนเรื่องความปรองดอง
ส่วนที่รัฐได้จ่ายเงินเยียวยาโดยที่ยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องการค้นหาความจริงนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการกลายเป็นเรื่องของการเมืองไปหมด และขั้นตอนต่างๆ ก็ไม่ได้เดินตามแนวทางหรือแผนความปรองดองที่ถูกต้อง ที่จะต้องเริ่มจากการค้นหาความจริงก่อน
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุการรับเงินบริจาคของอีสต์วอเตอร์ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วว่า นายพร้อมพงศ์มาตัดสินอะไรแทนคนอื่น ตนคิดว่าควรเอาเวลาไปดูดีกว่ากว่ารัฐบาลแก้ปัญหาของประชาชนได้หรือไม่ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ใช้เงินของอีสต์วอเตอร์ในกิจการของพรรค และบริจาคเข้าช่วยน้ำท่วมในฐานะที่เป็นตัวกลาง แล้วจะมาพยายามเบี่ยงเบนประเด็นจากความเดือดร้อนของประชาชนทำไม สุดท้ายราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ สินค้าราคาแพง และที่ไม่มีใบเสร็จ เพราะพรรคไม่ได้นำเงินที่รับบริจาคมาใช้ และอยากถามว่าเข้าใจเจตนารมณ์ของกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่ ว่าหากพรรคเป็นแค่ตัวกลางก็จะมีบัญชีที่มาพักเงิน และส่งต่อให้ ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีก็ออกใบเสร็จให้บริษัท ไม่ได้ออกให้พรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่เห็นมีประเด็นอะไร ดังนั้น ไม่รู้สึกกังวลอะไร เพราะพรรคเพื่อไทยก็ทำอย่างนี้มาตลอด เบี่ยงเบนประเด็น แล้วโยนเรื่องเข้าไปให้คนนั้นคนนี้สอบ พอไม่ผิดก็โวยว่าสองมาตรฐาน ตรงนี้เป็นสูตรสำเร็จอยู่แล้ว ตนคิดว่าเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์กับประชาชนไม่ดีกว่าหรือ
ส่วนจะต้องเตรียมทีมกฎหมายในการต่อสู้อย่างไรนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ทีมกฎหมายก็ทำหน้าที่ พรรคพร้อมรับการตรวจสอบ แต่เมื่อชี้แจงชัดเจนไปแล้ว กลับไม่พยายามเข้าใจกัน ก็ต้องชี้แจงกันต่อไป แต่ไม่อยากให้เสียเวลากับเรื่องแบบนี้ ให้หน่วยงานตรวจสอบทำไป เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่แทรกแซงอยู่แล้ว