วานนี้(20 พ.ค.55)น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พรรคประชาธิปัตย์ พยายามยื่นให้ศาลวินิจฉัยยุบพรรคเพื่อไทย หลังจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ถูกศาลสั่งให้พ้นสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ว่า ทั้งหมดต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย และจริงๆ แล้วตนเองไม่ใช่นักกฎหมาย คงต้องว่าไปตามกระบวนการ ทางฝ่ายกฎหมายของพรรคมากกว่า และเชื่อว่าพรรคได้ทำตามเงื่อนไขข้อกำหนดอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าได้ให้ทีมกฎหมายของพรรคดูแลเรื่องนี้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทั้งหมดที่เป็นผลจากตรงนี้คงต้องดูก่อน ขออนุญาตเรียนสื่อมวลชน อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปถึงประเด็นตรงนั้น ต้องดูเนื้อหารายละเอียดก่อน
เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขออนุญาตไม่คอมเมนต์ เรื่องนี้ รัฐบาลขอทำหน้าที่แก้ปัญหา และทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีกับประเทศ และเกิดการทำงานที่สร้างสรรค์อันนี้คงเป็นสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น และการทำงานต่างๆในวันนี้ สิ่งที่ต้องเร่งมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ที่ต้องแก้ปัญหาต่างๆรวมถึงการเตรียมรับกับช่วงของฤดูฝนในปลายปีนี้ อันนี้คือสิ่งที่รัฐบาลมุ่งเน้นให้ความสำคัญในช่วงนี้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอนสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่า คดีนายจตุพรเป็นเรื่องเฉพาะตัวของนายจตุพร ที่มีมูลเหตุมาจากการถูกคุมขังในวันเลือกตั้ง ทำให้การเป็นสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง และทำให้สถานภาพการเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงด้วย ไม่ได้เกิดจากการกระทำของกรรมการบริหารพรรค หรือหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกทั้งความเห็นของศาลและ กกต.ก็มีความเห็นแตกต่างกันเรื่องการสิ้นสภาพ ส.ส.ของนายจตุพร จึงไม่มีเหตุผลมาร้องยุบพรรคเพื่อไทย ขอเตือนทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ อย่ากระเหี้ยนกระหือรือยุบพรรคเพื่อไทยในลักษณะเกมการเมืองโดยไม่ดูข้อเท็จจริง และขอให้ทีมกฎหมายไปอ่านคำให้สัมภาษณ์นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่บอกว่าอย่าหลับหูหลับตายื่นยุบพรรคเพื่อไทย หรือนายณรงค์เดช สรุโฆษิต อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯที่มองว่า การรับรองเอกสารสมัครของนายจตุพรไม่ใช่การรับรองเท็จ จึงยื่นยุบพรรคไม่ได้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ร้องยุบพรรคเพื่อไทยโดยไม่สุจริต พรรคเพื่อไทยจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์กลับทันที ตามมาตรา 104 พ.ร.บ.พรรคการเมือง กรณีการกลั่นแกล้ง จงใจใส่ร้ายให้เกิดความเข้าใจผิด ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ไปสำรวจตัวเอง ในคดีนายอภิสิทธิ์ไปรับรองนายธานินทร์ ใจสมุทร เป็นผู้สมัครนายก อบจ.สตูล ทั้งที่ขณะนั้นนายธานินทร์ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นคดีความอยู่ ทั้งนี้ ทางพรรคไม่ได้กังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ เพราะเรื่องนายจตุพรนั้น พรรคเพื่อไทยทำทุกอย่างถูกต้องตามข้อบังคับ ไม่ห่วงจะถูกยุบ ไม่มีเหตุผลใดจะมายุบได้ และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อป้องกันการถูกยุบพรรค ขอให้สบายใจได้ เรื่องจะยุบพรรครอบสามไม่มีทาง พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคตกใจง่าย ขอให้เลิกพูด และดูข้อเท็จจริงตามกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายจตุพร กล่าวถึงกรณีพรรครับบริจาค บริษัท อีสท์วอเตอร์ ว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ถ้าสงสัยก็ตรวจสอบได้ ซึ่งในกระบวนการรับบริจาคพรรคปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมืองมาโดยตลอด และเห็นว่านายจตุพร ก็พูดขู่ไปเรื่อย พูดไม่จริงไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมชี้แจงทุกเรื่อง เพราะยึดตามกฎหมาย และตำหนินายจตุพร ที่โจมตี ศาลรัฐธรรมนูญ หลังมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งส.ส. โดยเห็นว่าเป็นการสะท้อนตัวตนของคนเหล่านี้ว่า หากคำตัดสินไม่ถูกใจ ก็จะกล่าวหาว่าสองมาตรฐาน วิจารณ์ด่าทอ
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณีที่นายจตุพร ขึ้นปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง โดยขู่ว่าจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ในกรณีรับเงินบริจาค 1 ล้านบาทจากบริษัทอีสวอเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นเกิน 50% ว่า ถือเป็นสิทธิ์ที่นายจตุพร ทำได้ ถ้ามีข้อเท็จจริงก็ขอให้ยื่นคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปเลย ไม่ต้องมาขู่สร้างประเด็น แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง นายจตุพร ก็ต้องระวังว่า จะกระทำความผิดกรณีการร้องเท็จด้วย.
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีนายจตุพรระบุได้ยื่นเรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์จากกรณีรับเงินบริจาคจาก บริษัท อีสวอเตอร์ว่ากรณีนี้เห็นว่ามีความชัดเจนกว่าคดีรับเงินบริจาคจากบริษัทเมซไซอะ อันเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายความผิดตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 65 ,71 ,82 ประกอบมาตรา 42 วรรคสอง ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค.
เมื่อถามว่าได้ให้ทีมกฎหมายของพรรคดูแลเรื่องนี้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทั้งหมดที่เป็นผลจากตรงนี้คงต้องดูก่อน ขออนุญาตเรียนสื่อมวลชน อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปถึงประเด็นตรงนั้น ต้องดูเนื้อหารายละเอียดก่อน
เมื่อถามว่าห่วงหรือไม่ จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขออนุญาตไม่คอมเมนต์ เรื่องนี้ รัฐบาลขอทำหน้าที่แก้ปัญหา และทำให้เกิดบรรยากาศที่ดีกับประเทศ และเกิดการทำงานที่สร้างสรรค์อันนี้คงเป็นสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น และการทำงานต่างๆในวันนี้ สิ่งที่ต้องเร่งมีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ที่ต้องแก้ปัญหาต่างๆรวมถึงการเตรียมรับกับช่วงของฤดูฝนในปลายปีนี้ อันนี้คือสิ่งที่รัฐบาลมุ่งเน้นให้ความสำคัญในช่วงนี้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ จะยื่นคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพิกถอนสมาชิกภาพ ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่า คดีนายจตุพรเป็นเรื่องเฉพาะตัวของนายจตุพร ที่มีมูลเหตุมาจากการถูกคุมขังในวันเลือกตั้ง ทำให้การเป็นสมาชิกพรรคสิ้นสุดลง และทำให้สถานภาพการเป็น ส.ส.สิ้นสุดลงด้วย ไม่ได้เกิดจากการกระทำของกรรมการบริหารพรรค หรือหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อีกทั้งความเห็นของศาลและ กกต.ก็มีความเห็นแตกต่างกันเรื่องการสิ้นสภาพ ส.ส.ของนายจตุพร จึงไม่มีเหตุผลมาร้องยุบพรรคเพื่อไทย ขอเตือนทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ อย่ากระเหี้ยนกระหือรือยุบพรรคเพื่อไทยในลักษณะเกมการเมืองโดยไม่ดูข้อเท็จจริง และขอให้ทีมกฎหมายไปอ่านคำให้สัมภาษณ์นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ที่บอกว่าอย่าหลับหูหลับตายื่นยุบพรรคเพื่อไทย หรือนายณรงค์เดช สรุโฆษิต อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาฯที่มองว่า การรับรองเอกสารสมัครของนายจตุพรไม่ใช่การรับรองเท็จ จึงยื่นยุบพรรคไม่ได้
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ร้องยุบพรรคเพื่อไทยโดยไม่สุจริต พรรคเพื่อไทยจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์กลับทันที ตามมาตรา 104 พ.ร.บ.พรรคการเมือง กรณีการกลั่นแกล้ง จงใจใส่ร้ายให้เกิดความเข้าใจผิด ขอให้พรรคประชาธิปัตย์ไปสำรวจตัวเอง ในคดีนายอภิสิทธิ์ไปรับรองนายธานินทร์ ใจสมุทร เป็นผู้สมัครนายก อบจ.สตูล ทั้งที่ขณะนั้นนายธานินทร์ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งเป็นคดีความอยู่ ทั้งนี้ ทางพรรคไม่ได้กังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ เพราะเรื่องนายจตุพรนั้น พรรคเพื่อไทยทำทุกอย่างถูกต้องตามข้อบังคับ ไม่ห่วงจะถูกยุบ ไม่มีเหตุผลใดจะมายุบได้ และพรรคเพื่อไทย ไม่ได้ตั้งพรรคเพื่อป้องกันการถูกยุบพรรค ขอให้สบายใจได้ เรื่องจะยุบพรรครอบสามไม่มีทาง พรรคเพื่อไทยไม่ใช่พรรคตกใจง่าย ขอให้เลิกพูด และดูข้อเท็จจริงตามกฎหมาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายจตุพร กล่าวถึงกรณีพรรครับบริจาค บริษัท อีสท์วอเตอร์ ว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ถ้าสงสัยก็ตรวจสอบได้ ซึ่งในกระบวนการรับบริจาคพรรคปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมืองมาโดยตลอด และเห็นว่านายจตุพร ก็พูดขู่ไปเรื่อย พูดไม่จริงไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมชี้แจงทุกเรื่อง เพราะยึดตามกฎหมาย และตำหนินายจตุพร ที่โจมตี ศาลรัฐธรรมนูญ หลังมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งส.ส. โดยเห็นว่าเป็นการสะท้อนตัวตนของคนเหล่านี้ว่า หากคำตัดสินไม่ถูกใจ ก็จะกล่าวหาว่าสองมาตรฐาน วิจารณ์ด่าทอ
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา ในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า กรณีที่นายจตุพร ขึ้นปราศรัยบนเวทีคนเสื้อแดง โดยขู่ว่าจะยื่นยุบพรรคประชาธิปัตย์ในกรณีรับเงินบริจาค 1 ล้านบาทจากบริษัทอีสวอเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลถือหุ้นเกิน 50% ว่า ถือเป็นสิทธิ์ที่นายจตุพร ทำได้ ถ้ามีข้อเท็จจริงก็ขอให้ยื่นคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ไปเลย ไม่ต้องมาขู่สร้างประเด็น แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่จริง นายจตุพร ก็ต้องระวังว่า จะกระทำความผิดกรณีการร้องเท็จด้วย.
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีนายจตุพรระบุได้ยื่นเรื่องยุบพรรคประชาธิปัตย์จากกรณีรับเงินบริจาคจาก บริษัท อีสวอเตอร์ว่ากรณีนี้เห็นว่ามีความชัดเจนกว่าคดีรับเงินบริจาคจากบริษัทเมซไซอะ อันเป็นการกระทำที่อาจเข้าข่ายความผิดตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 65 ,71 ,82 ประกอบมาตรา 42 วรรคสอง ซึ่งมีโทษถึงขั้นยุบพรรค.