ปธ.กกต.ชี้กฎหมายพรรคการเมืองที่ตัดอำนาจเด็ดขาดนายทะเบียนฯ ให้ต้องอยู่ในร่มเงากกต.แทนสร้างปัญหาให้นายทะเบียนฯ กลายเป็นเด็ก ไม่มีอำนาจจริง แถมยังทำให้เกิดปัญหาตีความ กม. พร้อมรับสะเทือนใจกับการต้องสั่งยุบพรรค แสดงความยินดี “จารุพงศ์-ณัฐวุฒิ” ติดโผ ครม.
วันนี้ (20 ม.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) บรรยายในหัวข้อ “บทบาทของนายทะเบียนพรรคการเมืองกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของพรรคการเมือง ข้อเท็จจริง ปัญหา และข้อเสนอแนะ” ให้แก่นักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.รุ่นที่ 3) ตอนหนึ่งว่า ขณะเข้ารับตำแหน่งปี 49 มีพรรคการเมืองมายื่นขอจดทะเบียนจัดตั้ง 70 พรรค แต่ปัจจุบันเหลือที่ยังดำเนินกิจการอยู่เพียง 39 พรรคเท่านั้น เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้ โดยเฉพาะการหาสมาชิกพรรคให้ครบ 5,000 คน
อีกทั้งพรรคการเมืองหลายพรรคขาดการให้ความช่วยเหลือในเรื่องงบประมาณ จากนายทุนที่จะเข้ามาสนับสนุนในการดำเนินกิจการทางพรรคการเมือง ส่วนปัจจัยสำคัญที่กลุ่มนายทุนและผู้ให้การสนับสนุนพรรคไม่ยอมเปิดเผยตัว เนื่องจากให้การสนับสนุนหลายพรรคการเมืองนั่นเอง แต่หลักๆพรรคที่จะประสบความสำเร็จและได้รับการสนับสนุนส่วนใหญ่เป็นพรรคการ เมืองขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มว่าจะชนะการเลือกตั้ง ส่วนพรรคขนาดเล็กที่จะได้รับการสนับสนุนนั้นมีอยู่น้อยมาก
สำหรับตำแหน่งนายทะเบียนพรรคการเมือง บทบาทอำนาจหน้าที่ในปัจจุบันแตกต่างกันมากระหว่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองปี 40 กับปี 50 โดยมีขอบเขตอำนาจไม่เท่ากัน เนื่องจากปี 2540 ให้อำนาจนายทะเบียนฯมากในการพิจารณาเรื่องที่เกิดขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งอำนาจส่งเรื่องยุบพรรรคการเมืองไปยังศาลรัฐธรรมนูญได้ทันทีและเด็ดขาด ไม่ต้องรอหารือกับกกต. แต่ขณะที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2550 การดำเนินการใดๆ ของนายทะเบียนต้องถามความเห็นของ กกต.ก่อน ซึ่งส่วนตัวมองว่าการยุบพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจมาก และไม่อยากให้มีการยุบพรรคแล้วมาจัดตั้งขึ้นใหม่ เกิดขึ้นกับประเทศไทย เพราะการจัดตั้งพรรคการเมืองในไทยทำได้ง่าย แต่การทำให้พรรคการเมืองคงอยู่ได้นานนั้นทำได้ยาก
“ตามกฎหมายให้ประธาน กกต.ต้องเป็นนายทะเบียนโดยตำแหน่ง ก็เลยลำบากแก่การปฏิบัติ เพราะปัจจุบันต้องขอความเห็นชอบจาก กกต.คนอื่นๆ ก่อน จึงมองว่านายทะเบียนพรรคการเมืองกลายเป็นเด็กไปแล้ว ไม่ได้มีอำนาจอะไร ทุกวันนี้ทุกเรื่องต้องเข้า กกต.ทั้งหมด แม้กระทั่งการวินิจฉัยชี้ขาดการยุบพรรคก็ตาม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงหลักฏหมายในส่วนที่เป็นอำนาจเฉพาะของนายทะเบียนพรรคการเมืองต้องผ่านการเห็นชอบของ กกต.ทำให้เป็นปัญหาในการตีความเกี่ยวกับการใช้อำนาจ” นายอภิชาตกล่าว และว่ามีความตั้งใจในการทำงาน โดยต้องการให้การจัดการเลือกตั้งของไทยมีความเที่ยงธรรม ซึ่งในอดีตเกิดปัญหามีเรื่องมากพอสมควร แต่ปัจจุบันรู้สึกดีใจที่สถานการณ์ผ่านไปได้ดีเรียบร้อยขึ้น จึงอยากให้ช่วยกันทำให้สังคมมีความสุขและทำให้ประเทศก้าวผ่านวิกฤตไปให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการเริ่มบรรยายประธาน กกต.ได้กล่าวแสดงความยินดีกับนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรฯ 2 นักศึกษา พตส. รุ่นที่ 3 ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี และในช่วงท้ายของการบรรยายนายสันติภาพ เตชะวนิช รักษาการประธานนักศึกษา พตส.รุ่น 3 ก็ได้เป็นตัวแทนนักศึกษามอบช่อดอกไม้หลากสีแสดงความยินดีแก่บุคคลทั้งสอง
