แก๊ง พท.ชี้ถึงเวลาเปลี่ยนขั้วอำนาจ เหตุสายอนุรักษ์-เสรีนิยม ขัดแย้งหนัก

วงสัมมนาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง กกต.“ชำนิ” ชี้ ความขัดแย้งในสังคม เกิดจาก “แม้ว” กับ “รัฐไทย” ด้าน “ปลอดประสพ” เชื่อ จะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญจากขั้วอำนาจ ระบุ แก้ รธน.ต้องอยู่บนความปรองดองก่อน “โฆษกชาติไทยฯ” ยก “นักการเมือง-ทหาร-ม็อบ” ตัวละครขัดแย้ง “ณัฐวุฒิ” หัวหอกแดงสวน “ชำนิ” ยัน “แม้ว” ไม่ขัดแย้งปชช.ชี้ การเมืองขัดแย้งหนัก ระหว่างสายอนุรักษ์ กับเสรีนิยม

วันนี้ (13 ม.ค.) ในการอบรมนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง สำนักงาน กกต.ซึ่งมีการจัดสัมมนา หัวข้อ “พรรคการเมืองกับความขัดแย้งและความหลากหลายในสังคมไทย” นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความขัดแย้งปัจจุบันไม่ใช่เป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมือง แต่เป็นความขัดแย้งระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับรัฐไทย ซึ่งถ้าเราจะปรองดองจะปรองดองอะไร ใครกับใครที่อธิบายอย่างนี้ เรากำลังหาหนทางปรองดองด้วยการนิรโทษกรรม นี่คือ เรื่องผิดทางการเมือง ประเทศไทยให้นิรโทษกรรมทางการเมืองเสมอถึง 24 ครั้ง ตั้งแต่ปี 2475 มี 4 โมเดล คือ 1.รัฐประหารออกกฎหมายนิรโทษให้การทำรัฐประหาร 2.ทำรัฐประหารล้มเหลวเป็นกบฏออกกฎหมายนิรโทษกรรม 3.ขบวนการศึกษานักศึกษาประชาชนเคยมีนิรโทษกรรม 4.นิรโทษกรรมในเหตุการณ์ 17 พฤษภาคม 2535 รวมถึงกรณีพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย สุดท้ายมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม กรณีกฎหมายนิรโทษกรรมทำให้คนเข้าป่าได้รับการนิรโทษกรรมทั้งหมด นี่คือ การได้ออกนิรโทษกรรม พอถึงปัจจุบัน ทั้ง 4 โมเดล ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่นิรโทษกรรมให้ทางผิดอาญา ทำให้เกิดการเผชิญหน้า ทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ กลับไม่ได้ เพราะศาลได้ตัดสินจำคุก ดังนั้น ขบวนการเหล่านี้ทำให้กลายเป็นขัดแย้งทักษิณกับรัฐไทย

นายชำนิ กล่าวว่า ความขัดแย้งหลัก สังคมไทย ตราบใดเราหาคู่ขัดแย้งไม่พบเราปรองดองไม่ได้ ความขัดแย้งไทยเป็นขัดแย้งระบบการเมืองที่พูดแก้ไม่แก้รัฐธรรมนูญ วันนี้ต้องยอมรับว่าระบบการเมืองไทยไม่ต่อเนื่อง ประเทศไทยเวลาแก้รัฐธรรมนูญเมื่อไรแก้ยาก แต่ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ยากกว่า วันนี้มีคนเสื้อแดงติดคุกคนเหล่านั้นต้องได้รับเป็นธรรมเพราะขัดแย้งกับกฎหมายไทย และรัฐไทย ไม่ได้ขัดแย้งกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วติดคุก ถ้าดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แล้วต้องออกจากคุกได้ ดังนั้น สภาพนี้ยังดำรงอยู่เพราะได้รับผลกระทบ เราจะยุติความขัดแย้งด้วยวิธีใด อภัยโทษไม่ได้ เพราะเงื่อนไขไทยไม่เคยให้แบบนี้มาก่อน นิรโทษกรรมไม่ได้ เพราะเงื่อนไขแบบนี้ไม่เคยมี ตนตั้งคำถามตลอดพูดรัฐธรรมนูญถ้าแก้จะแก้เรื่องอะไร ทั้งนี้ ประเทศไทยเคยมี ส.ส.ร.ก็ถ่ายโอนอำนาจรัฐบาลให้ ส.ส.ร.กระบวนการเหล่านี้จะผ่านสำเร็จอย่างไร ตนยืนยันพร้อมอยู่กระบวนการปรองดอง ปฏิรูปการเมืองไทย

ด้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวว่า นายชำนิ ยังข้ามไม่พ้น พ.ต.ท.ทักษิณ ที่บอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ขัดแย้งกับรัฐไทย ตนมีสติปัญญาไม่ลึกซึ้งไม่รู้รัฐไทยคืออะไร ขบวนการ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มี มีแต่น้อง พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ในสังคมใหญ่ความขัดแย้งเกิดขึ้นดำรงอยู่ และขยายตัวไปจากความเห็นต่าง บนพื้นฐานของผลประโยชน์ที่แตกต่างกันเท่านั้น ไม่ใช่เห็นต่างอยู่คนละมุม พรรคการเมืองต้องมีนโยบายลดความขัดแย้งไม่ให้ความขัดแย้งไปสู่รุนแรง ตนเคยพูดปรองดองในพรรค แต่ถูกด่ายับ เหมือนตนพูดน้ำท่วมโดนด่า แต่สุดท้ายน้ำท่วม สภาวะการเมืองปัจจุบันที่เกี่ยวกับขัดแย้งนั้น ขณะนี้ที่แก้ได้ลำบากเพราะว่า พรรคการเมืองเป็นพรรคการเมืองและเป็นพรรคที่อีกกลุ่มเป็นการเมืองภาคประชาชน

นายปลอดประสพ กล่าวว่า ขณะนี้ทหารก็พยายามรักษาดุลอำนาจตัวเองอยู่ เพียงแต่โอกาสเท่านั้นสถานการณ์ที่จะมีอะไรเกิดขึ้นมาอีก เท่ากับกลุ่มอิทธิพล กลุ่มเก่า โบราณ ครอบครัวตนในอดีตก็พยายามรักษาอำนาจอิทธิพลอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกลุ่มรากหญ้าแสดงบทบาทสูงขึ้นมีข้อเรียกร้องต่างๆ มากขึ้นยิ่งกว่านั้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่รากหญ้าไม่กลัวแตกหัก แม้การเปลี่ยนแปลงพลิกฝ่ามือก็ถึงเวลาที่จะทำ ตนเชื่อว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทางการเมือง เพราะทุกวินาทีมีการประลองอำนาจกันระหว่างขั้วตลอดเวลา และจะมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตนและหลายคนเชื่อว่าที่สุดประชาชนส่วนใหญ่จะชนะ พรรคเพื่อไทยจริงใจปรองดองหรือไม่ เนื่องจากเราคิดว่าเป็นความจำเป็นแก้รัฐธรรมนูญ เพราะสิ่งที่เราหาเสียง และรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ก็ร่างโดยฝ่ายทหารปฏิวัติ ไม่เป็นประชาธิปไตยเชื่อถือไม่ได้ ใช้ไม่ได้ การแก้รัฐธรรมนูญควรแก้ภาวะที่ประเทศปรองดอง ไม่ใช่แก้บนประเทศพูดไม่รู้เรื่อง มิเช่นนั้นก็จะถูกแก้อีก พรรคเพื่อไทย หรือแม้แต่รัฐบาล อยากเห็นการแก้กติกา และการแก้กติกาอยู่ภายในบรรยากาศเข้าใจหรือปรองดอง

ขณะที่ นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ประเทศไทยมีความขัดแย้งที่รุนแรงมาก แม้บางคนอาจมองโลกแง่ดีความขัดแย้งอาจบรรเทาหรือเบาบางแต่เราทราบว่าไม่จริง เพียงแต่วันนี้รอวันปะทุรอบใหม่ หากมีเงื่อนไขที่เหมาะสม พรรคการเมืองปรองดองและขัดแย้งหรือไม่ ตนว่ามีมากเหลือเกิน 6-7 ปี จึงอยากวาดภาพความขัดแย้งเป็นละครเรื่องยาวอยากให้จบเสียที มินิซีรีส์มีตัวแสดงหลายตัว 1.นักการเมืองและพรรคการเมือง ผลัดเป็นพระเอกกับผู้ร้าย 2.แขกรับเชิญ ทหารในปัจจุบันและไม่ใช่ปัจจุบัน หรือเป็นผู้กำกับเอง พวกเหล่านี้จะดึงฝ่ายการเมืองเป็นบางครั้งบางคราว 3.การเมืองภาคประชาชน เป็นเจ้าประจำ เหล่านี้จะมาสถานการณ์พิเศษเป็นระยะ ซึ่งเป็นคุณกับระบอบประชาธิปไตย แต่อาจต้องตกแต่งบทบาท

นายวัชระ กล่าวว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญบางมาตรา นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา เคยพูดเอาไว้ผ่านสื่อรัฐธรรมนูญ 2550 มุ่งชัดล้างแค้นคนๆเดียว พรรคเดียว ให้ คน 65 ล้านคนมารับกรรม พรรคชาติไทยพัฒนาเห็นว่ารัฐธรรมนูญมีปัญหาสมควรได้รับการแก้ไข เงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้ง วันนี้ ควรใคร่ครวญพิจารณาว่าควรจะหยิบขึ้นมาหรือไม่ ถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีจุดยืนอย่างไร คำตอบชัดว่า ไม่ว่าสิ่งที่ตนจะพูดจะเชื่อหรือไม่ แต่ชทพ.เชื่อว่าเราชัดเจนต้องการลดความขัดแย้งยุติได้ก็จะทำเพื่อสร้างความปรองดองในชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะนักศึกษา พตส.รุ่นที่ 3 อภิปรายในช่วงท้าย ว่า ความขัดแย้งวันนี้ตนเห็นต่างกรณีคู่ขัดแย้งระหว่างพ.ต.ท.ทักษิณ กับอำนาจรัฐไทย ตนไม่ได้ปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เห็นต่าง เพราะถ้าหากเราอธิบายคู่ขัดแย้งไม่ตรงข้อเท็จจริงเราจะไม่เข้าใจความขัดแย้งและหาทางออกจากความขัดแย้งไม่ได้ ถ้าพ.ต.ท.ทักษิณขัดแย้งกับรัฐไทย อำนาจรัฐไทยมาจากประชาชนใช่หรือไม่ หรือเท่ากับทักษิณขัดแย้งกับประชาชนใช่หรือไม่ และทำไมเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยถึงชนะเลือกตั้ง ดังนั้นความขัดแย้งไม่ใช่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ขัดแย้งกับรัฐไทย แต่เป็นความขัดแย้งใหญ่ที่ยังสู้ไม่เสร็จในประเทศไทย เป็นความขัดแย้ง 2 สายทาง สายอนุรักษนิยม กับเสรีนิยม ต่อสู้หักล้างตลอด ต่อสู้แหลมคมหนักหน่วงช่วงนี้

“เมื่อคนประชาชนส่วนใหญ่ประเทศ มีโอกาสเข้าถึงข่าวสารความขัดแย้งการต่อสู้ 2 อุดมการณ์จะเกิดผลเปลี่ยนแปลงใหญ๋ต่อโครงสร้างสังคมไทยแน่นอน แต่หลังผ่านความขัดแย้งคลี่คลายจะสังคมไทยจะไม่เหมือนเดิม จะเปลี่ยนแปลงแน่นอน ดังนั้น เราผู้ผ่านการเปลี่ยนจากปี 2553 ต้องช่วยกัน ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงครั้งหน้าจะฆ่ากันมาก ถ้าเราไม่ช่วยก็ไม่รับผิดชอบต่อบ้านเมืองนี้”