กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนฯ เชื่อเลือกตั้งซ่อมเขต 3 เชียงใหม่สัปดาห์หน้าไม่รุนแรง เหตุยังไม่พบเรื่องร้องเรียน เผยที่ประชุม กกต.เตรียมพิจารณาคำร้อง ปชป.รับเงินบริจาค “อีสท์วอเตอร์” เบรกดีเอสไอยังไม่ควรยุ่งเรื่องนี้ เพราะตามขั้นตอนกระบวนการที่ถูกต้องนั้นจะต้องเป็นงานที่ กกต.ทำก่อน ผลเป็นอย่างไรแล้วค่อยไปขยายผล ไม่ใช่ทำก่อนแล้วส่งมาให้ กกต.ซึ่งจะยุ่งยากเหมือนคดีแมซไซอะ
วันนี้ (27 พ.ค.) นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เชียงใหม่ เขต 3 ในวันที่ 2 มิ.ย.ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีเรื่องร้องเรียนเข้ามายังสำนักงาน กกต. ภาพรวมบรรยากาศการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ดีกว่าครั้งที่ผ่านมา เชื่อว่าจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และก็ไม่ได้แข่งขันกันอย่างรุนแรง เนื่องจากมีผู้สมัครลงเลือกตั้งเพียง 2 คนจาก 2 พรรคการเมืองใหญ่เท่านั้น
เมื่อถามว่า หากการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิมแพ้การเลือกตั้งจะส่งผลอย่างไรต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า คงไม่มีผลกระทบอะไรในเรื่องของที่นั่ง แต่หากมองในแง่ของศักดิ์ศรีก็อาจจะส่งผลหากการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคประชาธิปัตย์ได้คะแนนเพิ่มขึ้น หรือชนะการเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าของพื้นที่นี้มานาน
นายสมชัยกล่าวถึงกรณีคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ขอให้นายทะเบียนพรรคการเมืองตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ ในการรับบริจาคเงิน 1 ล้านบาท จากบริษัท อีสท์วอเตอร์ จำกัด (มหาชน) ว่าขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน และ กกต.เองยังไม่เห็นเรื่อง แต่ในที่ประชุม กกต.ก็ได้มี กกต.พูดถึงเรื่องนี้ว่าเป็นอย่างไร ทำไม กกต.ไม่รู้เรื่อง และเท่าที่ทราบก็ทราบจากข่าวที่ลงทางสื่อหนังสือพิมพ์ จึงได้ให้ทางฝ่ายเลขานุการไปทำรายงานและเสนอเข้าที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณากันอีกครั้งว่าเรื่องเป็นอย่างไร
“ผมยังไม่พูดว่าเรื่องนี้ผิดหรือถูก เพราะยังไม่เห็นคำร้องว่าร้องมาอย่างไร แต่การช่วยเหลือน้ำท่วมนั้นเป็นเรื่องของมนุษยธรรม หากบุคคลใดมีความประสงค์ให้ความช่วยเหลือกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันในช่วงเวลาที่เดือดร้อน และที่ผ่านมามติ กกต.ได้ระบุไว้ว่า ให้พรรคการเมืองสามารถบริจาคเงินช่วยเหลือตามประเพณีไม่เกิน 3 แสนบาท แต่ในกรณีนี้เป็นจำนวน 1 หลักล้านบาท และเป็นตัวกลางในการรับบริจาคเพื่อส่งต่อ ซึ่งพรรคอื่นๆ ก็มีการดำเนินการเช่นนี้เหมือนๆ กันทุกพรรค อย่างไรก็ตาม ในข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าว ท้ายที่สุดก็ต้องเข้าสู่ที่ประชุม กกต.เพื่อพิจารณาต่อไป” นายสมชัยกล่าว
เมื่อถามว่า หากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต้องการเชิญผู้เชี่ยวชาญของ กกต.ด้านกฎหมายพรรคการเมืองไปให้ข้อมูลในเรื่องกฎหมายพรรคการเมือง ก่อนที่จะสรุปรับเป็นคดีพิเศษ นายสมชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ควรที่จะเริ่มจาก กกต. และถ้าพิจารณาแล้วเป็นความผิดทางอาญา จึงค่อยส่งเรื่องไปยังดีเอสไอดำเนินการต่อ แต่ขณะนี้ทางดีไอเอสจะพยายามที่เอาความผิดทางอาญามาบีบ กกต. เหมือนกับคดีของแมซไซอะ ซึ่งไม่ถูกต้อง และตามข้อเท็จจริงมันไม่เป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง ถึงแม้ดีเอสไอทำมาแล้วส่ง กกต. กฎหมาย กกต.ก็ต้องเรียกพยานมาสอบอยู่ดี รื้อเรื่องดูใหม่อยู่ดีเท่ากับต้องไปเริ่มต้นตามกระบวนการใหม่ ซึ่งจะช้ากว่าให้ กกต.ทำเอง แล้วผลเป็นอย่างไรต้องดำเนินคดีอาญาทางดีเอสไอก็สามารถไปต่อยอดได้