เว็บประชาธิปัตย์ถูกล็อกทุกหน้า ตั้งข้อสังเกตหนีตรวจสอบคดีอีสต์วอเตอร์หรือไม่ “สาธิต” บอกไม่รู้ ตัวเองไม่ค่อยได้เข้า ย้ำเงินบริจาคไม่ได้เข้าพรรค “สุเทพ” รับในฐานะรองนายกฯ ซัดกลับ “เรืองไกร” เมียรวยขึ้น 45 ล้าน รับงานใครมาหรือเปล่า ด้าน ส.ว.จอมแฉโต้ภรรยารายได้มากพอ มีที่มาที่ไปถูกต้องทุกอย่าง ท้าฟ้อง ป.ป.ช.ได้เลย พร้อมยันไม่ได้เตี๊ยม “ไอ้ตู่” งงรู้ข้อมูลมาจากไหน
วานนี้ (22 พ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 20.45 น. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา และนายสาธิต ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมในรายการ “คมชัดลึก” ทางเนชั่นทีวี ถกกันถึงประเด็น “อีสต์วอเตอร์” ปมยุบพรรคประชาธิปัตย์? ดำเนินรายการโดย น.ส.จอมขวัญ หลาวเพ็ชร์
นายเรืองไกรได้ตั้งข้อสังเกตกรณีเงินบริจาคของบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออกจำกัด (มหาชน) หรือบริษัท อีสต์วอเตอร์ ที่มอบให้แก่สำนักนายกฯ เพื่อช่วยน้ำท่วมเมื่อปี 2553 ว่า ได้นำเข้าบัญชีของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะหากเป็นเช่นนั้นพรรคจะผิดตามข้อกฎหมายที่ห้ามบริษัทที่มีรัฐถือหุ้นบริจาคให้พรรคการเมือง แต่กรณีนี้โทษไม่หนักถึงขั้นยุบพรรค แต่ที่หนักคือหากลงบัญชีไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ประชาธิปัตย์อาจถูกยุบได้
อีกทั้งมีขั้นตอนที่ไม่ชอบมาพากลดังนี้ หากรับเป็นเงินสดมาจะต้องซื้อเป็นแคชเชียร์เช็คอีกทำไม เงินสดถ้ารับมาเท่าไหร่ก็ทำบัญชีแล้วส่งเข้าสำนักนายกฯ เลย แล้วเวลาเคลียริ่งเช็คออกเป็นเช็คใบเดียว 36 ล้านบาท จาก 191 ผู้บริจาค ทำไมต้องรวมเป็นใบเดียวกัน อีกทั้งเว็บไซต์ประชาธิปัตย์ขึ้นว่าเลขบัญชีนั้นเป็นของพรรคประชาธิปัตย์ พอไปตรวจเว็บ กกต.ไม่ขึ้นว่าเป็นบัญชีที่ประชาธิปัตย์แจงไปที่ กกต.
อีกทั้งเช็คบริจาคของอีสต์วอเตอร์ลงวันที่ 4 พ.ย. ประชาธิปัตย์มอบให้สำนักนายกฯ วันที่ 1 ธ.ค. และใบเสร็จออกวันที่ 2 ธ.ค. เท่ากับว่ามีการเก็บเงินบริจาคไว้กับประชาธิปัตย์ 1 เดือน ก่อนจะถอนออกมาพร้อมๆ กับผู้บริจาครายอื่นเพื่อมอบให้สำนักนายกฯ ตรงนี้ที่กฎหมายพรรคการเมืองบอกว่าต้องลงบัญชีรายรับไว้
ด้าน นายสาธิตกล่าวโต้ว่า ประชาธิปัตย์รับบริจาคมา 36 ล้านบาท แล้วก็ส่งไปสำนักนายกฯ 36 ล้าน โดยเส้นทางมันเป็นเรื่องปกติ หมายความว่าไม่ว่าผู้บริจาคจะเซ็นวันไหน เขาก็ลงวันที่ตามบริจาคจริง นายสุเทพก็รับของคนนั้นคนนี้ในฐานะรองนายกฯ แล้วก็ส่ง ตนนึกไม่ออกว่าประชาธิปัตย์จะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เพื่ออะไร มันเป็นภาระหน้าที่ของคนที่เป็นรองนายกฯ เพียงแต่ว่าเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ด้วย นายสุเทพมี 2 สถานะ แล้วก็วิ่งรับเงินบริจาค จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่รวบรวมซึ่งอาจเป็นเลขาฯ ส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับพรรค
เวลาพิจารณาไม่ว่าเรื่องร้องเรียนหรือคดีอาญา เขาดูที่หลักเจตนา ดูที่ผลการกระทำสู่ปลายทาง ถ้าประชาธิปัตย์รับมาแล้วเอาเข้าพรรค อันนั้นเจตนาชัดว่าเอาเข้าพรรคการเมือง ซึ่งเขาห้ามให้บริษัทที่รัฐถือหุ้นบริจาคเงินให้พรรคการเมือง แต่เจตนาที่สำคัญคือรวบรวมและส่งตามบัญชีที่มีอยู่ สำนักนายกฯ ก็ออกใบเสร็จให้ แล้วจะมีเจตนาอะไร
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าข้อมูลทุกอย่างที่ออกทางเว็บไซต์ของประชาธิปัตย์ ถูกต้องทั้งหมดหรือไม่ นายสาธิตตอบว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของทีมโฆษก
เมื่อถามต่อว่าทำไมต้องรวมเงินบริจาคเป็นก้อนเดียวกันแล้วค่อยให้ไปยังสำนักนายกฯ นายสาธิตตอบว่า เป็นเรื่องการจัดการของรองนายกฯ (นายสุเทพ) บางทีวันนึงอาจรับหลายที่ บางทีอาจเพื่อความสะดวกเลยรวบรวมสักก้อนหนึ่งแล้วส่งไปครั้งเดียว อันนี้ต้องถามรองนายกฯเอง ไม่เกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์
จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้ถามถึงกรณีเว็บไซต์ประชาธิปัตย์ (www.democrat.or.th) ซึ่งก่อนหน้านี้สามารถเข้าดูได้ทุกหน้า แต่ตอนนี้เมื่อเข้าไปแล้วจะเจอแต่หน้านายอภิสิทธิ์ และให้เชื่อมไปยังเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทิวบ์ และเว็บเมลได้เท่านั้น และหากอยากเข้าหน้าอื่นต้องใช้การค้นหา ซ้ำยังดูไม่ได้อีกต้องใส่ล็อกอินด้วย นายสาธิตกล่าวว่า ไม่ทราบ ยอมรับว่าตน 2 เดือนถึงจะเข้าเว็บพรรคครั้งนึง
นอกจากนี้ ก่อนพักโฆษณาทางผู้ดำเนินรายการได้ให้นายสาธิตติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่พรรคที่รับผิดชอบเรื่องเว็บไซต์ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้ นายสาธิตเองก็ได้บอกว่าตนก็งงเช่นกัน ก่อนหน้านี้ก็ยังเข้าได้ตามปกติ
นายสาธิตยังกล่าวต่อว่า การทำกิจกรรมรับบริจาค พรรคดูทุกข้อกฎหมายแล้ว เราไม่ทำผิดกฎหมายแน่นอน เราหาทางออกช่วยเหลือพี่น้องประชาชน อันไหนกฎหมายห้ามก็ไม่ทำ การทำในนามนายสุเทพก็อาจถ่ายรูปติดพรรค มีคนในพรรคร่วมอยู่ในภาพ อยากให้นายเรืองไกรสนใจเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติดีกว่าหรือไม่
หลังจากที่นายเรืองไกรหันมาตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์ ทรัพย์สินของภรรยาคู่สมรสเพิ่มขึ้นผิดปกติถึงประมาณ 40-45 ล้าน ภรรยานายเรืองไกรเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี รายได้ตามที่แจ้งไว้ตกปีละประมาณ 9 ล้านบาท ทำงาน 2-3 ปี เต็มที่ก็อยู่ที่ 27 ล้าน แต่เมื่อออกจากตำแหน่ง เพิ่มขึ้นมาอีก 45 ล้าน ตนมีสิทธิ์สงสัยว่านายเรืองไกรรับงานใครทำหรือเปล่า
นายเรืองไกรกล่าวแย้งว่า เงินฝากตน 40 ล้านบาท ป.ป.ช.คอนเฟิร์มแล้ว เงินซื้อที่ดินสร้างบ้าน ภรรยากู้จากแบงก์กรุงเทพ ที่สำคัญตนเขียนเช็คให้ภรรยา 15 ล้านบาท ดูได้เงินส่วนของตนลดลง ยอดรวมรายได้ของตนกับภรรยา เงินเดือน ส.ว.ทั้งปียังไม่เท่าภาษีที่ภรรยาตนเสียทั้งปีเลย ภรรยาตนมีรายได้จำนวนมากพอควร แล้วถูกต้องตามที่เสียภาษีทุกอย่าง สามารถร้องไปที่ ป.ป.ช.ได้ ว่าร่ำรวยผิดปกติหรือไม่ ยินดีให้เอาทุกคนในพรรคมาตรวจเลย
ส่วนกรณีที่นายจตุพรพูดเรื่องอีสต์วอเตอร์ ในการปราศรัยวันที่ 19 พ.ค. ตนไม่ทราบว่าเขารู้จากอะไร แล้วที่สอดคล้องกับที่นายจตุพรร้องดีเอสไอ ตนก็ได้ไปร้องก่อนแล้ว ไม่มีอะไรกันแน่นอน ไม่ได้คุยกันด้วย ตนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวันเสาร์เขาพูดเรื่องนี้