ASTVผู้จัดการรายวัน-มหาดไทย ชงดีเอสไอ เรียก กทม.แจงต่อสัญญาให้ BTSC ด้าน ส.ส.กทม.ปชป. รุมป้องผู้ว่าฯ ยันกทม.ขยายสัญญาจ้าง ไม่ใช่ต่อสัมปทานรถไฟฟ้า ฯ ซัด พท.เล่นเกมการเมืองไส่ร้ายไม่สร้างสรรค์ หลังผลสอบ CCTV ไร้โกง
วานนี้(27 พ.ค.55)นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่กรุงเทพมหานคร ขยายสัญญา BTS โดยมิชอบ ว่า วันนี้ได้ติดตามกรณีที่กระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือถึง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พบว่า การดำเนินการของ กรุงเทพมหานคร น่าจะไม่มีอำนาจ เพราะกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ซึ่งกรุงเทพมหานคร ไม่มีอำนาจไปขยายสัญญา และให้บริษัท กรุงเทพธนาคม (KT) ไปดำเนินการน่าจะเป็นนิติกรรมอำพราง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซึ่งการขยายสัญญา BTS ออกไปอีก 30 ปีนั้น คนกรุงเทพมหานคร เสียประโยชน์ และกรุงเทพมหานคร เสียค่าโง่ให้บริษัทเอกชน ซึ่งตนเองจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ DSI เพื่อให้นำเรื่องนี้เข้าเป็นคดีพิเศษ
"ผมมองว่าคนกรุงเทพฯ เสียประโยชน์ และกรุงเทพมหานคร เสียค่าโง่ให้กับเอกชน เรื่องนี้มันน่าจะเป็นนิติกรรมอำพราง ซับซ้อนซ่อนเงื่อน"นายพร้อมพงศ์ กล่างและว่า โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ควรสอบในเรื่องนี้ด้วย อย่า 2 มาตรฐาน อุ้มคนของตัวเอง
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ไม่ได้เป็นการต่อสัมปทาน ขอให้พรรคเพื่อไทยหยุดใส่ร้ายป้ายสี เนื่องจากสำประทานรายได้เป็นของเอกชนที่จะจัดสรรให้ กรุงเทพมหานคร แตกต่างกับกรณีต่อสัญญาจ้าง รายได้ทั้งหมดเป็นของรัฐ หรือ กรุงเทพมหานคร แต่เพียงว่าจ้าง บริษัท BTS เข้ามาดำเนินการเดินรถเท่านั้น ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่แบ่งเป็น 2 สาย คือ สายสุขุมวิท และ สายสีลม ที่ให้สัมปทาน BTS 30 ปี โดยสิ้นสุดในปี 2572 หลังจากนั้นทรัพย์สินทุกอย่างจะต้องตกเป็นของ กรุงเทพมหานคร และจ้าง บริษัท BTS แค่การเดินรถเท่านั้น ทั้งนี้ การขยายสัญญาจ้าง 13 ปี ได้มีการผ่านความเห็นชอบตามพระราชบัญญัติตามงบประมาณเพิ่มเติม 2556 ในชั้นคณะกรรมาธิการสภาแล้ว
อย่างไรก็ตาม การขยายสัญญาจ้าง 13 ปี ค่าจ้างเดินรถ ซ่อมบำรุง ถูกลง คือ กรุงเทพมหานคร ลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 6,000 ล้านบาท
นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ควรเล่นเกมการเมืองที่สร้างสรรค์ อย่าพยายามใส่ร้ายป้ายสี กรณีการจัดซื้อจัดจ้างกล้อง CCTV ของกรุงเทพมหานคร และการติดตั้งกล้องหลอก ขณะนี้ก็ได้ผลสรุปจากคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคเพื่อไทย เป็นเสียงส่วนใหญ่ พบว่าไม่มีการทุจริต เช่น ราคาการซื้อขาย สายเคเบิลเส้นใยนำแสง จะแสดงให้เห็นว่า กทม. ซื้อในราคาที่ถูกกว่าทุกหน่วยงาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งข้อกล่าวหาทำให้ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ เสียหาย จึงเรียกร้องให้หยุดการโจมตี
วานนี้(27 พ.ค.55)นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่กรุงเทพมหานคร ขยายสัญญา BTS โดยมิชอบ ว่า วันนี้ได้ติดตามกรณีที่กระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือถึง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พบว่า การดำเนินการของ กรุงเทพมหานคร น่าจะไม่มีอำนาจ เพราะกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ซึ่งกรุงเทพมหานคร ไม่มีอำนาจไปขยายสัญญา และให้บริษัท กรุงเทพธนาคม (KT) ไปดำเนินการน่าจะเป็นนิติกรรมอำพราง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซึ่งการขยายสัญญา BTS ออกไปอีก 30 ปีนั้น คนกรุงเทพมหานคร เสียประโยชน์ และกรุงเทพมหานคร เสียค่าโง่ให้บริษัทเอกชน ซึ่งตนเองจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อ DSI เพื่อให้นำเรื่องนี้เข้าเป็นคดีพิเศษ
"ผมมองว่าคนกรุงเทพฯ เสียประโยชน์ และกรุงเทพมหานคร เสียค่าโง่ให้กับเอกชน เรื่องนี้มันน่าจะเป็นนิติกรรมอำพราง ซับซ้อนซ่อนเงื่อน"นายพร้อมพงศ์ กล่างและว่า โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ควรสอบในเรื่องนี้ด้วย อย่า 2 มาตรฐาน อุ้มคนของตัวเอง
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การต่อสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ไม่ได้เป็นการต่อสัมปทาน ขอให้พรรคเพื่อไทยหยุดใส่ร้ายป้ายสี เนื่องจากสำประทานรายได้เป็นของเอกชนที่จะจัดสรรให้ กรุงเทพมหานคร แตกต่างกับกรณีต่อสัญญาจ้าง รายได้ทั้งหมดเป็นของรัฐ หรือ กรุงเทพมหานคร แต่เพียงว่าจ้าง บริษัท BTS เข้ามาดำเนินการเดินรถเท่านั้น ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่แบ่งเป็น 2 สาย คือ สายสุขุมวิท และ สายสีลม ที่ให้สัมปทาน BTS 30 ปี โดยสิ้นสุดในปี 2572 หลังจากนั้นทรัพย์สินทุกอย่างจะต้องตกเป็นของ กรุงเทพมหานคร และจ้าง บริษัท BTS แค่การเดินรถเท่านั้น ทั้งนี้ การขยายสัญญาจ้าง 13 ปี ได้มีการผ่านความเห็นชอบตามพระราชบัญญัติตามงบประมาณเพิ่มเติม 2556 ในชั้นคณะกรรมาธิการสภาแล้ว
อย่างไรก็ตาม การขยายสัญญาจ้าง 13 ปี ค่าจ้างเดินรถ ซ่อมบำรุง ถูกลง คือ กรุงเทพมหานคร ลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 6,000 ล้านบาท
นายชนินทร์ รุ่งแสง ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ควรเล่นเกมการเมืองที่สร้างสรรค์ อย่าพยายามใส่ร้ายป้ายสี กรณีการจัดซื้อจัดจ้างกล้อง CCTV ของกรุงเทพมหานคร และการติดตั้งกล้องหลอก ขณะนี้ก็ได้ผลสรุปจากคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งพรรคเพื่อไทย เป็นเสียงส่วนใหญ่ พบว่าไม่มีการทุจริต เช่น ราคาการซื้อขาย สายเคเบิลเส้นใยนำแสง จะแสดงให้เห็นว่า กทม. ซื้อในราคาที่ถูกกว่าทุกหน่วยงาน ซึ่งการกระทำดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งข้อกล่าวหาทำให้ผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ เสียหาย จึงเรียกร้องให้หยุดการโจมตี
