รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.อนุมัติ รฟม.ขยายกรอบวงเงินค่ากรรมสิทธิ์ที่ดินรถไฟฟ้าสายเขียว เป็น 1,305 ล้าน พร้อมรับทราบการปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณปี 55 ครั้งที่ 3-อนุมัติคลังค้ำประกันเงินกู้องค์การสวนยางจาก ธ.ก.ส.หมื่นล้าน-เห็นชอบ กฟผ.ปรับปรุงระบบสายส่งไฟฟ้าแรงสูงระยะที่ 1 9,850 ล้าน
วันนี้ (20 พ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เมื่อเวลา 13.00 น. นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขยายกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จากกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้จำนวน 675 ล้านบาท เป็น 1,305 ล้านบาท โดยให้รัฐบาลรับภาระค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ทั้งนี้จะให้สำนักงบประมาณ (สงป.) จัดสรรงบประมาณให้ตามที่กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม และค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว และให้
สงป. ตั้งงบประมาณเพื่อชำระเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายทางการเงินอื่นสำหรับการกู้เงิน
ดังกล่าวเป็นรายปี
นอกจากนี้ ครม.ยังได้รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 3 ซึ่งบรรจุการก่อหนี้ใหม่ของสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) วงเงิน 20,000 ล้านบาท ในแผนการก่อหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ และยังอนุมัติให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันเงินกู้ที่องค์การสวนยางกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงิน 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ครม. ยังเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานระยะที่ 1 ส่วนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ในวงเงินลงทุนจำนวน 9,850 ล้านบาท โดย ครม.อนุมัติการเบิกจ่ายเงินงบประมาณลงทุนประจำปี 2554 สำหรับโครงการ จำนวน 74.3 ล้านบาท
วันนี้ (20 พ.ค.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เมื่อเวลา 13.00 น. นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ครม.อนุมัติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขยายกรอบวงเงินค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จากกรอบวงเงินเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้จำนวน 675 ล้านบาท เป็น 1,305 ล้านบาท โดยให้รัฐบาลรับภาระค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ทั้งนี้จะให้สำนักงบประมาณ (สงป.) จัดสรรงบประมาณให้ตามที่กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม และค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว และให้
สงป. ตั้งงบประมาณเพื่อชำระเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายทางการเงินอื่นสำหรับการกู้เงิน
ดังกล่าวเป็นรายปี
นอกจากนี้ ครม.ยังได้รับทราบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่ 3 ซึ่งบรรจุการก่อหนี้ใหม่ของสถาบันบริหารกองทุนพลังงาน (องค์การมหาชน) (สบพน.) วงเงิน 20,000 ล้านบาท ในแผนการก่อหนี้ของหน่วยงานอื่นของรัฐที่ไม่ต้องขออนุมัติคณะรัฐมนตรีภายใต้กรอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะ และยังอนุมัติให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันเงินกู้ที่องค์การสวนยางกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง วงเงิน 10,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ครม. ยังเห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินโครงการปรับปรุงและขยายระบบส่งไฟฟ้าที่เสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานระยะที่ 1 ส่วนสายส่งไฟฟ้าแรงสูง ในวงเงินลงทุนจำนวน 9,850 ล้านบาท โดย ครม.อนุมัติการเบิกจ่ายเงินงบประมาณลงทุนประจำปี 2554 สำหรับโครงการ จำนวน 74.3 ล้านบาท