นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะโฆษก ครม.เงา กล่าวว่า ที่ประชุมครม.เงา ได้ตำหนิรัฐบาลที่ยังดำเนินการตามนโยบายพลังงานที่ผิดพลาด โดยเฉพาะการแก้ไขด้านพลังงานที่ล่าช้า ไม่ทันต่อสถานการณ์ ทำให้ก่อหนี้จากกองทุนน้ำมันได้รับความเสียหายไปแล้ว 2.3 หมื่นล้าน และมียอดรวมหนี้สินทั้งสิ้น 3 หมื่นล้านบาท จึงขอให้รัฐบาล และกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน เร่งปรับกลยุทธ์ด้านนโยบายพลังงานอย่างเร่งด่วน เพราะปัจจุบันยังเป็นการแก้ไขปัญหาลักษณะรายเดือน ราคาสินค้า อุปโภคบริโภค รวมถึงราคาพลังงานเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า ไม่ได้แก้ไขทั้งโครงสร้าง
ทั้งนี้ ครม.เงาขอเรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดค่าโดยสาร และสินค้าอุปโภคบริโภคให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลก มีราคาต่ำลง โดยราคาที่ตลาดสิงคโปร์ อยู่ที่ 106.98 เหรียญสหรัฐ ต่อบาเรล คิดในราคาเงินไทย ต่ำกว่าลิตรละ 30 บาท แล้ว
นายอรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 23 พ.ค. ในไทยน้ำมันอยุ่ที่ลิตรละ29.83 บาท จึงจำเป็นที่รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปรับราคาต้นทุนการขนส่ง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงด้วย จึงเป็นโอกาสดีที่รัฐบาล ต้องเร่งปรับนโยบายพลังงานใหม่ในเชิงโครงสร้าง รวมถึงการลดค่าโดยสาร ซึ่งได้มีการประกาศปรับราคาขึ้นไปแล้วให้ลดลงด้วย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายค่าครองชีพ และค่าครัวเรือนให้กับพี่น้องประชาชน
** ก.อุตฯจัดขายของถูก
ด้านม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม แถลงถึงการจัดงานขายสินค้าราคาถูก เพื่อช่วยเหลือประชาชนว่า รัฐบาลมีนโยบายให้กระทรวงทางด้านเศรษฐกิจ จัดขายสินค้าราคาถูก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนทั่วทุกภูมิภาค ทางกระทรวงอุตสาหกรรม จึงจัดทำโครงการ “Outlet” เพื่อประชาชนมหกรรมสินค้าเพื่อประชาชน มหกรรมสินค้าช่วยค่าครองชีพ ส่งตรงจากโรงงาน
ในเบื้องต้นกำหนดจัดงานครั้งแรก ระหว่างวันที่ 2-4 มิ.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 10.00 -21.00 น. ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 และมีแผนจัดการลักษณะดังกล่าวในจังหวัดนครราชสีมา เชียงใหม่ และ สงขลา ต่อไป
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า ตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าว มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน และรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งผู้บริหารกรม รัฐวิสาหกิจ และอุตสาหกรรมจังหวัด ที่มีโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภค เป็นจำนวนมาก การร่วมเป็นคณะกรรมการทำหน้าที่จัดหาสินค้าเน้นเฉพาะที่มีคุณภาพดี ราคาถูก การจัดหาพื้นที่ในการจัดงาน รวมถึงการประสานงานกับภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ดำเนินการอย่างเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ในงานมีสินค้าจำหน่ายกว่า 300 รายการ ที่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ สหพัฒนพิบูลย์ ยูนิลิเวอร์ เบทาโกร และบางจาก โดยสินค้าที่จะนำมาจำหน่ายภายในงาน อาทิ ข้าวสาร 1 ล้านกิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ20-30 บาท หลอดไฟฟ้าหลอดละ 10 บาท ปลากระป๋อง 35,000 กระป่อง ราคาเริ่มต้นที่ 9-27 บาท รวมไปถึงรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ เป็นต้น
ทั้งนี้ ครม.เงาขอเรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดค่าโดยสาร และสินค้าอุปโภคบริโภคให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลก มีราคาต่ำลง โดยราคาที่ตลาดสิงคโปร์ อยู่ที่ 106.98 เหรียญสหรัฐ ต่อบาเรล คิดในราคาเงินไทย ต่ำกว่าลิตรละ 30 บาท แล้ว
นายอรรถวิชช์ กล่าวอีกว่า ในวันที่ 23 พ.ค. ในไทยน้ำมันอยุ่ที่ลิตรละ29.83 บาท จึงจำเป็นที่รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปรับราคาต้นทุนการขนส่ง ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงด้วย จึงเป็นโอกาสดีที่รัฐบาล ต้องเร่งปรับนโยบายพลังงานใหม่ในเชิงโครงสร้าง รวมถึงการลดค่าโดยสาร ซึ่งได้มีการประกาศปรับราคาขึ้นไปแล้วให้ลดลงด้วย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายค่าครองชีพ และค่าครัวเรือนให้กับพี่น้องประชาชน
** ก.อุตฯจัดขายของถูก
ด้านม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ สวัสดิวัตน์ รมว.อุตสาหกรรม แถลงถึงการจัดงานขายสินค้าราคาถูก เพื่อช่วยเหลือประชาชนว่า รัฐบาลมีนโยบายให้กระทรวงทางด้านเศรษฐกิจ จัดขายสินค้าราคาถูก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่พี่น้องประชาชนทั่วทุกภูมิภาค ทางกระทรวงอุตสาหกรรม จึงจัดทำโครงการ “Outlet” เพื่อประชาชนมหกรรมสินค้าเพื่อประชาชน มหกรรมสินค้าช่วยค่าครองชีพ ส่งตรงจากโรงงาน
ในเบื้องต้นกำหนดจัดงานครั้งแรก ระหว่างวันที่ 2-4 มิ.ย. 55 ตั้งแต่เวลา 10.00 -21.00 น. ที่กระทรวงอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 และมีแผนจัดการลักษณะดังกล่าวในจังหวัดนครราชสีมา เชียงใหม่ และ สงขลา ต่อไป
ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์ กล่าวด้วยว่า ตนได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ เพื่อดำเนินการโครงการดังกล่าว มีปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธาน และรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้งผู้บริหารกรม รัฐวิสาหกิจ และอุตสาหกรรมจังหวัด ที่มีโรงงานผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภค เป็นจำนวนมาก การร่วมเป็นคณะกรรมการทำหน้าที่จัดหาสินค้าเน้นเฉพาะที่มีคุณภาพดี ราคาถูก การจัดหาพื้นที่ในการจัดงาน รวมถึงการประสานงานกับภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้ดำเนินการอย่างเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ในงานมีสินค้าจำหน่ายกว่า 300 รายการ ที่ได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการรายใหญ่ เช่น เครือเจริญโภคภัณฑ์ สหพัฒนพิบูลย์ ยูนิลิเวอร์ เบทาโกร และบางจาก โดยสินค้าที่จะนำมาจำหน่ายภายในงาน อาทิ ข้าวสาร 1 ล้านกิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ20-30 บาท หลอดไฟฟ้าหลอดละ 10 บาท ปลากระป๋อง 35,000 กระป่อง ราคาเริ่มต้นที่ 9-27 บาท รวมไปถึงรถจักรยานยนต์ และรถยนต์ เป็นต้น
