ที่ประชุม ครม.เงา ปชป.ยาหอมรัฐ สานต่อท่าเรือน้ำลึกทวาย เชื่อมตะวันตกไทยสู่เอเชียใต้ ซึ่งเป็นโครงการพรรคที่ได้ริเริ่ม บี้รัฐปรับโครงสร้างพลังงานตามสถานการณ์โลก
ทำให้ก่อหนี้จากกองทุนน้ำมันได้รับความเสียหายไปแล้ว 3 หมื่นล้าน จี้ลดราคาภาคขนส่ง
วันนี้ (23 พ.ค.) ที่รัฐสภา นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ส.ส.กทม. ในฐานะโฆษก ครม.เงา ของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงหลังการประชุม ครม.เงา ว่า ทางที่ประชุม ครม.เงาขอขอบคุณรัฐบาลที่ได้สานต่อโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดภาคตะวันตกเป็นประตูสู่ประเทศพม่าและเอเชียใต้ ซึ่งเป็นโครงการที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ริเริ่มในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งในขณะนั้นพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านก็ได้อภิปรายแสดงความเห็นคัดค้านในโครงการนี้ ซึ่งการที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้สานต่อโครงการนี้ก็ต้องขอขอบคุณที่สานต่อ โดยโครงการดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2554-2563 หากโครงการดังกล่าวสำเร็จก็จะเป็นการเปิดเส้นทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ที่เชื่อมประเทศไทยกับเอเชียใต้รวมถึงจังหวัดที่อยู่ชายฝั่งอันดามันของไทยและพม่า อันจะเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและพม่าให้แนบแน่นยิ่งขึ้น
นายอรรถวิชช์กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.เงาได้ตำหนิรัฐบาลที่ยังดำเนินการตามนโยบายพลังงานที่ผิดพลาด โดยเฉพาะการแก้ไขด้านพลังงานที่ล่าช้าไม่ทันต่อสถานการณ์ ทำให้ก่อหนี้จากกองทุนน้ำมันได้รับความเสียหายไปแล้ว 2.3 หมื่นล้าน และมียอดรวมหนี้สินทั้งสิ้น 3 หมื่นล้านบาท จึงขอให้รัฐบาลและกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับพลังงานเร่งปรับกลยุทธ์ด้านนโยบายพลังงานอย่างเร่งด่วน เพราะปัจจุบันยังเป็นการแก้ไขปัญหาลักษณะรายเดือน ราคาสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงราคาพลังงานเป็นการแก้ไขเฉพาะหน้า ไม่ได้แก้ไขทั้งโครงสร้าง โดย ครม.เงาขอเรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดค่าโดยสารและสินค้าอุปโภคบริโภคให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลในตลาดโลกลดต่ำลง โดยราคาที่ตลาดสิงคโปร์อยู่ที่ 106.98 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล คิดในราคาไทยต่ำกว่าลิตรละ 30 บาท แล้ว
นายอรรถวิชช์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ในวันที่ 23 พ.ค. ในไทยน้ำมันอยู่ที่ลิตรละ 29.83 บาท จึงจำเป็นที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปรับราคาต้นทุนการขนส่งให้ควบคู่สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงด้วย จึงเป็นโอกาสดีที่รัฐบาลต้องเร่งปรับนโยบายพลังงานใหม่ในเชิงโครงสร้าง รวมถึงการลดค่าโดยสารซึ่งได้มีการประกาศปรับราคาขึ้นไปแล้วให้ลดลงด้วย เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ และค่าครัวเรือนให้กับพี่น้องประชาชน
