มองบ้านเมืองเราในเวลานี้แล้วหลายคนรู้สึกอึดอัด ขัดข้อง หมองขุ่น และก็มีที่ถึงขั้นสะอิดสะเอียน สำหรับผมมองเห็นเรื่องราวมากมายที่ล้วนถูกกระทำขึ้นเพื่อให้ปลุกเร้าสังคมไทยเดินหน้าไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอัตราเร่ง และน่าจะไฮสปีดแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนอีกไม่นานนักคงถึงจุดที่ผู้สร้างสถานการณ์ต้องการให้เป็นไป ส่วนเมื่อถึงจุดที่ว่าแล้วสังคมไทยจะไปทิศทางไหน เราคงต้องจับตากันใกล้ชิดต่อเนื่อง
ห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมพบ 6 เรื่องราวที่น่าสนใจถูกโพสต์อยู่ในเฟซบุ๊ก สื่อสังคมออนไลน์ที่คนไทยกำลังนิยม ประกอบไปด้วย การ์ตูน ภาพถ่ายที่ถูกเติมแต่ง โปสเตอร์โฆษณา และการโค้ดคำพูดของนักวิชาการที่เคยอยู่รั้วเดียวกันที่ ม.ธรรมศาสตร์ 3 คน
ผมลองเอาทั้ง 6 เรื่องราวมาเรียงกัน เชื่อว่าใครได้ดูได้อ่านจะมีความรู้สึกทั้งขำๆ และเคร่งเครียด อีกทั้งสามารถนำไปขบคิดต่อกันได้ต่างๆ นานา แล้วแต่ว่าใครมีประสบการณ์ มีความเชื่อหรือความศรัทธาไปทางไหน ซึ่งหากติดตามไปดูในเฟซบุ๊กก็จะเห็นแต่ละเรื่องมีคนจำนวนมากโพสต์แสดงความคิดเห็นไว้หลากหลายเช่นกัน
ในที่นี้ผมเพียงอยากจะชวนคิดเท่านั้น เพราะเมื่อผมลองนำมาทำเป็นรูปเรียงร้อยไว้กลับพบว่า เป็นเรื่องราวที่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเราได้เป็นอย่างดี ทั้งในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเป็นอยู่และอาจจะเป็นไปในอนาคต
แม้จะดูตลก แต่ก็มีนัยให้ได้ขบคิดต่ออย่างกว้างขวาง ผมรู้สึกว่าเวลานี้ไม่ใช่แค่กลุ่มคนสีเสื้อที่ถูกนำเสนอในการ์ตูนเท่านั้นที่ถูกดูแคลน ความจริงเป็นไปได้กับทุกกลุ่มทุกเสื้อสีนั่นแหละ เพราะหากใครคิด เชื่อหรือกระทำโดยไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานของความถูกต้องดีงามแล้ว ก็น่าจะถูกมองให้เป็นไปในแนวเดียวกับที่การ์ตูนนำเสนอไว้ได้
“ผมน่ะขำๆ กึ่งเอ็นดู กึ่งสมเพชนะ ที่พันธมิตร/ผู้จัดการ หรือ ปชป.มาทำดีอกดีใจที่คนเสื้อแดงวิจารณ์ทักษิณ อันที่จริงผมกลับมองว่า การวิจารณ์ทักษิณโดยคนเสื้อแดงเอง เป็นการยืนยันว่าพวกเขา “เลือกข้างถูก” แต่แรก คือเลือกที่จะสนับสนุนนักการเมือง แทนที่จะไปสนับสนุน “ฝ่ายเจ้า” อย่างพันธมิตร/ผู้จัดการ หรือ ปชป.เพราะนักการเมืองวันดีคืนดีคุณเห็นเขาพูดไม่ถูก ทำไม่ถูก คุณวิจารณ์โจมตี หรือเรียกร้องให้รับผิดชอบ (accountable) ยังไง เมื่อไรก็ได้ เลิกสนับสนุนเสียก็ได้ ไม่เหมือนพวกที่เลือกอยู่ “ฝ่ายเจ้า” อย่างพันธมิตร/ผู้จัดการ หรือ ปชป. นี่คือความแตกต่างระหว่างการเลือกที่จะเป็นคน กับการยอมเป็นเพียงฝุ่นใต้ตีน หรือขี้ข้า ที่รู้จักแต่หมอบราบกราบเลียเจ้านายอย่างเดียว”
ขอยกข้อความที่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กของเขามาให้อ่านกันอีกทีอย่างชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งจะมองให้เป็นเรื่องตลกที่ต่อเนื่องมาจากการ์ตูนก็ยังได้
“ในสมัยเผด็จการนาซีฮิตเลอร์ มีการออกรัฐบัญญัติมอบอำนาจเบ็ดเสร็จให้กับฮิตเลอร์ และนำไปสู่การเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ประเทศไทยวันนี้เรากำลังเจอเผด็จการแก้รัฐธรรมนูญตามใบสั่งเจ้าของพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเผด็จการเข้มข้นที่สุดในโลก เพราะจะมีรัฐธรรมนูญที่จะร่างเสร็จสิ้นตามใบสั่งของคนคนเดียว”
คำกล่าวของ บรรเจิด สิงคะเนติ นี้น่าจะเป็นการหักล้างข้อความของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้ดีทีเดียวในความคิดผม
“บ้านเมืองจะเลวร้าย ไม่ได้เกิดจากความไม่ดี...ของคนชั่ว...แต่เกิดจากความนิ่งเฉย...ของคนดี...ที่ไม่ใส่ใจกับความชั่ว ยอมจำนนกับความชั่ว ปล่อยให้ความชั่วรุกคืบ...ประเทศไทย...”
สำหรับคำกล่าวของ อ.เสรี วงษ์มณฑา ผมว่าเป็นการต่อยอดความคิดของ 2 นักวิชาการข้างต้นได้ดีมาก ซึ่งก็นำไปสู่ภาพต่อไป
ภาพนี้สื่อแสดงนัยความคิดของผู้นำเสนอได้ดีแบบไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเกี่ยวกับ “ปตท.” องค์กรธุรกิจอีแอบที่ควบคุมผูกขาดพลังงานของชาติและประชาชนชาวไทย และผมเองยังเห็นว่าสามารถสะท้อนไปได้ถึง “ระบอบทักษิณ” ที่ครอบงำ ปตท.และกลืนกินประเทศไทยอยู่อีกด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสังคมไทยจะยอมให้ปลิงพวกนี้ดูดเลือดไปอีกยาวนานแค่ไหน
ภาพสุดท้ายนี่แหละครับที่ผมว่าน่าจะช่วยให้ความรู้สึกอึดอัด ขัดข้อง หมองขุ่น รวมถึงใครที่สะอิดสะเอียนอยากอ้วกกับ “การเมืองน้ำเน่า” และ “ระบอบทักษิณ” น่าจะได้คลายความรู้สึกเหล่านั้นลงไปบ้าง
ผมใช้เวลาชมและคิดตามนัยที่แสดงออกของทั้ง 6 ภาพนี้อยู่นาน ก่อนที่จะได้ข้อสรุปว่า ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ที่จริงคนจำนวนมากในสังคมไทยล้วนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามหัวเรื่องที่จั่วไว้เหมือนกัน??!!
ห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมพบ 6 เรื่องราวที่น่าสนใจถูกโพสต์อยู่ในเฟซบุ๊ก สื่อสังคมออนไลน์ที่คนไทยกำลังนิยม ประกอบไปด้วย การ์ตูน ภาพถ่ายที่ถูกเติมแต่ง โปสเตอร์โฆษณา และการโค้ดคำพูดของนักวิชาการที่เคยอยู่รั้วเดียวกันที่ ม.ธรรมศาสตร์ 3 คน
ผมลองเอาทั้ง 6 เรื่องราวมาเรียงกัน เชื่อว่าใครได้ดูได้อ่านจะมีความรู้สึกทั้งขำๆ และเคร่งเครียด อีกทั้งสามารถนำไปขบคิดต่อกันได้ต่างๆ นานา แล้วแต่ว่าใครมีประสบการณ์ มีความเชื่อหรือความศรัทธาไปทางไหน ซึ่งหากติดตามไปดูในเฟซบุ๊กก็จะเห็นแต่ละเรื่องมีคนจำนวนมากโพสต์แสดงความคิดเห็นไว้หลากหลายเช่นกัน
ในที่นี้ผมเพียงอยากจะชวนคิดเท่านั้น เพราะเมื่อผมลองนำมาทำเป็นรูปเรียงร้อยไว้กลับพบว่า เป็นเรื่องราวที่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเราได้เป็นอย่างดี ทั้งในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเป็นอยู่และอาจจะเป็นไปในอนาคต
แม้จะดูตลก แต่ก็มีนัยให้ได้ขบคิดต่ออย่างกว้างขวาง ผมรู้สึกว่าเวลานี้ไม่ใช่แค่กลุ่มคนสีเสื้อที่ถูกนำเสนอในการ์ตูนเท่านั้นที่ถูกดูแคลน ความจริงเป็นไปได้กับทุกกลุ่มทุกเสื้อสีนั่นแหละ เพราะหากใครคิด เชื่อหรือกระทำโดยไม่ได้ตั้งอยู่บนฐานของความถูกต้องดีงามแล้ว ก็น่าจะถูกมองให้เป็นไปในแนวเดียวกับที่การ์ตูนนำเสนอไว้ได้
“ผมน่ะขำๆ กึ่งเอ็นดู กึ่งสมเพชนะ ที่พันธมิตร/ผู้จัดการ หรือ ปชป.มาทำดีอกดีใจที่คนเสื้อแดงวิจารณ์ทักษิณ อันที่จริงผมกลับมองว่า การวิจารณ์ทักษิณโดยคนเสื้อแดงเอง เป็นการยืนยันว่าพวกเขา “เลือกข้างถูก” แต่แรก คือเลือกที่จะสนับสนุนนักการเมือง แทนที่จะไปสนับสนุน “ฝ่ายเจ้า” อย่างพันธมิตร/ผู้จัดการ หรือ ปชป.เพราะนักการเมืองวันดีคืนดีคุณเห็นเขาพูดไม่ถูก ทำไม่ถูก คุณวิจารณ์โจมตี หรือเรียกร้องให้รับผิดชอบ (accountable) ยังไง เมื่อไรก็ได้ เลิกสนับสนุนเสียก็ได้ ไม่เหมือนพวกที่เลือกอยู่ “ฝ่ายเจ้า” อย่างพันธมิตร/ผู้จัดการ หรือ ปชป. นี่คือความแตกต่างระหว่างการเลือกที่จะเป็นคน กับการยอมเป็นเพียงฝุ่นใต้ตีน หรือขี้ข้า ที่รู้จักแต่หมอบราบกราบเลียเจ้านายอย่างเดียว”
ขอยกข้อความที่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์ไว้ในเฟซบุ๊กของเขามาให้อ่านกันอีกทีอย่างชัดถ้อยชัดคำ ซึ่งจะมองให้เป็นเรื่องตลกที่ต่อเนื่องมาจากการ์ตูนก็ยังได้
“ในสมัยเผด็จการนาซีฮิตเลอร์ มีการออกรัฐบัญญัติมอบอำนาจเบ็ดเสร็จให้กับฮิตเลอร์ และนำไปสู่การเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ประเทศไทยวันนี้เรากำลังเจอเผด็จการแก้รัฐธรรมนูญตามใบสั่งเจ้าของพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเผด็จการเข้มข้นที่สุดในโลก เพราะจะมีรัฐธรรมนูญที่จะร่างเสร็จสิ้นตามใบสั่งของคนคนเดียว”
คำกล่าวของ บรรเจิด สิงคะเนติ นี้น่าจะเป็นการหักล้างข้อความของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้ดีทีเดียวในความคิดผม
“บ้านเมืองจะเลวร้าย ไม่ได้เกิดจากความไม่ดี...ของคนชั่ว...แต่เกิดจากความนิ่งเฉย...ของคนดี...ที่ไม่ใส่ใจกับความชั่ว ยอมจำนนกับความชั่ว ปล่อยให้ความชั่วรุกคืบ...ประเทศไทย...”
สำหรับคำกล่าวของ อ.เสรี วงษ์มณฑา ผมว่าเป็นการต่อยอดความคิดของ 2 นักวิชาการข้างต้นได้ดีมาก ซึ่งก็นำไปสู่ภาพต่อไป
ภาพนี้สื่อแสดงนัยความคิดของผู้นำเสนอได้ดีแบบไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเกี่ยวกับ “ปตท.” องค์กรธุรกิจอีแอบที่ควบคุมผูกขาดพลังงานของชาติและประชาชนชาวไทย และผมเองยังเห็นว่าสามารถสะท้อนไปได้ถึง “ระบอบทักษิณ” ที่ครอบงำ ปตท.และกลืนกินประเทศไทยอยู่อีกด้วย ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสังคมไทยจะยอมให้ปลิงพวกนี้ดูดเลือดไปอีกยาวนานแค่ไหน
ภาพสุดท้ายนี่แหละครับที่ผมว่าน่าจะช่วยให้ความรู้สึกอึดอัด ขัดข้อง หมองขุ่น รวมถึงใครที่สะอิดสะเอียนอยากอ้วกกับ “การเมืองน้ำเน่า” และ “ระบอบทักษิณ” น่าจะได้คลายความรู้สึกเหล่านั้นลงไปบ้าง
ผมใช้เวลาชมและคิดตามนัยที่แสดงออกของทั้ง 6 ภาพนี้อยู่นาน ก่อนที่จะได้ข้อสรุปว่า ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอก ที่จริงคนจำนวนมากในสังคมไทยล้วนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามหัวเรื่องที่จั่วไว้เหมือนกัน??!!