พันธมิตรฯ เชิญนักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ หารือแนวทางปฏิรูปประเทศ เห็นตรงกันต้องปกป้องสถาบันกษัตริย์ ส่งเสริมเรื่องการศึกษา ระบอบประชาธิปไตยปัจจุบันไม่ชอบธรรม ถูกพวกมากลากไป ต้องเปลี่ยนผ่านให้พ้นความล้มเหลว “ปานเทพ” เผยหลังกลั่นกรองตกผลึกแล้วจะเดินหน้ารณรงค์ครั้งใหญ่
วันนี้ (19 เม.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พลเรือโทประทีป ชื่นอารมณ์ และนายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย ได้พูดคุยกับนักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ นำโดยนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน, นายบรรเจิด สิงคะเนติ, นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต, นายคมสัน โพธิ์คง และนายศักดิ์ณรงค์ มงคล เพื่อหาแนวทางในการปฏิรูปประเทศไทย โดยในเบื้องต้นการหารือนั้นทั้งสองกลุ่มเห็นพ้องต้องกันในเรื่องของการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และเห็นว่าการปฏิรูปประเทศต้องเริ่มจากการปฏิรูปโครงสร้างก่อน โดยเฉพาะการให้ความรู้กับประชาชน
นายพิภพ กล่าวว่า การปฏิรูปประเทศทุกอย่างจะต้องมาจากการปฏิรูปการเรียนรู้ ปรับโครงสร้างสังคมทั้งหมด เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ รวมทั้งห้องสมุดของสถาบันการศึกษาทุกแห่งต้องเปิดให้ความรู้แก่ประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนการเชิญนักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์มาหารือในวันนี้ เพราะเป็นกลุ่มนักวิชาการที่ให้ความรู้ในการปฏิรูปประเทศ จึงต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเพื่อให้ตกผลึก ก่อนที่พันธมิตรฯ จะเดินสายให้ความรู้กับประชาชนต่อไป ซึ่งการที่จะปฏิรูปประเทศได้นั้นต้องเริ่มจากเรื่องของการปกครองประเทศก่อน ทั้งนี้พันธมิตรฯ และกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์มีความเห็นตรงกันว่าประเทศไทยไม่ได้เป็นการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง แต่ถูกครอบงำด้วยระบบทุนสามานย์
ด้านนายปานเทพ กล่าวว่า กระบวนการเปลี่ยนผ่านสามารถเปลี่ยนผ่านได้หลายวิธี เช่น การรัฐประหาร แต่น่าเสียใจที่การรัฐประหารครั้งที่ผ่านมาไม่ได้มีการทำให้เปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ในขณะที่การเปลี่ยนผ่านอีกทางคือการเปลี่ยนผ่านโดยที่นักการเมืองต้องยอมลดอำนาจหรือมีจิตสำนึกให้มากขึ้น ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย ส่วนการเปลี่ยนผ่านอีกทางคือการให้ความรู้ สร้างความคิดให้กับประชาชน เพื่อให้มีความรู้ในการเปลี่ยนแปลงประเทศ ซึ่งทั้งพันธมิตรฯ และนักวิชาการกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
“พันธมิตรฯ โดยเฉพาะแกนนำได้มีการประชุมกัน และกำหนดหลักปกครองประเทศมาประมาณ 14 ข้อ และใน 14 ข้อนี้ก็จะพูดถึงระบบการเมืองในประเทศไทย การปกครอง ระบบการศึกษา เศรษฐกิจ และระบบสิ่งแวดล้อม ภาพรวมเหล่านี้ถูกนำมาเสนอโดยแกนนำ และเห็นว่าจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ หรือช่วยกันกลั่นกรอง หรือแก้ไขเพื่มเติมจากกลุ่มนักวิชาการ ซึ่งมีความเข้าใจทางวิชาการหรือมีความรู้ทางวิชาการมากกว่า เราจึงเชิญทางกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ซึ่งก็ให้เกียรติมาร่วมกับการสนทนาในครั้งนี้ ซึ่งเราก็หวังว่าหลังจากวันนี้แล้วถ้าความคิดทุกอย่างเป็นเอกภาพและมีปรับปรุงแก้ไขแล้วก็จะนำไปสู่การรณรงค์ครั้งใหญ่ถึงหลักความคิด เข้าใจว่าเมื่อตกผลึกแล้วพันธมิตรฯ โดยเฉพาะแกนนำจะมีการแถลงข่าวถึงหลักปกครองประเทศว่าทั้งหมดควรจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร” นายปานเทพกล่าว
ขณะที่นายทวีศักดิ์กล่าวว่า ยอมรับว่ากลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ยังขับเคลื่อนในการปฏิรูปประเทศได้ไม่เท่ากับกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะทางกลุ่มดำเนินงานให้ความรู้ทางวิชาการ แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ดำเนินงานด้านมวลชนซึ่งมีพลังมากกว่า แต่ทั้งสองกลุ่มก็ยังไม่สามารถปฏิรูปประเทศได้เท่าที่ควร เพราะทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับนักการเมืองและประชาชนในการร่วมกันปฏิรูปประเทศได้ โดยวันนี้กลุ่มสยามประชาภิวัฒน์มีความเห็นตรงกันกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในข้อ 1 ถึง 8 ประเด็นการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ในข้อ 9 ถึง 14 ต้องมีการเสริมในส่วนของเรื่องการศึกษา เพราะการปฏิรูปประเทศต้องคิดในเรื่องของโครงสร้าง เนื่องจากนักการเมืองที่เข้ามาสู่อำนาจมาจากเสียงข้างมาก อันเป็นผลมาจากระบอบประชาธิปไตยของไทยที่ยังไม่มีความชอบธรรม จึงทำให้เสียงข้างมากมาจากการใช้ทุนนิยมซื้อเข้ามา เช่น ที่มาของสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ซึ่งมาจากการเลือกตั้งตัวแทนแต่ละจังหวัด จำนวน 77 จังหวัด แทนที่จะเป็น 200 คน
ส่วนนายบรรเจิดเห็นว่า การใช้อำนาจทางการเมืองของประเทศไทย เป็นการใช้อำนาจที่ฉ้อฉลและระบบโดยรวมของประเทศล้มเหลว โดยนักการเมืองเข้าไปผูกขาดกับทุกระบบในสังคม จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนผ่านให้พ้นจากความล้มเหลวที่เกิดขึ้น.
