ASTVผู้จัดการรายวัน-พันธมิตรฯ เล็งฟ้อง ส.ส.-ส.ว.416 คนแก้รัฐธรรมนูญ ม.291 โดยมิชอบ ดีเดย์ 26 เม.ย.ยื่นอัยการสูงสุด-ป.ป.ช. พร้อมจับมือ นักวิชาการสยามประชาภิวัฒน์ ให้ความรู้ประชาชน เริ่มต้น ขอนแก่น วันอาทิตย์นี้
วานนี้ (18 เม.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และ พล.ร.ต.ประทีป ชื่นอารมณ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมแกนนำพันธมิตรฯ
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จากกรณีที่มีการนัดชุมนุมในวันที่ 21 เม.ย.ที่สโมสรกองทัพบกนั้น ขอชี้แจงว่าแกนนำพันธมิตรฯ ไม่ได้เข้าร่วม และไม่ได้เรียกร้องให้มีการชุมนุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของพี่น้องประชาชนสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ พันธมิตรฯ จะยื่นฟ้อง ส.ส. ส.ว. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมทั้งหมด 416 คน ที่กำลังร่วมกันฉีกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการประชุมวาระที่ 2 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ซึ่งก็คือการฉีกรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง และยังไม่มียุคไหนสมัยไหนมีการเลื่อนการประชุมสภาไปโดยไม่มีกำหนด เป็นการกระทำที่ลุกลี้ลุกลน และหวังผลรวดเร็วอย่างยิ่ง
ด้านนายปานเทพกล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่บัญญัติว่า ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองกระทำตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง และยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีต่อผู้กระทำการดังกล่าว และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองใด เลิกกระทำการตามวรรคสอง ศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้ และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองตามวรรคสาม ให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคของพรรคการเมืองที่ถูกยุบในขณะที่กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง อันเป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งดังกล่าว
อาศัยเงื่อนไขดังกล่าว พันธมิตรฯ จะยื่นต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในการที่จะให้นักการเมือง 416 คน หยุดกระทำการดังกล่าว และถ้าไม่หยุด ก็จะนำไปสู่การยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งต่อไป และด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ เห็นว่าการล้มล้างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ถือเป็นกระบวนการที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นกระบวนการที่อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
“มีนัดหมายในวันพฤหัสบดีที่ 26 เม.ย.เวลา 9.00 น. อาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เราจะไปยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด และในเวลา 11.00 น. พันธมิตรฯ ก็จะไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. อาศัยรัฐธรรมนูญาตรา 275 เพื่อให้ดำเนินคดีความกับนักการเมืองทั้งหมด 416 คน เราจึงขอเชิญชวนพันธมิตรฯ ทั่วประเทศได้เข้าร่วมกิจกรรมในการยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เพื่อขอให้สององค์กรนี้ได้ดำเนินการเพื่อหยุดยั้งการล้มล้างรัฐธรรมนูญครั้งนี้”นายปานเทพกล่าว
จากนั้น พล.ต.จำลอง ได้กล่าวเสริมว่า พันธมิตรฯ ได้เชิญนักวิชาการจากกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ มาปรึกษาหารือและให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการปกครองประเทศ ซึ่งคณะนักวิชาการจะมาพบกับแกนนำพันธมิตรฯ ในเช้าวันที่ 19 เม.ย.นี้
ขณะที่นายพิภพกล่าวว่า การเชิญกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ ในฐานะนักวิชาการ เป็นนักกฎหมายหลายสาขา ให้มาให้ความเห็นต่อหลักการที่แกนนำพันธมิตรฯ ได้ยกร่างในเรื่องหลักการปกครองประเทศ เพื่อนำความเห็นนั้นมาประกอบปรับปรุงให้ดีขึ้น และเพื่อนำหลักการนี้ไปเป็นเนื้อหาสาระในการปฏิรูปประเทศทุกภาคส่วนและจะนำไปแลกเปลี่ยนกับพันธมิตรฯ ในจังหวัดต่างๆ จังหวัดแรกที่จะเริ่มต้น คือ จ.ขอนแก่น ในวันอาทิตย์ที่ 22 เม.ย.
ส่วนพล.อ.ปรีชากล่าวว่า ตนขอแสดงความรู้สึกต่อสถานการณ์ในประเทศปัจจุบันซึ่งมีระบอบทักษิณเป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ ภาพที่น่าทุเรศและบัดซบที่สุด คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน และพวก รวมทั้งคณะรัฐมนตรีไปรดน้ำดำหัวที่กัมพูชา จะเห็นชัดเจนว่าระบอบทักษิณและกัมพูชา โดยสมเด็จฯ ฮุน เซนนั้น สมรู้ร่วมคิดที่จะเอาประโยชน์จากรัฐทั้งสองไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งคู่ แต่สมเด็จฯ ฮุน เซนได้เอาวาระในเรื่องของความรักชาติมาใช้โฆษณาปิดบังความไม่ดีของตน พยายามเอาดินแดนของไทยเป็นคดีที่คาศาลยุติธรรมอยู่ในขณะนี้ และเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเอาประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้งมาร่วมมือ แม้แต่ดินแดนของเราระบอบทักษิณก็ยอม ไม่ต่อสู้ ไม่ต่อต้าน รอศาลโลกพิพากษา
"ที่บัดซบที่สุด คือ คนของเราไม่รักชาติบ้านเมือง ระบอบทักษิณที่ว่านี้ ไปแสดงเหิมเกริม ร้องเพลงช่างแม่มัน ซึ่งหยาบคายที่สุด ขอให้เราทุกคนไปทบทวนว่ากัมพูชาเอาประโยชน์จากเราแม้แต่ดินแดนก็เอาจากเรา เป็นปฏิปักษ์กับเรา แต่ระบอบทักษิณกลับไปร่วมมือกับชาติที่เป็นปฏิปักษ์กับเรา ที่เอาดินแดนและอธิปไตยของเราไป กลับไม่รู้สึกรู้สา ปล่อยให้ตกเป็นเหยื่อล่อของสมเด็จฯ ฮุน เซน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ"
พล.ต.จำลองกล่าวเพิ่มเติมว่า การชุมนุมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีเรื่องที่จะกระทบกระเทือนหรือทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือการแก้กฎหมายเพื่อให้คนที่กระทำผิดต่อชาติบ้านเมืองกลายเป็นคนถูก รอดพ้นจากการดำเนินคดี เรายอมไม่ได้จะต้องชุมนุม แม้จะมีการนิรโทษกรรมให้กับพวกตนที่มีคดีต้องขึ้นศาล เรายินดีที่จะรับโทษถ้าเห็นว่าเราผิดเพราะถือว่าเราไม่ผิด
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาใน 3-4 เดือนในช่วงเดือนมหามงคลนั้น มีความเห็นอย่างไร พล.ต.จำลองกล่าวว่าจะไปโยงกับอะไรก็ผิดอย่างยิ่ง การที่ไปโยงกับปีมหามงคล ต้องคิดให้ดีว่าหากการแก้กฎหมายสำเร็จจะกระทบกระเทือนไปถึงพระองค์ท่านแน่นอน ที่ว่าจะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเก่าและเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว เขายังไม่ถอนคำพูดว่าจะแก้อะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ถึงถอนคำพูดตอนนี้ก็ช่วยไม่ได้แล้ว
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเมืองไทยแล้วพันธมิตรฯ จะชุมนุมหรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า ยังไม่ต้องกลับเมืองไทย เพียงแต่แก้กฎหมายปรองดองเราก็ชุมนุมแล้ว
วานนี้ (18 เม.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย นางมาลีรัตน์ แก้วก่า แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ, พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ และ พล.ร.ต.ประทีป ชื่นอารมณ์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการประชุมแกนนำพันธมิตรฯ
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จากกรณีที่มีการนัดชุมนุมในวันที่ 21 เม.ย.ที่สโมสรกองทัพบกนั้น ขอชี้แจงว่าแกนนำพันธมิตรฯ ไม่ได้เข้าร่วม และไม่ได้เรียกร้องให้มีการชุมนุมดังกล่าว อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของพี่น้องประชาชนสามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้ พันธมิตรฯ จะยื่นฟ้อง ส.ส. ส.ว. และคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมทั้งหมด 416 คน ที่กำลังร่วมกันฉีกรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการประชุมวาระที่ 2 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 ซึ่งก็คือการฉีกรัฐธรรมนูญโดยสิ้นเชิง และยังไม่มียุคไหนสมัยไหนมีการเลื่อนการประชุมสภาไปโดยไม่มีกำหนด เป็นการกระทำที่ลุกลี้ลุกลน และหวังผลรวดเร็วอย่างยิ่ง
ด้านนายปานเทพกล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 68 ที่บัญญัติว่า ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองกระทำตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริง และยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีต่อผู้กระทำการดังกล่าว และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองใด เลิกกระทำการตามวรรคสอง ศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้ และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองตามวรรคสาม ให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารพรรคของพรรคการเมืองที่ถูกยุบในขณะที่กระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง อันเป็นระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งดังกล่าว
อาศัยเงื่อนไขดังกล่าว พันธมิตรฯ จะยื่นต่ออัยการสูงสุดเพื่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในการที่จะให้นักการเมือง 416 คน หยุดกระทำการดังกล่าว และถ้าไม่หยุด ก็จะนำไปสู่การยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งต่อไป และด้วยเหตุผลดังกล่าวนี้ เห็นว่าการล้มล้างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ถือเป็นกระบวนการที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นกระบวนการที่อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
“มีนัดหมายในวันพฤหัสบดีที่ 26 เม.ย.เวลา 9.00 น. อาศัยรัฐธรรมนูญมาตรา 68 เราจะไปยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด และในเวลา 11.00 น. พันธมิตรฯ ก็จะไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. อาศัยรัฐธรรมนูญาตรา 275 เพื่อให้ดำเนินคดีความกับนักการเมืองทั้งหมด 416 คน เราจึงขอเชิญชวนพันธมิตรฯ ทั่วประเทศได้เข้าร่วมกิจกรรมในการยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุด ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เพื่อขอให้สององค์กรนี้ได้ดำเนินการเพื่อหยุดยั้งการล้มล้างรัฐธรรมนูญครั้งนี้”นายปานเทพกล่าว
จากนั้น พล.ต.จำลอง ได้กล่าวเสริมว่า พันธมิตรฯ ได้เชิญนักวิชาการจากกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ มาปรึกษาหารือและให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องการปกครองประเทศ ซึ่งคณะนักวิชาการจะมาพบกับแกนนำพันธมิตรฯ ในเช้าวันที่ 19 เม.ย.นี้
ขณะที่นายพิภพกล่าวว่า การเชิญกลุ่มสยามประชาภิวัฒน์ ในฐานะนักวิชาการ เป็นนักกฎหมายหลายสาขา ให้มาให้ความเห็นต่อหลักการที่แกนนำพันธมิตรฯ ได้ยกร่างในเรื่องหลักการปกครองประเทศ เพื่อนำความเห็นนั้นมาประกอบปรับปรุงให้ดีขึ้น และเพื่อนำหลักการนี้ไปเป็นเนื้อหาสาระในการปฏิรูปประเทศทุกภาคส่วนและจะนำไปแลกเปลี่ยนกับพันธมิตรฯ ในจังหวัดต่างๆ จังหวัดแรกที่จะเริ่มต้น คือ จ.ขอนแก่น ในวันอาทิตย์ที่ 22 เม.ย.
ส่วนพล.อ.ปรีชากล่าวว่า ตนขอแสดงความรู้สึกต่อสถานการณ์ในประเทศปัจจุบันซึ่งมีระบอบทักษิณเป็นรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ ภาพที่น่าทุเรศและบัดซบที่สุด คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน และพวก รวมทั้งคณะรัฐมนตรีไปรดน้ำดำหัวที่กัมพูชา จะเห็นชัดเจนว่าระบอบทักษิณและกัมพูชา โดยสมเด็จฯ ฮุน เซนนั้น สมรู้ร่วมคิดที่จะเอาประโยชน์จากรัฐทั้งสองไปเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งคู่ แต่สมเด็จฯ ฮุน เซนได้เอาวาระในเรื่องของความรักชาติมาใช้โฆษณาปิดบังความไม่ดีของตน พยายามเอาดินแดนของไทยเป็นคดีที่คาศาลยุติธรรมอยู่ในขณะนี้ และเอา พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเอาประโยชน์ส่วนตัวเป็นที่ตั้งมาร่วมมือ แม้แต่ดินแดนของเราระบอบทักษิณก็ยอม ไม่ต่อสู้ ไม่ต่อต้าน รอศาลโลกพิพากษา
"ที่บัดซบที่สุด คือ คนของเราไม่รักชาติบ้านเมือง ระบอบทักษิณที่ว่านี้ ไปแสดงเหิมเกริม ร้องเพลงช่างแม่มัน ซึ่งหยาบคายที่สุด ขอให้เราทุกคนไปทบทวนว่ากัมพูชาเอาประโยชน์จากเราแม้แต่ดินแดนก็เอาจากเรา เป็นปฏิปักษ์กับเรา แต่ระบอบทักษิณกลับไปร่วมมือกับชาติที่เป็นปฏิปักษ์กับเรา ที่เอาดินแดนและอธิปไตยของเราไป กลับไม่รู้สึกรู้สา ปล่อยให้ตกเป็นเหยื่อล่อของสมเด็จฯ ฮุน เซน และเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ"
พล.ต.จำลองกล่าวเพิ่มเติมว่า การชุมนุมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีเรื่องที่จะกระทบกระเทือนหรือทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือการแก้กฎหมายเพื่อให้คนที่กระทำผิดต่อชาติบ้านเมืองกลายเป็นคนถูก รอดพ้นจากการดำเนินคดี เรายอมไม่ได้จะต้องชุมนุม แม้จะมีการนิรโทษกรรมให้กับพวกตนที่มีคดีต้องขึ้นศาล เรายินดีที่จะรับโทษถ้าเห็นว่าเราผิดเพราะถือว่าเราไม่ผิด
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะกลับมาใน 3-4 เดือนในช่วงเดือนมหามงคลนั้น มีความเห็นอย่างไร พล.ต.จำลองกล่าวว่าจะไปโยงกับอะไรก็ผิดอย่างยิ่ง การที่ไปโยงกับปีมหามงคล ต้องคิดให้ดีว่าหากการแก้กฎหมายสำเร็จจะกระทบกระเทือนไปถึงพระองค์ท่านแน่นอน ที่ว่าจะฉีกรัฐธรรมนูญฉบับเก่าและเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้นก็ชัดเจนอยู่แล้ว เขายังไม่ถอนคำพูดว่าจะแก้อะไรบ้างที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ถึงถอนคำพูดตอนนี้ก็ช่วยไม่ได้แล้ว
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเมืองไทยแล้วพันธมิตรฯ จะชุมนุมหรือไม่ พล.ต.จำลองกล่าวว่า ยังไม่ต้องกลับเมืองไทย เพียงแต่แก้กฎหมายปรองดองเราก็ชุมนุมแล้ว
