ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ในที่สุดก็เป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่า “เจ๊หน่อย...คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ตกอยู่ในภาวะ “หมาหัวเน่า….ตกกระป๋อง” และไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” อีกต่อไป
ไม่เช่นนั้นแล้ว ในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของพรรคเพื่อไทยครั้งล่าสุด กรุงเทพมหานคร-พื้นที่ที่คุณหญิงสุดารัตน์เคยมีสิทธิมีเสียง มีอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการส่งคนลงเลือกตั้ง กำหนดยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้ง คงจะไม่ถูกซอยแบ่งออกไปชนิดที่ใครเห็นแล้วต้องรู้สึกปวดร้าวกระดองใจแทนอดีตเจ้าแม่ กทม.ผู้นี้
ที่เจ็บปวดไปกว่านั้นก็คือ ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ตกกระป๋อง ศัตรูและคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญชื่อ “ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง” กลับได้สิ่งที่ปรารถนาและต่อสู้เรียกร้องมาโดยตลอดเหมือนอย่างที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้
ด้วยเหตุนี้ การที่คุณหญิงสุดารัตน์ตัดสินใจไม่รับตำแหน่งทางการเมืองและไม่ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) มีเหตุผลประการเดียวคือ คุณหญิงสุดารัตน์ไม่ได้เป็นที่โปรดปรานของนายใหญ่ มิหนำซ้ำยังเป็นที่เกลียด ขี้หน้าของนายหญิงแห่งวังจันทร์ส่องหล้าอีกต่างหาก
ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างของพรรคเพื่อไทยโฉมใหม่ครั้งนี้ ถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรกจากปากของ “นายนพดล ปัทมะ” ทนายหน้าหอผู้เป็นข้าทาสที่ซื่อสัตย์ของนายใหญ่ ก่อนที่จะได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยที่ชื่อ “นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ”
โครงสร้างใหม่ของพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากระบบภาคมาเป็นแบบแบ่งพื้นที่ 19 โซน ด้วยเหตุผลที่ว่า ต้องการให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง ซึ่งนั่นหมายความว่า ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประธานภาคจะถุกยุบไปโดยปริยาย และเปลี่ยนเป็นการประชุมรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าโซนทั้ง 19 โซนแทน
สำหรับการปรับโครงสร้างพรรคเพื่อไทยใหม่นั้น แบ่งออกเป็น 5 ภาค 19 โซนนั้น ประกอบด้วย 1.ภาคเหนือ 17 จังหวัด 3 โซน แบ่งเป็นโซนที่ 1 จำนวน 6 จังหวัดคือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพะเยา มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบ
โซน 2 จำนวน 6 จังหวัดคือ น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ และกำแพงเพชร มีนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลังเป็นผู้รับผิดชอบ และโซน 3 จำนวน 5 จังหวัดคือ นครสวรรค์ อุทัยธานี พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และพิจิตร มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคของมนุษย์เป็นผู้รับผิดชอบ
2.ภาคอีสาน 20 จังหวัด 6 โซน แบ่งเป็นโซนที่ 1 จำนวน 5 จังหวัดคือ หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร มีนายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการเป็นผู้รับผิดชอบ โซน 2 จำนวน 4 จังหวัดคือ ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ มีนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุขเป็นผู้รับผิดชอบ โซน 3 จำนวน 3 จังหวัดคือ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา มีนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการเป็นผู้รับผิดชอบ
โซน 4 จำนวน 2 จังหวัดคือชัยภูมิ และขอนแก่นมีนายภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบ โซน 5 จำนวน 3 จังหวัดคือ เลย หนองบัวลำภู และอุดรธานี มีพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมเป็นผู้รับผิดชอบ และโซน 6 จำนวน 3 จังหวัดคือ กาฬสินธุ์ มหาสารคาม และร้อยเอ็ด มีนายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับผิดชอบ
3.ภาคใต้ 14 จังหวัด 3 โซน แบ่งเป็นโซนที่ 1 จำนวน 4 จังหวัดคือ ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ มีนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ โซน 2 จำนวน 4 จังหวัดคือ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์เป็นผู้รับผิดชอบ และโซน 3 จำนวน 6 จังหวัดคือ ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ
4.ภาคกลาง 25 จังหวัด 4 โซน แบ่งเป็นโซนที่ 1 จำนวน 8 จังหวัดคือ นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด มีพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคมเป็นผู้รับผิดชอบ โซน 2 จำนวน 7 จังหวัดคือ กาญจนบุรี นครปฐม ราชบุรี สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ มีนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน เป็นผู้รับผิดชอบ
โซน 3 จำนวน 7 จังหวัดคือ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี มีนายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เป็นผู้รับผิดชอบ และโซน 4 จำนวน 3 จังหวัดคือ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ มีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม เป็นผู้รับผิดชอบ
5.กทม. 33 เขต แบ่งเป็น 3 โซนคือ โซนที่ 1 กทม.ชั้นในมีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.คมนาคม เป็นผู้รับผิดชอบ โซนที่ 2 กทม.ฝั่งตะวันออก มี น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้รับผิดชอบ และโซนที่ 3 กทม.ฝั่งธนบุรี มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ
แหล่งข่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สำหรับการปรับโครงสร้างพรรคเพื่อไทยซึ่งแบ่งเป็น 5 ภาค 19 โซนนั้น เกิดจากกลุ่มคนใกล้ชิด นช.ทักษิณหารือกันเพื่อเตรียมรองรับกรณีที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะกลับสู่สนามการเมือง เนื่องจากเกรงว่า อาจาจะมีการตั้งกลุ่มก๊วนหรือมุ้งของตัวเองขึ้นมาอีกเหมือนกับสมัยพรรคไทยรักไทย เช่น กลุ่มวังน้ำเย็น กลุ่มวังบัวบาน กลุ่มวังพญานาค เป็นต้น ดังนั้น จึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีแต่ละคนเข้าไปดูแลในโซนย่อย เพื่อเป็นการป้องกันแกนนำหรือนายทุนใหญ่ ที่จะเข้ามาครอบงำพรรค จนอาจจะสร้างอำนาจต่อรองในเรื่องโควตารัฐมนตรีได้
นอกจากนั้น ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า การแบ่งโซนครั้งนี้มีหลายพื้นที่ที่รัฐมนตรีซึ่งไม่ได้อยู่ในพื้นที่นั้น แต่กลับต้องเข้าไปดูแลรับผิดชอบพื้นที่นั้น ๆ ไม่ได้เข้าไปดูแลพื้นที่ฐานเสียงของตัวเอง อาทิ ภาคอีสาน โซน 1 จำนวน 5 จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหารนั้น มอบหมายให้นายศักดา คงเพชร รมช.ศึกษาธิการและส.ส.ร้อยเอ็ดเป็นผู้รับผิดชอบ
โซน 2 จำนวน 4 จังหวัด ยโสธร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ มีนพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สาธารณสุข และส.ส.ชัยภูมิเป็นผู้รับผิดชอบ โซน 3 จำนวน 3 จังหวัด สุรินทร์ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา มีนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ และส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นผู้รับผิดชอบ
ภาคใต้โซน 1 จำนวน 4 จังหวัด ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่ มีนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบ และโซน 3 จำนวน 6 จังหวัดคือ ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รมว.มหาดไทยเป็นผู้รับผิดชอบ สำหรับภาคกลางโซน 4 จำนวน 3 จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ มีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาไม่น้อย(อ่าน... แบ่งเขตอิทธิพลรมต.เพื่อไทย “วรวัจน์-เหลิม” เจอแรงต้าน! หน้า 18)
และทันทีที่พรรคเพื่อไทยมีมติชัดเจน ผู้ที่ดีใจอย่างออกนอกหน้าเห็นจะหนีไม่พ้น ร.ต.อ.เฉลิม เพราะก่อนหน้านี้เขามีความพยายามที่จะลดทอนอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของคุณหญิงสุดารัตน์ในพื้นที่ กทม.ด้วยการเสนอให้แบ่งโซน กระทั่งกลายเป็นความบาดหมางที่รุนแรงจนเกินกว่าจะเยียวยา
“การใดที่พรรคได้พิจารณา และหัวหน้าพรรคเห็นชอบ คงทำด้วยความรอบคอบ และได้พูดไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้วว่ากรุงเทพฯ ใหญ่ ต้องช่วยกัน และพรรคต้องเป็นเจ้าภาพใหญ่ ไม่ควรมีคนหนึ่งคนใดรับผิดชอบ ถ้าผมมาคุม กทม.ต้องทำการบ้านมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ 3 เท่า เพราะจะต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ เพราะ กทม.ถือว่าหนัก เป็นสนามปราบเซียน จึงจะต้องขายนโยบายรัฐบาลไปสู้ และหลังจากที่มีการปรับปรุงโครงสร้างพรรคจะมีความเข้มแข็งมากขึ้น แต่ตัวบุคคลจะลดความสำคัญลง”ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
และหากยังจำกันได้ครั้งหนึ่งในการประชุมพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิมของขึ้นถึงขนาดใช้คำว่า “อี” เป็นคำนำหน้าชื่อศัตรูทางการเมืองของตนเองมาแล้ว
ในครั้งนั้น หลายคนแทงหวยว่า นช.ทักษิณจะเลือกยืนอยู่ข้างคุณหญิงสุดารัตน์ แต่ในที่สุด กาลเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า นช.ทักษิณลือกใช้บริการเป็ดเหลิมมากกว่าคุณหญิงสุดารัตน์
ขณะเดียวกันก็มีกระแสข่าวยืนยันว่า ในบรรดารัฐมนตรีที่จะถูกปรับออกในการจัดทัพใหม่ของ ครม.ปู 3 นั้น มีชื่อของ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ สายตรงของคุณหญิงสุดารัตน์รวมอยู่ด้วย
แน่นอน คำถามที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ อะไรทำให้ นช.ทักษิณเหินห่างจากคุณหญิงสุดารัตน์ ใช่เป็นเพราะนายหญิงแห่งวังจันทร์ส่องหล้ามีคำสั่งประกาศิตมาใช่หรือไม่