ASTVผู้จัดการรายวัน-ประชาชนจ๊าก! หอพัก ห้องเช่า คอนโด อพาร์ทเม้นท์ ขอขึ้นราคา อ้างต้องจ่ายค่าแรง 300 ให้แม่บ้าน ยาม แถมปรับขึ้นค่าไฟสุดโหดหน่วยละ 1-2 บาท ทั้งๆ ที่รัฐไฟเขียวปรับแค่ 30 สตางค์ อีกทั้งเดือนพ.ค.รัฐยังสั่งชะลอออกไป ส่วนร้านถูกใจยังคลำเป้าไม่เจอ ไปไม่ถึงครึ่ง เจ้าของร้านโวย ไปรษณีย์สุดชุ่ย ส่งของช้า แถมได้ของไม่ครบ คมนาคมได้ที บี้ลดค่าโดยสาร หลังดีเซลลดแตะลิตรละ 30 บาท รถร่วม ขสมก. เมิน ยัน 1 มิ.ย.ขึ้นแน่ 1 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน นักศึกษา ที่ได้เช่าอาศัยอยู่ตามหอพัก ห้องเช่า คอนโดมีเนียม และอพาร์ทเม้นท์ ตามสถานที่ต่างๆ ว่าทางผู้ให้เช่าได้แจ้งขอปรับขึ้นราคาค่าเช่าของเดือนพ.ค.นี้ โดยปรับขึ้นราคาตั้งแต่ 300-500 บาท ส่วนสถานที่เช่าที่หรูหรา และอยู่ในแหล่งใจกลางเมือง ค่าเช่าจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ โดยผู้ให้เช่าอ้างว่าได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานของรัฐบาล 300 บาท จากการต้องจ่ายค่าจ้างให้กับคนดูแล คนทำความสะอาด และยามที่ดูแลในเรื่องความปลอดภัย
ทั้งนี้ หลายๆ แห่งยังได้ติดป้ายแจ้งเตือนผู้เช่าว่าจะมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นไป โดยปรับขึ้นสูงถึงหน่วยละ 1-2 บาท ทั้งๆ ที่รัฐบาลอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) สำหรับบิลที่จะเรียกเก็บในเดือนพ.ค.-ส.ค.2555 อีกแค่ 30 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้เช่าเป็นอย่างมาก และที่สำคัญ รัฐบาลได้ชะลอการเพิ่มค่าไฟฟ้าสำหรับเดือนพ.ค.ออกไป แต่ทางผู้ให้เช่าส่วนใหญ่ยืนยันที่จะเก็บค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
สำหรับพื้นที่ที่มีการแจ้งปรับขึ้นค่าเช่า เช่น ย่านลาดพร้าว ปากเกร็ด นนทบุรี จรัญสนิทวงศ์ พัฒนาการ และหอพักย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นต้น
**ไม่ถูกใจ! ส่งสินค้าช้าแถมขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการเปิดร้านถูกใจ พบว่า ในกรุงเทพฯ ได้เปิดไปแล้ว 28 ร้าน จากทั้งหมด 23 เขต จากร้านค้าที่สมัครเข้าร่วมทั้งหมด 652 ร้าน ได้อนุมัติ 583 ร้าน ซึ่งจะทำให้มีร้านถูกใจที่จะเปิดในเขตกรุงเทพฯ ทั้งที่เปิดแล้วและกำลังจะเปิดรวม 611 ร้าน ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ 2,000 ร้าน ส่วนในต่างจังหวัด มีร้านค้าสมัคร 6,912 ร้าน ผ่านการอนุมัติ 951 ร้าน ซึ่งถือว่ายังห่างเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8,000 ร้านอีกมาก
นายวิทยา นิยมรัตน์ เจ้าของร้านถูกใจ เขตวังทองหลาง กล่าวว่า จากการที่ได้เข้าร่วมเปิดร้านถูกใจ พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่อยู่ในเรื่องของการสั่งซื้อสินค้าจากไปรษณีย์ที่ส่งล่าช้ามาก ช้ากว่ากำหนด 2-3 วัน หรือบางครั้งสั่งสินค้าไปแล้ว ก็ได้รับสินค้าไม่ครบตามจำนวนที่สั่งซื้อ เช่น ล่าสุดสั่งซื้อไป 6,000 บาท สินค้าที่นำมาส่งเพียง 3,000 บาท ส่วนที่ขาดหายไป จำเป็นต้องไปหาซื้อที่อื่นมาทดแทน ไม่งั้นในชั้นวางก็ไม่มีสินค้า
นอกจากนี้ สินค้าบางรายการที่กรมการค้าภายในกำหนดให้วางขายในร้าน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคไม่นิยม ทำให้สินค้าเหลือค้างสต๊อกจำนวนมาก ซึ่งได้แก้ปัญหาโดยเลือกสั่งสินค้าบางรายการเท่านั้น ส่วนสินค้าที่เหลือจะซื้อมาจากห้างแมคโครวางจำหน่ายแทน
**เร่งทำสัญญาเปิดร้านถูกใจ
ด้านนางผุสดี กำปั่นทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ กรมฯ ได้เริ่มทำสัญญากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการร้านถูกใจ ซึ่งทำไปแล้วกว่า 1,000 ร้านทั่วประเทศ และเมื่อผ่านการอนุมัติก็จะเร่งดำเนินการสั่งซื้อสินค้าให้เร็ว เพื่อเร่งเปิดร้านถูกใจให้ได้มากที่สุด และครบตามจำนวนที่ได้ตั้งเป้าไว้ และในระหว่างนี้ จะมีการติดตามและประเมินผลการเปิดร้านถูกใจอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าสินค้ารายการใดขายดี ขายไม่ดี และจะช่วยประชาสัมพันธ์ที่ตั้งของร้านเพื่อให้ประชาชนรู้จักและไปซื้อสินค้าให้มากขึ้น
ส่วนการจ้างงานจำนวน 1,000 ตำแหน่ง ในอัตรา 15,000 บาท/เดือน เพื่อช่วยในการตรวจสอบ ติดตามการซื้อขายของร้านถูกใจ ในตอนนี้มีผู้สมัครแล้ว 700-800 คน โดยจะรับคนในพื้นที่ เพื่อสะดวกในเรื่องที่พัก และการเดินทาง ซึ่งได้เริ่มทำงานแล้วตั้งแต่ วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเริ่มแรกจะให้เป็นผู้ช่วยในการหาร้านเข้ามาร่วมโครงการเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
***แฉวอร์รูมแก้ของแพงปิดปรับปรุง
เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) เวลาประมาณ 10.30 น. นายชนินทร์ รุ่งแสง ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้เดินทางมากระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง และขอคำชี้แจงในการจัดทำดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) เพราะเห็นว่าตัวเลขที่แสดงราคาสินค้าในเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์แตกต่างจากตัวเลขที่เป็นจริงในตลาด และได้ติดตามการจัดทำโครงการโชห่วยช่วยชาติ โครงการธงฟ้า
ที่รัฐสภา เวลา 13.30 น. นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ได้ไปตรวจเยี่ยมวอร์รูมแก้สินค้าแพงของกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นเรื่องน่าผิดหวัง เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่าอยู่ระหว่างปิดปรับปรุง หลังจากที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาของแพงที่กระทรวงพาณิชย์ โดยระบุว่า ยังไม่มีกำหนดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จเมื่อใด ไม่ต่างอะไรกับผักชีโรยหน้า ส่วนการเปิดร้านถูกใจ หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณตั้งแต่ 1 มี.ค. จนวันนี้ ผ่านไปเกือบ 2 เดือน ไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งน่าห่วง
**ถกลดค่าโดยสารหลังดีเซล30บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บมจ.ปตท.(PTT) และบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ประกาศปรับลดราคาขายปลีก น้ำมันเบนซินและดีเซลทุกชนิดลงลิตรละ 30 สตางค์ ยกเว้น E20 ลดลงลิตรละ 50 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่ วันนี้ (18 พ.ค.) เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันของ ปตท.และบางจาก ในสถานีบริการน้ำมันเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ราคาลิตรละ 41.35 บาท
แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 37.93 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 36.18 บาท E20 ลิตรละ 34.98 บาท E85 ลิตรละ 22.48 บาท และดีเซลลิตรละ 30.13 บาท
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การอนุมัติให้รถสองแถว, รถมินิบัสและรถร่วมบริการ บขส. ขึ้นค่าโดยสารเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นไปตามต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลเริ่มลดลง หากราคาลงต่ำกว่า 30บาทต่อลิตร จะต้องมีการปรับลดค่าโดยสารลงด้วย ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงกัน ส่วนรถร่วมบริการ ขสมก. ที่ให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังไม่มีการปรับขึ้นราคา เนื่องจากใช้ก๊าซNGV ซึ่งมติให้ปรับขึ้น1บาทวันที่ 16มิ.ย.2555 ภายใต้เงื่อนไขราคาก๊าซNGV อยู่ที่ 9.50 บาทต่อลิตร แต่หลังจากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติตรึงราคาNGV ออกไปอีก3 เดือน ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 10.50ต่อลิตร และรถร่วมฯ ขสมก.จะได้รับการช่วยเหลืออีก2บาทเท่ากับเหลือ8.50 บาทต่อลิตรเท่าเดิม จึงต้องตรึงค่าโดยสารต่อไป ส่วนที่ผู้ประกอบการจะมีข้อเสนอให้รัฐช่วยเหลือต้นทุนที่นอกเหนือจากราคาNGV นั้น คณะกรรมการขนส่งกลางจะเป็นผู้พิจารณา
**รถร่วมฯ ขสมก.ยันขึ้น1บาท1มิ.ย.
นายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชนหรือรถร่วมบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวยืนยันว่า การปรับขึ้นค่าโดยสาร เมื่อราคาก๊าซNGV อยู่ที่ 9.50บาทต่อกิโลกรัม ไม่เกี่ยวกับรถร่วมฯ ขสมก. เพราะเป็นข้อตกลงของกลุ่มแท็กซี่ จะมารวมเอารถร่วมฯ ขสมก. ด้วยไม่ได้ ดังนั้น ในวันที่ 1มิ.ย.2555จะปรับขึ้นค่าโดยสาร1บาทแน่นอน
เพราะ รมช.คมนาคมได้ยืนยันกับผู้ประกอบการเอง หลังจากที่หารือร่วมกันที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) แต่ถ้าไม่ให้ขึ้น ก็จะกำหนดท่าทีต่อไป เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน นักศึกษา ที่ได้เช่าอาศัยอยู่ตามหอพัก ห้องเช่า คอนโดมีเนียม และอพาร์ทเม้นท์ ตามสถานที่ต่างๆ ว่าทางผู้ให้เช่าได้แจ้งขอปรับขึ้นราคาค่าเช่าของเดือนพ.ค.นี้ โดยปรับขึ้นราคาตั้งแต่ 300-500 บาท ส่วนสถานที่เช่าที่หรูหรา และอยู่ในแหล่งใจกลางเมือง ค่าเช่าจะปรับเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ โดยผู้ให้เช่าอ้างว่าได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานของรัฐบาล 300 บาท จากการต้องจ่ายค่าจ้างให้กับคนดูแล คนทำความสะอาด และยามที่ดูแลในเรื่องความปลอดภัย
ทั้งนี้ หลายๆ แห่งยังได้ติดป้ายแจ้งเตือนผู้เช่าว่าจะมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือนพ.ค.เป็นต้นไป โดยปรับขึ้นสูงถึงหน่วยละ 1-2 บาท ทั้งๆ ที่รัฐบาลอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) สำหรับบิลที่จะเรียกเก็บในเดือนพ.ค.-ส.ค.2555 อีกแค่ 30 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้เช่าเป็นอย่างมาก และที่สำคัญ รัฐบาลได้ชะลอการเพิ่มค่าไฟฟ้าสำหรับเดือนพ.ค.ออกไป แต่ทางผู้ให้เช่าส่วนใหญ่ยืนยันที่จะเก็บค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
สำหรับพื้นที่ที่มีการแจ้งปรับขึ้นค่าเช่า เช่น ย่านลาดพร้าว ปากเกร็ด นนทบุรี จรัญสนิทวงศ์ พัฒนาการ และหอพักย่านมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นต้น
**ไม่ถูกใจ! ส่งสินค้าช้าแถมขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการเปิดร้านถูกใจ พบว่า ในกรุงเทพฯ ได้เปิดไปแล้ว 28 ร้าน จากทั้งหมด 23 เขต จากร้านค้าที่สมัครเข้าร่วมทั้งหมด 652 ร้าน ได้อนุมัติ 583 ร้าน ซึ่งจะทำให้มีร้านถูกใจที่จะเปิดในเขตกรุงเทพฯ ทั้งที่เปิดแล้วและกำลังจะเปิดรวม 611 ร้าน ไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ 2,000 ร้าน ส่วนในต่างจังหวัด มีร้านค้าสมัคร 6,912 ร้าน ผ่านการอนุมัติ 951 ร้าน ซึ่งถือว่ายังห่างเป้าหมายที่ตั้งไว้ 8,000 ร้านอีกมาก
นายวิทยา นิยมรัตน์ เจ้าของร้านถูกใจ เขตวังทองหลาง กล่าวว่า จากการที่ได้เข้าร่วมเปิดร้านถูกใจ พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่อยู่ในเรื่องของการสั่งซื้อสินค้าจากไปรษณีย์ที่ส่งล่าช้ามาก ช้ากว่ากำหนด 2-3 วัน หรือบางครั้งสั่งสินค้าไปแล้ว ก็ได้รับสินค้าไม่ครบตามจำนวนที่สั่งซื้อ เช่น ล่าสุดสั่งซื้อไป 6,000 บาท สินค้าที่นำมาส่งเพียง 3,000 บาท ส่วนที่ขาดหายไป จำเป็นต้องไปหาซื้อที่อื่นมาทดแทน ไม่งั้นในชั้นวางก็ไม่มีสินค้า
นอกจากนี้ สินค้าบางรายการที่กรมการค้าภายในกำหนดให้วางขายในร้าน ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคไม่นิยม ทำให้สินค้าเหลือค้างสต๊อกจำนวนมาก ซึ่งได้แก้ปัญหาโดยเลือกสั่งสินค้าบางรายการเท่านั้น ส่วนสินค้าที่เหลือจะซื้อมาจากห้างแมคโครวางจำหน่ายแทน
**เร่งทำสัญญาเปิดร้านถูกใจ
ด้านนางผุสดี กำปั่นทอง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ขณะนี้ กรมฯ ได้เริ่มทำสัญญากับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการร้านถูกใจ ซึ่งทำไปแล้วกว่า 1,000 ร้านทั่วประเทศ และเมื่อผ่านการอนุมัติก็จะเร่งดำเนินการสั่งซื้อสินค้าให้เร็ว เพื่อเร่งเปิดร้านถูกใจให้ได้มากที่สุด และครบตามจำนวนที่ได้ตั้งเป้าไว้ และในระหว่างนี้ จะมีการติดตามและประเมินผลการเปิดร้านถูกใจอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าสินค้ารายการใดขายดี ขายไม่ดี และจะช่วยประชาสัมพันธ์ที่ตั้งของร้านเพื่อให้ประชาชนรู้จักและไปซื้อสินค้าให้มากขึ้น
ส่วนการจ้างงานจำนวน 1,000 ตำแหน่ง ในอัตรา 15,000 บาท/เดือน เพื่อช่วยในการตรวจสอบ ติดตามการซื้อขายของร้านถูกใจ ในตอนนี้มีผู้สมัครแล้ว 700-800 คน โดยจะรับคนในพื้นที่ เพื่อสะดวกในเรื่องที่พัก และการเดินทาง ซึ่งได้เริ่มทำงานแล้วตั้งแต่ วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเริ่มแรกจะให้เป็นผู้ช่วยในการหาร้านเข้ามาร่วมโครงการเพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ให้ได้มากที่สุด
***แฉวอร์รูมแก้ของแพงปิดปรับปรุง
เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) เวลาประมาณ 10.30 น. นายชนินทร์ รุ่งแสง ประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ได้เดินทางมากระทรวงพาณิชย์ เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพง และขอคำชี้แจงในการจัดทำดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อ) เพราะเห็นว่าตัวเลขที่แสดงราคาสินค้าในเว็บไซต์ของกระทรวงพาณิชย์แตกต่างจากตัวเลขที่เป็นจริงในตลาด และได้ติดตามการจัดทำโครงการโชห่วยช่วยชาติ โครงการธงฟ้า
ที่รัฐสภา เวลา 13.30 น. นายธนา ชีรวินิจ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กรรมาธิการฯ ได้ไปตรวจเยี่ยมวอร์รูมแก้สินค้าแพงของกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นเรื่องน่าผิดหวัง เพราะเจ้าหน้าที่แจ้งว่าอยู่ระหว่างปิดปรับปรุง หลังจากที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไปร่วมประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาของแพงที่กระทรวงพาณิชย์ โดยระบุว่า ยังไม่มีกำหนดว่าจะปรับปรุงแล้วเสร็จเมื่อใด ไม่ต่างอะไรกับผักชีโรยหน้า ส่วนการเปิดร้านถูกใจ หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณตั้งแต่ 1 มี.ค. จนวันนี้ ผ่านไปเกือบ 2 เดือน ไม่มีอะไรคืบหน้า ซึ่งน่าห่วง
**ถกลดค่าโดยสารหลังดีเซล30บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บมจ.ปตท.(PTT) และบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) ประกาศปรับลดราคาขายปลีก น้ำมันเบนซินและดีเซลทุกชนิดลงลิตรละ 30 สตางค์ ยกเว้น E20 ลดลงลิตรละ 50 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่ วันนี้ (18 พ.ค.) เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันของ ปตท.และบางจาก ในสถานีบริการน้ำมันเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ราคาลิตรละ 41.35 บาท
แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 37.93 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 36.18 บาท E20 ลิตรละ 34.98 บาท E85 ลิตรละ 22.48 บาท และดีเซลลิตรละ 30.13 บาท
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การอนุมัติให้รถสองแถว, รถมินิบัสและรถร่วมบริการ บขส. ขึ้นค่าโดยสารเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา เป็นไปตามต้นทุนราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น แต่ขณะนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันดีเซลเริ่มลดลง หากราคาลงต่ำกว่า 30บาทต่อลิตร จะต้องมีการปรับลดค่าโดยสารลงด้วย ซึ่งเป็นไปตามข้อตกลงกัน ส่วนรถร่วมบริการ ขสมก. ที่ให้บริการในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังไม่มีการปรับขึ้นราคา เนื่องจากใช้ก๊าซNGV ซึ่งมติให้ปรับขึ้น1บาทวันที่ 16มิ.ย.2555 ภายใต้เงื่อนไขราคาก๊าซNGV อยู่ที่ 9.50 บาทต่อลิตร แต่หลังจากคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีมติตรึงราคาNGV ออกไปอีก3 เดือน ซึ่งราคาจะอยู่ที่ 10.50ต่อลิตร และรถร่วมฯ ขสมก.จะได้รับการช่วยเหลืออีก2บาทเท่ากับเหลือ8.50 บาทต่อลิตรเท่าเดิม จึงต้องตรึงค่าโดยสารต่อไป ส่วนที่ผู้ประกอบการจะมีข้อเสนอให้รัฐช่วยเหลือต้นทุนที่นอกเหนือจากราคาNGV นั้น คณะกรรมการขนส่งกลางจะเป็นผู้พิจารณา
**รถร่วมฯ ขสมก.ยันขึ้น1บาท1มิ.ย.
นายวิทยา เปรมจิตร์ นายกสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชนหรือรถร่วมบริการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวยืนยันว่า การปรับขึ้นค่าโดยสาร เมื่อราคาก๊าซNGV อยู่ที่ 9.50บาทต่อกิโลกรัม ไม่เกี่ยวกับรถร่วมฯ ขสมก. เพราะเป็นข้อตกลงของกลุ่มแท็กซี่ จะมารวมเอารถร่วมฯ ขสมก. ด้วยไม่ได้ ดังนั้น ในวันที่ 1มิ.ย.2555จะปรับขึ้นค่าโดยสาร1บาทแน่นอน
เพราะ รมช.คมนาคมได้ยืนยันกับผู้ประกอบการเอง หลังจากที่หารือร่วมกันที่กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) แต่ถ้าไม่ให้ขึ้น ก็จะกำหนดท่าทีต่อไป เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม
