ตรัง - “ปุ้มปุ้ย-ปลายิ้ม” ผู้ผลิตอาหารกระป๋องรายใหญ่ยังยืนยันที่จะตรึงราคาสินค้าไว้คงเดิม เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อผู้บริโภค แม้ค่าแรง-ค่าไฟที่เพิ่มขึ้น จะมีทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นก็ตาม
นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานกรรมการอำนวยการ บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และส่งออกอาหารกระป๋องรายใหญ่ในเครือปุ้มปุ้ย-ปลายิ้ม เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลได้ปรับขึ้นค่าแรงงานเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมานั้น แม้จะมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตในระดับหนึ่ง แต่ทางบริษัทก็ยังคงยืนยันที่จะตรึงราคาสินค้าไว้คงเดิม เพื่อมิให้เกิดปัญหาต่อประชาชนผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้กำลังมีความวิตกกังวลเรื่องการปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างมาก จนอาจส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอย หรือภาคเศรษฐกิจหยุดชะงัก ทั้งที่สถานการณ์โดยภาพรวมยังไม่ถึงขั้นรุนแรง
ทั้งนี้ เนื่องจากธุรกิจในเครือปุ้มปุ้ย-ปลายิ้ม ได้เตรียมการรับมือมาก่อนหน้านี้หลายเดือนแล้ว พร้อมใช้วิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิตให้สูงขึ้น ควบคู่กับการลดต้นทุน โดยการนำเครื่องจักรมาใช้มากขึ้น ลดการใช้พลังงาน หรือของเสียให้มีปริมาณน้อยลง และสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานทั้งหมด
เพราะการที่ทางบริษัทปรับค่าแรงงานให้เพิ่มขึ้นนั้น เท่ากับเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่พนักงาน ฉะนั้น อาจจะเป็นแรงจูงใจให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเชื่อว่าในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้ น่าจะมีตัวแปรที่ทำให้สถานการณ์เรื่องแรงงานคลี่คลายลง และทางบริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถฝ่าวิกฤตไปได้
สำหรับปัญหาการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนสำคัญของการผลิตนั้น แม้จะสร้างผลกระทบต่อธุรกิจในเครือปุ้มปุ้ย-ปลายิ้มอีกเช่นกัน แต่ทางผู้บริหารเห็นว่ายังพอมีแนวทางที่จะรับมือได้ โดยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงไตรมาสนี้ (เมษายน-มิถุนายน) เพราะอาหารกระป๋องยังคงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีราคาถูกกว่าสินค้าอาหารประเภทอื่นๆ แต่หากมีการปรับขึ้นก็อาจจะไปกระทบต่อยอดขายได้ และแม้จะมีบางบริษัทที่ตัดสินใจปรับขึ้นราคาอาหารกระป๋อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทอื่นๆ จะใช้วิธีการเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบัน เป็นยุคของการแข่งขัน และต้องดำเนินการทุกอย่างรอบคอบที่สุด
นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานกรรมการอำนวยการ บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และส่งออกอาหารกระป๋องรายใหญ่ในเครือปุ้มปุ้ย-ปลายิ้ม เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลได้ปรับขึ้นค่าแรงงานเพิ่มขึ้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมานั้น แม้จะมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตในระดับหนึ่ง แต่ทางบริษัทก็ยังคงยืนยันที่จะตรึงราคาสินค้าไว้คงเดิม เพื่อมิให้เกิดปัญหาต่อประชาชนผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้กำลังมีความวิตกกังวลเรื่องการปรับขึ้นราคาสินค้าอย่างมาก จนอาจส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอย หรือภาคเศรษฐกิจหยุดชะงัก ทั้งที่สถานการณ์โดยภาพรวมยังไม่ถึงขั้นรุนแรง
ทั้งนี้ เนื่องจากธุรกิจในเครือปุ้มปุ้ย-ปลายิ้ม ได้เตรียมการรับมือมาก่อนหน้านี้หลายเดือนแล้ว พร้อมใช้วิธีการปรับปรุงประสิทธิภาพของการผลิตให้สูงขึ้น ควบคู่กับการลดต้นทุน โดยการนำเครื่องจักรมาใช้มากขึ้น ลดการใช้พลังงาน หรือของเสียให้มีปริมาณน้อยลง และสร้างการมีส่วนร่วมของพนักงานทั้งหมด
เพราะการที่ทางบริษัทปรับค่าแรงงานให้เพิ่มขึ้นนั้น เท่ากับเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่พนักงาน ฉะนั้น อาจจะเป็นแรงจูงใจให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังเชื่อว่าในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้ น่าจะมีตัวแปรที่ทำให้สถานการณ์เรื่องแรงงานคลี่คลายลง และทางบริษัทยังมั่นใจว่าจะสามารถฝ่าวิกฤตไปได้
สำหรับปัญหาการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นทุนสำคัญของการผลิตนั้น แม้จะสร้างผลกระทบต่อธุรกิจในเครือปุ้มปุ้ย-ปลายิ้มอีกเช่นกัน แต่ทางผู้บริหารเห็นว่ายังพอมีแนวทางที่จะรับมือได้ โดยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าในช่วงไตรมาสนี้ (เมษายน-มิถุนายน) เพราะอาหารกระป๋องยังคงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค เนื่องจากมีราคาถูกกว่าสินค้าอาหารประเภทอื่นๆ แต่หากมีการปรับขึ้นก็อาจจะไปกระทบต่อยอดขายได้ และแม้จะมีบางบริษัทที่ตัดสินใจปรับขึ้นราคาอาหารกระป๋อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทอื่นๆ จะใช้วิธีการเดียวกัน เนื่องจากปัจจุบัน เป็นยุคของการแข่งขัน และต้องดำเนินการทุกอย่างรอบคอบที่สุด
