ธปท. เตรียมนำ 3 ปัจจัยกระทบ ศก. ประเมินแรงกดดัน “เงินเฟ้อ” ทั้งการปรับขึ้น “ค่ารถ-ค่าไฟ” และตัวเลข “ส่งออก” ติดลบไตรมาสแรก ก่อนชงเข้าที่ประชุม “บอร์ด กนง.” วันที่ 2 พ.ค.นี้ คาดส่งออก ฟื้นได้เต็มที่กลางปี อย่างช้าไม่เกินไตรมาส 3 แน่นอน
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ฝ่ายเศรษฐกิจการเงินของ ธปท.กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลการปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ค่ารถโดยสาร ที่ส่งผลให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มสูงขึ้นนั้น ก็จะเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อในปัจจุบันให้สูงขึ้นหรือไม่
ส่วนผลกระทบยังคงต้องรอผลการรายงานก่อน ซึ่งคาดว่าภายใน 30 เมษายน 2555 นี้ คงได้รับรายงาน และสามารถนำผลการประเมินดังกล่าว เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2555 นี้ เพื่อจะได้พิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป
นายประสาร กล่าวด้วยว่า ตัวเลขมูลค่าการส่งออกไตรมาสแรก ที่ติดลบร้อยละ 3.92 เกิดจากผลกระทบต่อเนื่องมาจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่ของประเทศ เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังการผลิตไม่สามารถกลับมาผลิตได้เต็มที่ ผู้ประกอบการหลายภาคส่วน ต้องนำเข้าสินค้าจากฐานการผลิตอื่นในต่างประเทศแทน โดยเชื่อว่ากำลังการผลิตเหล่านี้ จะฟื้นตัวกลับมาได้เต็มที่ ในช่วงกลางปี หรืออย่างช้าไตรมาส 3 ของปีนี้
“ช่วงนี้เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า คงขยายตัวได้ไม่มาก เพราะคำสั่งซื้อจากต่างประเทศยังไม่ดีนัก เนื่องจากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอ แต่ก็ไม่ได้น่าห่วงนักว่าจะทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดต่อเนื่อง เพราะยังมีเวลาอีกมาก และแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ก็ยังมีโอกาสขยายตัวได้ในระดับที่ดี”
ส่วนตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของปีนี้ ธปท. ได้ประเมินว่า ปีนี้มีโอกาสที่ดุลบัญชีเดินสะพัด อาจขาดดุลประมาณ ร้อยละ 1% ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ซึ่งถือว่าไม่น่าห่วง และไม่เป็นอันตราย เนื่องจากเป็นผลจากการนำเข้าสินค้าเพื่อมาทดแทนการผลิตในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าทุนที่ต้องนำเข้ามาพัฒนาประเทศ
