“นายกฯ ปู” บอกรู้ชาวบ้านกำลังเดือดร้อนจากค่าสาธารณูปโภค ค่าโดยสารสูงขึ้น เล็งหามาตรการช่วยเหลือ เน้นผู้มีรายได้น้อย พร้อมสั่งเจ้ากระทรวง ผู้ว่าฯ สอบผู้มีอิทธิพลหักหัวคิวเงินยียวยาเหยื่อใต้ 20% ระบุหากพบจัดการเด็ดขาด
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนหลังจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติให้ปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที อีกหน่วยละ 30 สตางค์ว่า ตนได้รับเสียงเรียกร้องจากประชาชนเหมือนกัน จึงได้สั่งการให้หามาตรการในการช่วยเหลือประชาชนด้วย หากเรียบร้อยแล้วตนจะชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ ตนได้ตามงานจากทุกกระทรวงก็ได้ฝากความห่วงใยของประชาชนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทยที่ดูแลเรื่องการไฟฟ้า และกระทรวงเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากโรงงานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมได้รับการฟื้นฟู ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาราว 1 ไตรมาส หรือ 3 เดือน สินค้าและบริการต่างๆ ก็จะเริ่มกลับเข้ามาสู่ระบบอีกครั้ง
ส่วนแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคที่ดีดตัวสูงขึ้นนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เรื่องค่าน้ำ และค่าไฟฟ้า จะขอกลับไปดูภาพรวมก่อนว่าจะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน หากจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือคงจะให้เป็นรายกลุ่ม คงจะไม่สามารถออกมาตรการช่วยเหลือในภาพรวมทั้งหมด เพราะจะใช้งบประมาณในการดำเนินการค่อนข้างมาก จึงเลือกที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดจะดีกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะไปแก้จุดไหนก่อน น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ดูกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งต้องขอดูฐานข้อมูลจากหน่วยงานที่มอบหมายให้ไปรวบรวมก่อน เมื่อถามว่าอย่างการขึ้นค่าโดยสารในภาคขนส่งทำให้ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมาก น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ได้ติดตามและฝากกระทรวงพลังงานให้หามาตรการออกมาช่วยเหลือ ยืนยันว่าจะแก้ปัญหาเฉพาะจุดที่มีผู้ได้รับผลกระทบ แต่ต้องชี้แจงว่ากรณีค่าน้ำมันได้รับผลกระทบจากวิกฤตน้ำมันในตลาดโลก ทำให้ราคาต้นทุนปรับตัวขึ้นสูงมาก ทำให้ราคาปลายทางมีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ ดังนั้น รัฐบาลคงจะสวนกับกลไกตลาดไม่ได้ แต่จะพยายามประคองผู้ที่ได้รับผลกระทบ ขณะเดียวกันต้องเร่งในส่วนของการสร้างรายได้
ส่วนที่ฝ่ายค้านเรียกร้องให้ปรับโครงสร้างราคาน้ำมันโดยนำกำไรจาก บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มาช่วยอุดหนุนราคาน้ำมันในประเทศจะช่วยลดค่าครองชีพอื่นๆ ได้ทั้งระบบ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ขณะนี้มีกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่แล้ว จึงต้องให้กระทรวงพลังงานและคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาในรายละเอียดก่อน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลไปเรียกหักค่าหัวคิว 20% จากเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ถ้ามีข้อมูลอย่างนั้นก็ต้องมีการตรวจสอบ เบื้องต้นได้มีการสั่งการ กำชับทั้งทุกกระทรวง และผู้ว่าราชการจังหวัดว่าอย่าให้มีการทุจริต และการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ซึ่งตรงนี้เองได้ย้ำเป็นนโยบายลงไปอย่างชัดเจนก็ขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปตรวจสอบ หากพบว่ามีความผิดก็ต้องมีการดำเนินการ