จับตาเรกูเลเตอร์เคาะขึ้นค่าไฟ 25 เมษายน แนวโน้มขยับ 38 สตางค์ต่อหน่วยหลังเอาไม่อยู่ จากที่ต้องปรับขึ้นจริง 57 สต.ต่อหน่วย โดยที่เหลืออีก 19 สต.ต่อหน่วยขอให้ กฟผ.รับภาระต่อไปอีกรอบ
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า การประชุมเรกูเลเตอร์เพื่อพิจารณาหาข้อสรุปตัวเลขการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือเอฟที ที่จะเรียกเก็บในบิลค่าไฟประชาชนเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 55 วันที่ 25 เมษายน มีแนวโน้มที่จะต้องประกาศขึ้นค่าเอฟทีสูงถึง 38 สตางค์ต่อหน่วยจากตัวเลขจริงที่จะต้องปรับสูงขึ้นถึง 57 สตางค์ต่อหน่วย
“เรกูเลเตอร์ได้รายงานให้นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รมว.พลังงาน รับทราบแล้ว อย่างไรก็ตามการปรับค่าเอฟทีเป็นอำนาจของเรกูเลเตอร์ และก่อนหน้านี้ต้องยอมรับว่ามีการตรึงค่าเอฟทีมานานจนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ.ไม่สามารถจะรับภาระได้ทั้งหมด” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ สำหรับอัตราค่าเอฟทีที่ต้องปรับขึ้นดังกล่าว ในข้อเท็จจริงแล้วจะต้องปรับขึ้นในระดับ 57 สต.ต่อหน่วย เนื่องจากต้นทุนเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าของ กฟผ.ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าคิดเป็น 70% ของเชื้อเพลิงรวม ซึ่งต้นทุนดังกล่าวทำให้ค่าเอฟทีต้องปรับขึ้นทันที 18 สต.ต่อหน่วย และยังต้องนำภาระที่กฟผ.แบกรับค่าเอฟทีแทนประชาชนในหลายๆ งวดที่ผ่านมา โดยคิดเป็นค่าเอฟทีที่ กฟผ.แบกรับภาระไปแล้วรวม 39 สต.ต่อหน่วย จึงรวมเป็นค่าเอฟทีที่ต้องปรับขึ้นรวม 57 สต.ต่อหน่วย
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรัฐบาลได้สั่งการให้เรกูเลเตอร์ไปเจรจากับ กฟผ.เพื่อขอให้ช่วยรับภาระค่าเอฟทีแทนประชาชนอีกงวดหนึ่ง จึงมีการต่อรองกันได้ข้อสรุปว่าค่าเอฟทีงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคมนี้จะเรียกเก็บที่ 38 สต.ต่อหน่วย และอีก 19 สต.ต่อหน่วย กฟผ.จะยอมรับภาระต่อไปอีกงวดหนึ่ง