แอร์พอร์ตลิ้งค์เตรียมชงบอร์ด 23 พ.ค.นี้ ซื้อรถเพิ่ม 7 ขบวน วงเงิน 4.2พันล้านบาท คาดได้ใช้ปี 57 ยืนยันไม่หยุดวิ่งแม้มีปัญหาอะไหล่เหตุใช้วิธีสับเปลี่ยนจากขบวนสำรอง ชี้ปรับเงินเดือน สวัสดิการพนักงานเป็นอำนาจบอร์ดรับปากเสนอเร็วๆนี้
นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (แอร์พอร์ตเรลลิ้งค์) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด วันที่ 23 พ.ค.นี้จะเสนอแผนจัดซื้อขบวนรถ 7 ขบวนๆ ละ 4 ตู้ วงเงินรวม 4,200 ล้านบาท ซึ่งหากบอร์ดแอร์พอร์ตลิ้งค์เห็นชอบจะเสนอแผนให้บอร์ดร.ฟ.ท.อนุมัติจากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ โดยจะใช้เงินกู้ในการจัดซื้อ โดยหากได้รับอนุมัติภายในปีนี้ จะรับมอบรถได้ในปี 2557 โดยจะเจรจากับผู้ผลิตเพื่อเร่งกระบวนการผลิตจาก 2 ปี ให้เหลือ 1ปีครึ่ง
ทั้งนี้ ยืนยันว่ารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์จะไม่มีการหยุดวิ่งให้บริการอย่างแน่นอน โดยนำอะไหล่ขบวนรถสำรองมาสับเปลี่ยน ส่วนปัญหาใหญ่คือเพลาล้อที่เสียเร็วกว่ากำหนด ซึ่งได้สรุปกับทางบริษัทซีเมนส์แล้วว่า สาเหตุไม่ได้เกิดจากการถอดเปลี่ยนจานดิสก์เบรกไม่ถูกต้องแต่เสียมาตั้งแต่แรก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบเพลาที่ผลิตจากโรงงานประเทศจีนว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่เนื่องจากหากสั่งซื้อจากจีนจะใช้เวลา 2-3 เดือนเร็วกว่าโรงงานประเทศเยอรมันที่ใช้เวลาถึง 6 เดือน
ส่วนกรณีที่พนักงานบริษัทระบุว่า ไม่ได้รับการดูแลทั้งการปรับเงินเดือนและสวัสดิการนั้น นายภากรณ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำความเข้าใจกันแล้วเพราะนอกจากเป็นบริษัทใหม่แล้วการพิจารณาต่างๆ ยังเป็นอำนาจของบอร์ด ซึ่งบริษัทอยู่ในภาวะไม่มีบอร์ดมาหลายเดือน อย่างไรก็ตามจากนี้ จะเร่งเสนอบอร์ดพิจารณาปรับเงินเดือนประจำปี 1 ขั้น และปรับเงินเดือน 5% ตามมติครม.สำหรับรัฐวิสาหกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังต้องบริหารงานภายใต้ร.ฟ.ท.ทำให้การดำเนินงานมีขั้นตอนมาก โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาแยกหนี้สินและทรัพย์สิน ซึ่งตามแผนบริษัทจะรับหนี้สินจากร.ฟ.ท. 7,035 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทางสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เห็นว่าควรรับหนี้ในส่วนของระบบอาณัติสัญญาณ ประมาณ 4,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งทำให้หนี้เพิ่มเป็น 11,000 ล้านบาทกระทบต่อแผนธุรกิจของบริษัทไม่สามารถมีกำไรในปีที่ 5 แน่นอน โดยล่าสุดกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้หารือร่วมกันแล้วว่าจะให้บริษัทรับหนี้ 7,035 ล้านบาท โดยวบน.จะเป็นผู้เสนอครม.เพื่อยืนยันอีกครั้ง
นายภากรณ์ ตั้งเจตสกาว รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทรถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (แอร์พอร์ตเรลลิ้งค์) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด วันที่ 23 พ.ค.นี้จะเสนอแผนจัดซื้อขบวนรถ 7 ขบวนๆ ละ 4 ตู้ วงเงินรวม 4,200 ล้านบาท ซึ่งหากบอร์ดแอร์พอร์ตลิ้งค์เห็นชอบจะเสนอแผนให้บอร์ดร.ฟ.ท.อนุมัติจากนั้นจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ โดยจะใช้เงินกู้ในการจัดซื้อ โดยหากได้รับอนุมัติภายในปีนี้ จะรับมอบรถได้ในปี 2557 โดยจะเจรจากับผู้ผลิตเพื่อเร่งกระบวนการผลิตจาก 2 ปี ให้เหลือ 1ปีครึ่ง
ทั้งนี้ ยืนยันว่ารถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์จะไม่มีการหยุดวิ่งให้บริการอย่างแน่นอน โดยนำอะไหล่ขบวนรถสำรองมาสับเปลี่ยน ส่วนปัญหาใหญ่คือเพลาล้อที่เสียเร็วกว่ากำหนด ซึ่งได้สรุปกับทางบริษัทซีเมนส์แล้วว่า สาเหตุไม่ได้เกิดจากการถอดเปลี่ยนจานดิสก์เบรกไม่ถูกต้องแต่เสียมาตั้งแต่แรก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบเพลาที่ผลิตจากโรงงานประเทศจีนว่าสามารถใช้งานได้หรือไม่เนื่องจากหากสั่งซื้อจากจีนจะใช้เวลา 2-3 เดือนเร็วกว่าโรงงานประเทศเยอรมันที่ใช้เวลาถึง 6 เดือน
ส่วนกรณีที่พนักงานบริษัทระบุว่า ไม่ได้รับการดูแลทั้งการปรับเงินเดือนและสวัสดิการนั้น นายภากรณ์กล่าวว่า ขณะนี้ได้ทำความเข้าใจกันแล้วเพราะนอกจากเป็นบริษัทใหม่แล้วการพิจารณาต่างๆ ยังเป็นอำนาจของบอร์ด ซึ่งบริษัทอยู่ในภาวะไม่มีบอร์ดมาหลายเดือน อย่างไรก็ตามจากนี้ จะเร่งเสนอบอร์ดพิจารณาปรับเงินเดือนประจำปี 1 ขั้น และปรับเงินเดือน 5% ตามมติครม.สำหรับรัฐวิสาหกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังต้องบริหารงานภายใต้ร.ฟ.ท.ทำให้การดำเนินงานมีขั้นตอนมาก โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาแยกหนี้สินและทรัพย์สิน ซึ่งตามแผนบริษัทจะรับหนี้สินจากร.ฟ.ท. 7,035 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ทางสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เห็นว่าควรรับหนี้ในส่วนของระบบอาณัติสัญญาณ ประมาณ 4,000 ล้านบาทด้วย ซึ่งทำให้หนี้เพิ่มเป็น 11,000 ล้านบาทกระทบต่อแผนธุรกิจของบริษัทไม่สามารถมีกำไรในปีที่ 5 แน่นอน โดยล่าสุดกระทรวงคมนาคม กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้หารือร่วมกันแล้วว่าจะให้บริษัทรับหนี้ 7,035 ล้านบาท โดยวบน.จะเป็นผู้เสนอครม.เพื่อยืนยันอีกครั้ง