วานนี้(15 พ.ค.55)นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า การปรับโครงสร้างพรรคจากระบบภาคเป็นแบบแบ่งพื้นที่ 19 โซนนั้นเพื่อให้รัฐมนตรีลงพื้นที่ดูแลประชาชนได้อย่างทั่วถึง โดยต่อไปการประชุมประธานภาคจะถูกยุบไปโดยปริยาย และเปลี่ยนเป็นการประชุมรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้าโซนแทน มั่นใจว่ามาตรการนี้จะไม่ส่งผลให้มีการตั้งกลุ่มสร้างอำนาจต่อรองทางการเมือง
ทั้งนี้ ในส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ มอบหมายให้ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.กระทรวงคมนาคม ดูแลกรุงเทพฯ ส่วนใน อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ดูแลพื้นที่ฝั่งตะวันตก และเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลพื้นที่ฝั่งธนบุรี ส่วนตัวเองนั้นรับดูแลภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดตรังถึงนราธิวาส
**ปัดคุม กทม.ขัดแย้ง เจ๊หน่อย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีได้รับเลือกเป็นประธานโซน รับผิดชอบดูแลฝั่งธนบุรี ว่า ตนไม่กล้าแสดงความเห็น เพราะวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 พ.ค.55) ไม่ได้เข้าร่วมประชุมพรรค แต่เชื่อว่าการใดที่พรรคได้พิจารณา และหัวหน้าพรรคเห็นชอบ คงทำด้วยความรอบคอบ ส่วนรายละเอียดตนไม่ทราบ จึงไม่เหมาะสมในการแสดงความเห็น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแบ่งเป็น 3 กลุ่มในส่วนกทม.เหมาะสมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนได้พูดไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ว่ากรุงเทพใหญ่ ต้องช่วยกัน และพรรคต้องเป็นเจ้าภาพใหญ่ ไม่ควรมีคนหนึ่งคนใดรับผิดชอบ ต้องขึ้นกับพรรค กับการบริหารพรรค เจ้าภาพเล็ก ก็ลงไปทำงานในพื้นที่ และถ้าตนมาคุมกทม.ต้องทำการบ้านมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ 3 เท่า เพราะจะต้องมาเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ เพราะกทม.ถือว่าหนักเป็นสนามปราบเซียน จึงจะต้องขายนโยบายรัฐบาลไปสู้ และหลังจากที่มีปรับปรุงโครงสร้างพรรคจะมีความเข้มแข็งมากขึ้น แต่ตัวบุคคลจะลดความสำคัญลง
เมื่อถามว่าเมื่อมารับผิดชอบจะสามารถเพิ่มเก้าอี้ได้มากขึ้นหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ถ้าจริงก็เป็นทุกข์ ถือเป็นทุกข์ใหญ่หลวง เพราะตนทิ้งพื้นที่ไปนาน ลูกชายลงยังแพ้เลย ทั้งนี้ถ้าเป็นไปได้ ตนขอคุมภาคอีสานดีกว่า มีความรู้สึกว่าเป็นคนอีสานไปแล้ว เพราะเลือกตั้ง 2 รอบที่ผ่านมา พรรคได้ให้ตนเป็นหัวหน้าทีมปราศรัยภาคอีสาน มาวันนี้ถือว่าเป็นทุกข์ เพราะตนเชี่ยวชาญภาคอีสาน มาเริ่มอยู่กทม.ใหม่ถือว่าหนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นเรื่องนี้เคยสร้างความขัดแย้งให้กับร.ต.อ.เฉลิมกับคุณหญิงสุดารัตน์ มาแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ไม่ขัดแย้ง ในเมื่อพรรคพิจารณาว่าเหมาะสมและไม่น่าจะเป็นการสลายขั้วการเมือง พรรคเพื่อไทยไม่มีขั้ว ไม่มีกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณคิด พรรคเพื่อไทยทำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ
ทั้งนี้เมื่อถามว่า การทำเช่นนี้เพื่อป้องกันปัญหา ที่คุณหญิงสุดารัตน์ คุมกทม.เบ็ดเสร็จหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่กล้าแสดงความเห็น ต้องถามหัวหน้าพรรค
**อ้างเพื่อไทยไม่มีกลุ่มไม่มีก้อน
ส่วนกรณีที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะมีการหารือกันจะเป็นกระแสเริ่มต้นของการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สมาชิก 111 เป็นบุคคลที่มีคุณภาพมีความรู้ความสามารถ ส่วนตัวเชื่อว่าการออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้มีเจตนาที่บริสุทธิ์ และยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นปึกแผ่น ไม่มีกลุ่มไม่มีก้อน มีความแข็งแกร่งสามารถสู้พรรคประชาธิปัตย์ได้
ส่วนการประชุมใหญ่ของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ที่จากเดิมจะจัดที่โรงแรมเอส ซี ปาร์ค แต่เปลี่ยนมาจัดที่พรรคเพื่อไทย เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ ส่วนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่หลังจากปรับ ครม. ตนเห็นว่ามีความเหมาะสมทุกคน แต่อย่าเหมารวม 111 คน เพราะขณะนี้อยู่กับพรรค 50 คน และ ออกจากพรรคไปแล้ว 50 คน ซึ่งคนที่อยู่น่าจะมีโอกาสมากกว่า
เมื่อถามว่าหากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา จะกลับเข้ามาเป็นรัฐมนตรี จะต้องเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอีกสักระยะหนึ่งหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น เนื่องจากตนและนายสมศักดิ์ เป็นเพื่อนกันยังสามารถพูดคุยกันได้ ทั้งนี้ตนยังไม่มีบารมีพอที่จะเปิดให้ใครสามารถเข้ามาติดต่อขอร่วมงานได้
ส่วนการปรับครม. ร.ต.อ.เฉลิม มีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะยังคงอยู่ในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ทราบเพราะการปรับครม. ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซุ่มเงียบ ไม่มีใครรู้ได้
**จารุพงศ์ให้คะแนนตัวเอง 9 เต็ม 10
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลการจะปรับ ครม.หรือไม่ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และเป็นมติของพรรคมาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาล ว่านายกรัฐมนตรีสามารถปรับครม.ได้เพื่อความเหมาะสม ดังนั้น จึงไม่ขอตอบว่าจะมีการปรับหรือไม่ เพราะไม่ใช่เรื่องของตน แต่หากจะให้คะแนนตัวเอง ต้องเป็น 9 เต็ม 10 เพราะการทำงานร่วมกับรัฐมนตรีช่วยฯ ได้ทำงานด้วยความสามารถอย่างเต็มที่
ส่วนเรื่องของการปรับโครงสร้างพรรคนั้น เนื่องจากสถานการณ์ที่พรรคเป็นรัฐบาลจะครบรอบ 1 ปี จึงต้องปรับโครงสร้างเพื่อความแข็งแกร่ง จากเดิมที่มีกรรมการ 5 ภาค และวันนี้คิดว่าหากปรับให้เล็กลง เป็น 8-10 จังหวัดต่อ 1 โซน จึงเป็น 19 โซน และมีรัฐมนตรีช่วยดูแล
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าว ตนไม่ใส่ใจ ที่มีข่าวว่ามีชื่อตนเองอยู่ในรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกปรับออก โดยระบุว่ามีเวลาก็จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประเทศชาติ ส่วนเรื่องงบประมาณปี 2556 ก็พร้อมชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา
** 111ถึงไทย อ้างไม่ได้พบ'แม้ว'
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย เปิดเผยภายหลังเดินทางกลับจากการไปตีกอล์ฟที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีนว่า มีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จำนวน 8 คนเดินทางไปร่วมก๊วนกอล์ฟครั้งนี้ด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ได้ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ทั้งนี้ สำหรับการจัดงานประชุมสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ในเวลา 15.00 น.ของวันที่ 16 พ.ค.ที่โรงแรมเอสซีปาร์คนั้น ขณะนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้สถานที่ที่พรรคเพื่อไทยในเวลา 10.00 น.แทน เพื่อความสะดวกในการจัดงาน ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ตอบรับมาร่วมงานแล้วประมาณ 50-60 คน
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กดดันนายกรัฐมนตรีให้ปรับครม.นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง บ้านเลขที่ 111 ไม่เคยไปกดดันและไม่มีสิทธิจะไปกดดันนายกฯ รวมทั้งไม่เคยมีการกำหนดสเปคด้วยว่า สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีนั้น ต้องไม่มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่านายกรัฐมนตรี เพราะทุกคนมาด้วยอุดมการณ์ อยากจะมาช่วยงานพรรค และไม่เชื่อว่าจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อกีดกันกันเองในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่มีข่าวปล่อยว่า การที่ตนออกมาเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมก็เพื่อหวังตำแหน่งในพรรคหลังพ้นโทษแบน 5 ปีนั้น ตนไม่ได้ถือสา และอนุโมทนาสาธุให้ด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ มอบหมายให้ จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.กระทรวงคมนาคม ดูแลกรุงเทพฯ ส่วนใน อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ ดูแลพื้นที่ฝั่งตะวันตก และเฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ดูแลพื้นที่ฝั่งธนบุรี ส่วนตัวเองนั้นรับดูแลภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดตรังถึงนราธิวาส
**ปัดคุม กทม.ขัดแย้ง เจ๊หน่อย
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีได้รับเลือกเป็นประธานโซน รับผิดชอบดูแลฝั่งธนบุรี ว่า ตนไม่กล้าแสดงความเห็น เพราะวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 พ.ค.55) ไม่ได้เข้าร่วมประชุมพรรค แต่เชื่อว่าการใดที่พรรคได้พิจารณา และหัวหน้าพรรคเห็นชอบ คงทำด้วยความรอบคอบ ส่วนรายละเอียดตนไม่ทราบ จึงไม่เหมาะสมในการแสดงความเห็น
ผู้สื่อข่าวถามว่าการแบ่งเป็น 3 กลุ่มในส่วนกทม.เหมาะสมหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนได้พูดไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ว่ากรุงเทพใหญ่ ต้องช่วยกัน และพรรคต้องเป็นเจ้าภาพใหญ่ ไม่ควรมีคนหนึ่งคนใดรับผิดชอบ ต้องขึ้นกับพรรค กับการบริหารพรรค เจ้าภาพเล็ก ก็ลงไปทำงานในพื้นที่ และถ้าตนมาคุมกทม.ต้องทำการบ้านมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ 3 เท่า เพราะจะต้องมาเริ่มต้นนับ 1 ใหม่ เพราะกทม.ถือว่าหนักเป็นสนามปราบเซียน จึงจะต้องขายนโยบายรัฐบาลไปสู้ และหลังจากที่มีปรับปรุงโครงสร้างพรรคจะมีความเข้มแข็งมากขึ้น แต่ตัวบุคคลจะลดความสำคัญลง
เมื่อถามว่าเมื่อมารับผิดชอบจะสามารถเพิ่มเก้าอี้ได้มากขึ้นหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจริงหรือไม่ ถ้าจริงก็เป็นทุกข์ ถือเป็นทุกข์ใหญ่หลวง เพราะตนทิ้งพื้นที่ไปนาน ลูกชายลงยังแพ้เลย ทั้งนี้ถ้าเป็นไปได้ ตนขอคุมภาคอีสานดีกว่า มีความรู้สึกว่าเป็นคนอีสานไปแล้ว เพราะเลือกตั้ง 2 รอบที่ผ่านมา พรรคได้ให้ตนเป็นหัวหน้าทีมปราศรัยภาคอีสาน มาวันนี้ถือว่าเป็นทุกข์ เพราะตนเชี่ยวชาญภาคอีสาน มาเริ่มอยู่กทม.ใหม่ถือว่าหนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นเรื่องนี้เคยสร้างความขัดแย้งให้กับร.ต.อ.เฉลิมกับคุณหญิงสุดารัตน์ มาแล้ว ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ไม่ขัดแย้ง ในเมื่อพรรคพิจารณาว่าเหมาะสมและไม่น่าจะเป็นการสลายขั้วการเมือง พรรคเพื่อไทยไม่มีขั้ว ไม่มีกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณคิด พรรคเพื่อไทยทำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ
ทั้งนี้เมื่อถามว่า การทำเช่นนี้เพื่อป้องกันปัญหา ที่คุณหญิงสุดารัตน์ คุมกทม.เบ็ดเสร็จหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่กล้าแสดงความเห็น ต้องถามหัวหน้าพรรค
**อ้างเพื่อไทยไม่มีกลุ่มไม่มีก้อน
ส่วนกรณีที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะมีการหารือกันจะเป็นกระแสเริ่มต้นของการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สมาชิก 111 เป็นบุคคลที่มีคุณภาพมีความรู้ความสามารถ ส่วนตัวเชื่อว่าการออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้มีเจตนาที่บริสุทธิ์ และยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นปึกแผ่น ไม่มีกลุ่มไม่มีก้อน มีความแข็งแกร่งสามารถสู้พรรคประชาธิปัตย์ได้
ส่วนการประชุมใหญ่ของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ ที่จากเดิมจะจัดที่โรงแรมเอส ซี ปาร์ค แต่เปลี่ยนมาจัดที่พรรคเพื่อไทย เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ ส่วนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่หลังจากปรับ ครม. ตนเห็นว่ามีความเหมาะสมทุกคน แต่อย่าเหมารวม 111 คน เพราะขณะนี้อยู่กับพรรค 50 คน และ ออกจากพรรคไปแล้ว 50 คน ซึ่งคนที่อยู่น่าจะมีโอกาสมากกว่า
เมื่อถามว่าหากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา จะกลับเข้ามาเป็นรัฐมนตรี จะต้องเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอีกสักระยะหนึ่งหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น เนื่องจากตนและนายสมศักดิ์ เป็นเพื่อนกันยังสามารถพูดคุยกันได้ ทั้งนี้ตนยังไม่มีบารมีพอที่จะเปิดให้ใครสามารถเข้ามาติดต่อขอร่วมงานได้
ส่วนการปรับครม. ร.ต.อ.เฉลิม มีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะยังคงอยู่ในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ทราบเพราะการปรับครม. ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซุ่มเงียบ ไม่มีใครรู้ได้
**จารุพงศ์ให้คะแนนตัวเอง 9 เต็ม 10
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลการจะปรับ ครม.หรือไม่ เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี และเป็นมติของพรรคมาตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาล ว่านายกรัฐมนตรีสามารถปรับครม.ได้เพื่อความเหมาะสม ดังนั้น จึงไม่ขอตอบว่าจะมีการปรับหรือไม่ เพราะไม่ใช่เรื่องของตน แต่หากจะให้คะแนนตัวเอง ต้องเป็น 9 เต็ม 10 เพราะการทำงานร่วมกับรัฐมนตรีช่วยฯ ได้ทำงานด้วยความสามารถอย่างเต็มที่
ส่วนเรื่องของการปรับโครงสร้างพรรคนั้น เนื่องจากสถานการณ์ที่พรรคเป็นรัฐบาลจะครบรอบ 1 ปี จึงต้องปรับโครงสร้างเพื่อความแข็งแกร่ง จากเดิมที่มีกรรมการ 5 ภาค และวันนี้คิดว่าหากปรับให้เล็กลง เป็น 8-10 จังหวัดต่อ 1 โซน จึงเป็น 19 โซน และมีรัฐมนตรีช่วยดูแล
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี กล่าว ตนไม่ใส่ใจ ที่มีข่าวว่ามีชื่อตนเองอยู่ในรายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกปรับออก โดยระบุว่ามีเวลาก็จะทำงานอย่างเต็มที่เพื่อประเทศชาติ ส่วนเรื่องงบประมาณปี 2556 ก็พร้อมชี้แจงต่อที่ประชุมรัฐสภา
** 111ถึงไทย อ้างไม่ได้พบ'แม้ว'
นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขาธิการมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย เปิดเผยภายหลังเดินทางกลับจากการไปตีกอล์ฟที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีนว่า มีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จำนวน 8 คนเดินทางไปร่วมก๊วนกอล์ฟครั้งนี้ด้วย แต่ยืนยันว่าไม่ได้ไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ทั้งนี้ สำหรับการจัดงานประชุมสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ในเวลา 15.00 น.ของวันที่ 16 พ.ค.ที่โรงแรมเอสซีปาร์คนั้น ขณะนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้สถานที่ที่พรรคเพื่อไทยในเวลา 10.00 น.แทน เพื่อความสะดวกในการจัดงาน ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ตอบรับมาร่วมงานแล้วประมาณ 50-60 คน
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่า สมาชิกบ้านเลขที่ 111 กดดันนายกรัฐมนตรีให้ปรับครม.นั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง บ้านเลขที่ 111 ไม่เคยไปกดดันและไม่มีสิทธิจะไปกดดันนายกฯ รวมทั้งไม่เคยมีการกำหนดสเปคด้วยว่า สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีนั้น ต้องไม่มีคุณสมบัติโดดเด่นกว่านายกรัฐมนตรี เพราะทุกคนมาด้วยอุดมการณ์ อยากจะมาช่วยงานพรรค และไม่เชื่อว่าจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อกีดกันกันเองในกลุ่ม อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่มีข่าวปล่อยว่า การที่ตนออกมาเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมก็เพื่อหวังตำแหน่งในพรรคหลังพ้นโทษแบน 5 ปีนั้น ตนไม่ได้ถือสา และอนุโมทนาสาธุให้ด้วย