รองนายกฯ ไม่รู้เรื่อง พท.ปรับโครงสร้างบริหารงาน พร้อมย้ำถึงมีการแบ่งโซนใหม่ก็ไม่ใช่เพื่อสลายขั้วอำนาจ ยอมรับหนักใจหากได้รับมอบหมายให้ดูแลพื้นที่ฝั่งธนบุรี เพราะทิ้งพิ้นที่ไปปราศรัยในถิ่นอีสานเสียนาน ชูพรรคเพื่อไทยชนะเลิกตั้งเพราะบารมีแม้ว ชี้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 เป็นบุคคลที่ความสามารถ ส่วนจะเข้าร่วม ครม.หรือไม่อยู่ที่ดุลพินิจ “ยิ่งลักษณ์”
วันนี้ (15 พ.ค.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับโครงสร้างการบริหารงานของพรรคเพื่อไทย โดยมีการแบ่งพื้นที่กรุงเทพมหานครเป็น 3 โซน เพื่อลดอำนาจการต่อรองของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ สมาชิกบ้านเลขที่ 111 ว่า ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น เนื่องจากเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 พ.ค.) ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับพรรค เรื่องนี้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ให้ความเห็นชอบ ซึ่งหัวหน้าพรรคจะต้องคิดอย่างรอบคอบแล้ว ซึ่งการจะไปแสดงความเห็นในตรงนั้นไม่เหมาะสม
ร.ต.อ.เฉลิมยังกล่าวว่า การแบ่งโซนพื้นที่กรุงเทพมหานคร ตนเคยพูดถึงแนวทางดังกล่าวไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เพราะมองว่ากรุงเทพเป็นพื้นที่ใหญ่ต้องช่วยกันดูแล โดยให้พรรคเป็นเจ้าภาพใหญ่ จึงไม่ควรมีคนหนึ่งคนใดรับผิดชอบโดยเฉพาะ ทั้งนี้ ตนรู้สึกว่าเป็นคนอีสานไปแล้วเนื่องจากการเลือกตั้งปี 50 และ ปี 54 ที่ผ่านมาพรรคให้ตนเดินสายปราศรัยในภาคอีสาน
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า การแบ่งโซนครั้งนี้ไม่ใช่การสลายขั้ว พรรคไม่ได้มีขั้วแต่อย่างใด การให้ตนมารับผิดชอบฝั่งธนบุรีรู้สึกเป็นทุกข์อย่างใหญ่หลวง เพราะทิ้งพื้นที่ไปนาน การให้ตนมาดูแลพื้นที่กรุงเทพมหานครจึงเป็นงานหนักสำหรับตน ซึ่งจะต้องถามรายละเอียดกับนายยงยุทธ ว่าข้อเท็จจริงในการคัดเลือกรัฐมนตรีดูแลพื้นที่เป็นอย่างไร ตนไม่รู้ไม่ทราบ เพราะไม่ได้เข้าร่วมประชุมพรรค
เมื่อถามว่าการแบ่งโซนครั้งนี้นอกจากดูแลพื้นที่แล้วยังมีอำนาจในการคัดเลือกส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งลงแข่งขันได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนไม่มีอำนาจ ขึ้นอยู่กับพรรคในการตัดสินใจ ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยชนะเพราะบารมีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และความนิยมของพรรค
ส่วนกรณีที่สมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะมีการหารือกันจะเป็นกระแสเริ่มต้นของการปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สมาชิก 111 เป็นบุคคลที่มีคุณภาพมีความรู้ความสามารถ ส่วนตัวเชื่อว่าการออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้มีเจตนาที่บริสุทธิ์ และยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเป็นปึกแผ่น ไม่มีกลุ่มก้อน มีความแข็งแกร่งสามารถสู้พรรคประชาธิปัตย์ได้
ส่วนการประชุมใหญ่ของสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ในวันพรุ่งนี้ ที่จากเดิมจะจัดที่โรงแรมเอส ซี ปาร์ค แต่เปลี่ยนมาจัดที่พรรคเพื่อไทย เป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ทราบ ส่วนสมาชิกบ้านเลขที่ 111 จะได้เป็นรัฐมนตรีหรือไม่หลังจากปรับ ครม. ตนเห็นว่ามีความเหมาะสมทุกคน แต่อย่าเหมารวม 111 คน เพราะขณะนี้อยู่กับพรรค 50 คน และออกจากพรรคไปแล้ว 50 คน ซึ่งคนที่อยู่น่าจะมีโอกาสมากกว่า
เมื่อถามว่าหากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาจะกลับเข้ามาเป็นรัฐมนตรีจะต้องเข้ามาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยอีกสักระยะหนึ่งหรือไม่นั้น รองนายกรัฐมนตรีปฏิเสธที่จะแสดงความเห็น เนื่องจากตนและนายสมศักดิ์เป็นเพื่อนกันยังสามารถพูดคุยกันได้ ตนยังไม่มีบารมีพอที่จะเปิดให้ใครสามารถเข้ามาติดต่อขอร่วมงานได้
ส่วนการปรับ ครม. ร.ต.อ.เฉลิมมีความมั่นใจหรือไม่ว่าจะยังคงอยู่ในตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ทราบเพราะการปรับ ครม.ครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซุ่มเงียบ ไม่มีใครรู้ได้
