ASTVผู้จัดการรายวัน - ครม.ตีกลับคุมราคาอาหารจานเดียวของก.พาณิชย์ ชี้ต้องกำหนดรายละเอียดให้ชัดก่อน เผยครม.เสียงแตกเป็น 2 ฝ่าย เตรียมขายของถูกใต้แอร์พอร์ตลิ้งค์ กบง.เคาะแผนปรับราคาพลังงานใหม่ ชี้คงราคาก๊าซ NGV ที่ 10.50 บาทอีก 3 เดือน ขสมก.ชงครม.ซื้อเมล์ NGV 2.7 หมื่นล.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (14 พ.ค.) ว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ การนำอาหารปรุงสุกเข้ามาเป็นสินค้าควบคุมนั้น ครม.เห็นด้วย แต่ประเด็นต้องดูเพิ่มคือ จะควบคุมอย่างไร เอาอะไรมาเป็นปัจจัยชี้วัด ซึ่งขณะนี้มีสินค้า 42 รายการ ที่อยู่ในการควบคุม แต่อาหารปรุงสำเร็จยังไม่มีการควบคุม เพราะมีองค์ประกอบเยอะ ต้องไปดูรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่อนุมัติให้อาหารจานด่วนเป็นสินค้าควบคุม เพราะต้องการให้กระทรวงพาณิชย์กลับมาจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐาน ราคา และพื้นที่การควบคุม ซึ่งได้สั่งการให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลอาหารปรุงสำเร็จ ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) จัดทำรายละเอียดให้ได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า และจะนำรายละเอียดทั้งหมดเสนอครม. พิจารณาอีกครั้ง
สำหรับร้านค้าที่จะควบคุม จะเน้นไปยังศูนย์อาหารในห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า และศูนย์อาหารภายในสำนักงานทั้งรัฐและเอกชน รวมถึงร้านค้าในเครือธงฟ้า และร้านอาหารทั่วไป ยกเว้นร้านค้าประเภทหาบเร่ แผงลอย เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ค้ารายย่อย และยกเว้นภัตตาคาร และโรงแรงนอกจากนี้ ให้กำหนดมาตรฐานให้ชัดว่าทั้ง 10 เมนูที่จะควบคุม แต่ละเมนูมีมาตรฐานเป็นอย่างไร
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การกำหนดมาตรการดูแลราคาอาหารปรุงสำเร็จ น่าจะเป็นเรื่องของการกำหนดราคาจำหน่ายสูงสุด ใน 10 เมนูที่กำหนด คือ ข้าวไข่เจียว ข้าวกะเพราหมู ข้าวกะเพราะหมู ไข่ดาว ข้าวไข่พะโล้ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ข้าวผัดหมู ราดหน้าหมู ผัดซีอิ้วหมู ขนมจีนน้ำยา แกงไก่ และข้าวราดแกงไก่
นายบุญทรงกล่าวว่า ส่วนการเรียกผู้ประกอบการสินค้ามาหารือ เพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าออกไป 4 เดือน ในวันนี้ (15 พ.ค.) ยืนยันว่าไม่ใช่การบังคับไม่ให้ปรับราคา เพียงแต่ขอให้ชะลอการปรับราคาในช่วง 4 เดือนนี้ไปก่อน แต่หากรายไหนแบกรับต้นทุนไม่ไหว ถ้าไม่ได้ขึ้นธุรกิจปิดกิจการแน่ ก็ให้ส่งข้อมูลมาพิสูจน์
** ครม.เสียงแตก คุมอาหารปรุงสำเร็จ
แหล่งข่าวจากที่ประชุมครม.เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครม. ซึ่งมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นั่งเป็นประธานการประชุม แทนนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ที่ประชุมได้ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการหารือ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ติดตามราคาสินค้าอุปโภค บริโภค โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือ จูงใจ ผู้ประกอบการ แต่ยังพบว่าไม่ได้รับความร่วมมือ ยังคงมีการขายสินค้าในราคาที่แพงอยู่ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ควรมีมาตรการเพื่อให้ได้รับการตอบรับมากกว่านี้
โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ เห็นว่า สินค้าปรุงสำเร็จควรเป็นสินค้าควบคุมราคา โดยจะกำหนดให้อาหารปรุงสำเร็จเป็นสินค้าควบคุม ระดับที่ 43 จาก 42 ชนิด ที่กำหนดให้มีการควบคุมราคาสินค้า โดยที่ประชุมครม. เสียงแตก แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ซึ่งกลุ่มแรก นำโดย นายยงยุทธ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน ที่เห็นว่า ควรเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ แม้จะเป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่ยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะ นายยงยุทธ ได้ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้อยู่ร่วมเป็นประธานการประชุมครม. แต่นายกฯ ก็ได้มอบหมายให้ทางกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว ถึงแม้ประกาศมาตรการออกไปแล้ว จะถูกด่าอย่างไร ก็ให้กระทรวงพาณิชย์ เขารับผิดชอบไป
** "โต้ง"กลัวเจอมาตรา 157
ขณะที่อีกลุ่มนำโดย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม แสดงความไม่เห็นด้วย โดยนายกิตติรัตน์ ระบุว่า ข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ คงปฏิบัติไม่ได้จริง เพราะยังขาดความชัดเจน และสินค้าสำเร็จรูปที่จะไปกำหนดควบคุมราคาได้ยาก ไม่เหมือนกับสินค้าอื่น เช่น ปูนซีเมนต์ นมผงเด็ก ที่มีปริมาตรบรรจุชัดเจน ไม่ว่าจะไปวางขายที่ไหน หรืออย่างกรณีราดหน้าร้าน เจ๊ไฝ ขายราดหน้าจานละ 300-400 บาท แต่คนก็ยังยินดีที่จะซื้อ ก็ให้เขากินไป แต่ตามตลาดนัดขายราดหน้าจานละ 40 บาท ก็มีคนยินดี คงไปบังคับกันไม่ได้ หรืออย่างในร้านแม็คโดนัล ขายโจ๊กชามละ 39 บาท แล้วถ้ามีคนไปกลั่นแกล้ง ไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่ให้มาจับกุม แล้วเกิดจับไม่ได้ ก็จะโดนมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีก ซึ่งทาง นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็เห็นด้วยว่า อาจจะเกิดปัญหา เพราะโอกาสที่จะโดน มาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้าในทางปฏิบัติไม่มีความชัดเจนเพียงพอ
***ขายของถุกใต้แอร์พอร์ตลิ้งค์
สำหรับการจัดทำโครงการขายสินค้าราคาถูกเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพให้ประชาชน ล่าสุดทางกระทรวงคมนาคมได้แจ้งมายังกระทรวงพาณิชย์ว่าจะจัดพื้นที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ พื้นที่สถานีแอร์พอร์ตลิงค์ และใต้ทางด่วน ให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปขายสินค้าราคาถูกโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มช่องทางในการกระจายสินค้าให้กับประชาชน ขณะที่ร้านถูกใจ ล่าสุดมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว แยกเป็นต่างจังหวัดประมาณ 5,000 ราย กรุงเทพฯ 600 ราย คาดว่าภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ จะเปิดได้ครบ 2,000 แห่ง และภายในสัปดาห์นี้ จะเร่งจัดส่งชั้นวางสินค้า ป้ายชื่อร้าน ให้กับร้านค้าที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ โดยร้านค้าเหล่านี้จะสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านไปรษณีย์ได้ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป
****กบง.เคาะแผนปรับราคาพลังงานใหม่
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) วันที่ 14 พ.ค. ว่า กบง.ได้พิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน โดยให้คงราคาก๊าซ NGV ที่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ต่อไปอีก 3 เดือน(16พ.ค.-15ส.ค.) LPG ภาคขนส่งคงอัตราเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 2.80 บาทต่อกก.ต่ออีก 3 เดือนทำให้ราคาขายปลีกจะอยู่ที่ 21.13 บาทต่อกก.
นอกจากนี้ยังกำหนดให้ตรึงราคาขายปลีก LPG ภาคอุตสาหกรรมที่ปรับราคาไตรมาสละ 3 บาทรวม 4 ไตรมาสมาอยู่ที่ 30.13 บาทต่อกก.ในขณะนี้นั้นให้คงราคาดังกล่าวจนถึง 1 มิ.ย.
สำหรับแนวทางการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯที่เดิมจะเก็บเบนซิน 91และ 95 จำนวน 1 บาทต่อลิตรซึ่งจะมีผลวันที่ 16 ของเดือนนั้นกบง.เห็นชอบให้เลิกแนวทางเก็บเงินดังกล่าวและให้พิจารณาตามราคาตลาดโลกโดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯบริหารซึ่งจะเน้นให้ราคากลุ่มเบนซินต่างจากแก๊สโซฮอล์มากขึ้น
สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สิ้นสุดวันที่ 13 พ.ค.2555 ยังคงติดลบ 22,851 ล้านบาท แต่สถานะรายวันเป็นบวก โดยมีเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯวันละประมาณ 32 ล้านบาท หรือ 997 ล้านบาทต่อเดือน
***ขบ.ยังไม่ปรับค่ามิเตอร์แท็กซี่
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เห็นชอบตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เสนอให้ชะลอการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน โดยชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG ภาคขนส่ง ออกไปอีก 3 เดือนและรอผลการศึกษาต้นทุนราคาก๊าซ NGV จากทางสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยให้กลับมาพิจารณาอีกครั้งนั้น จะทำให้การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์จะต้องชะลอออกไปจนกว่าจะครบระยะเวลาที่ตรึงราคา NGV และ LPG 3 เดือน โยจะมีการหารือกับผู้ประกอบการอีกครั้ง
**ชงครม.ซื้อเมล์ NGV 2.7 หมื่นล.
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก.ได้สรุปโครงการจัดซื้อรถยนต์โดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ภายใต้แผนฟื้นฟู ขสมก. จำนวน 3,183 คันแล้ว โดยจะใช้การประกวดราคาผ่านระบบอิเล็กทรอนิคส์ (e-Auction) ซึ่งจะจัดซื้อรถปรับอากาศ จำนวน 1,524 คัน กำหนดราคาสูงสุดไม่เกิน 4.5 ล้านบาทต่อคัน(เป็นราคาเริ่มต้นประมูลแข่งขันเสนอลดราคาต่ำที่สุด) วงเงินรวมไม่เกิน 6,858 ล้านบาท และรถธรรมดา(รถร้อน) จำนวน 1,659 คัน ราคาสูงสุดไม่เกิน 3.8 ล้านบาทต่อคัน วงเงินรวมไม่เกิน 6,304.20 ล้านบาท รวมงบประมาณเฉพาะการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีไม่เกิน 13,162.20 ล้านบาท
นอกจากนี้จะมีการจ้างเหมาซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารระยะเวลา 10 ปี โดยวิธี e-Auction โดยกำหนดราคาสำหรับการซ่อมบำรุงรถปรับอากาศไม่เกินเฉลี่ย1,381 บาทต่อคันต่อวัน ต่ำกว่าปัจจุบันที่ ขสมก.มีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงเฉลี่ย 1,680 บาทต่อคันต่อวัน รถโดยสารธรรมดากำหนดค่าซ่อมบำรุงไม่เกิน 1,020 บาทต่อคันต่อวัน จากปัจจุบันที่ซ่อมบำรุงเฉลี่ย 1,237 บาทต่อคันต่อวัน รวมวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการซ่อมบำรุง 13,858.408 ล้านบาท และหากรวมการประกวดราคาทั้ง 2 ส่วนเข้าด้วยกัน จะใช้วงเงินรวมทั้งสิ้น 27,020.608 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาได้ในเดือนมิถุนายนนี้
**** มาม่าเล็งปรับราคาไตรมาส3
นายสุชัย รัตนเจียเจริญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา มาม่า ในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทฯยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า ในขณะนี้ แต่ทั้งนี้จะรอดูสถานการณ์ในไตรมาสสามอีกครั้งว่าบริษัทฯจะยังสามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้อีกหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็จำเป็นที่จะต้องปรับราคามาม่าขึ้นอีก
“ตอนนี้เรายังพอแบกรับต้นทุนได้บ้าง ทั้งจากราคาพลังงานและแป้งสาลีที่มีราคาเพื่มขึ้น แต่เราก็จับตาดูราคาต้นทุนวัตถุดิบอย่างใกล้ชิดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตามบะหมึ่กึ่งสำเร็จรูป ถือเป็นสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ เราไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ทันที เพราต้องยื่นเรื่องขอปรับราคาไปยังภาครัฐและต้องผ่านการอนุมัติทุกครั้งก่อน ซึ่งการปรับราคาของมาม่าครั้งล่าสุดคือช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มอีก 1 บาทและเป็นการปรับราคาทั้งตลาด”
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (14 พ.ค.) ว่า ตามที่กระทรวงพาณิชย์ เสนอ การนำอาหารปรุงสุกเข้ามาเป็นสินค้าควบคุมนั้น ครม.เห็นด้วย แต่ประเด็นต้องดูเพิ่มคือ จะควบคุมอย่างไร เอาอะไรมาเป็นปัจจัยชี้วัด ซึ่งขณะนี้มีสินค้า 42 รายการ ที่อยู่ในการควบคุม แต่อาหารปรุงสำเร็จยังไม่มีการควบคุม เพราะมีองค์ประกอบเยอะ ต้องไปดูรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังไม่อนุมัติให้อาหารจานด่วนเป็นสินค้าควบคุม เพราะต้องการให้กระทรวงพาณิชย์กลับมาจัดทำรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน โดยเฉพาะเรื่องมาตรฐาน ราคา และพื้นที่การควบคุม ซึ่งได้สั่งการให้คณะอนุกรรมการกำกับดูแลอาหารปรุงสำเร็จ ที่มีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) จัดทำรายละเอียดให้ได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า และจะนำรายละเอียดทั้งหมดเสนอครม. พิจารณาอีกครั้ง
สำหรับร้านค้าที่จะควบคุม จะเน้นไปยังศูนย์อาหารในห้างค้าปลีก ห้างสรรพสินค้า และศูนย์อาหารภายในสำนักงานทั้งรัฐและเอกชน รวมถึงร้านค้าในเครือธงฟ้า และร้านอาหารทั่วไป ยกเว้นร้านค้าประเภทหาบเร่ แผงลอย เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ค้ารายย่อย และยกเว้นภัตตาคาร และโรงแรงนอกจากนี้ ให้กำหนดมาตรฐานให้ชัดว่าทั้ง 10 เมนูที่จะควบคุม แต่ละเมนูมีมาตรฐานเป็นอย่างไร
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การกำหนดมาตรการดูแลราคาอาหารปรุงสำเร็จ น่าจะเป็นเรื่องของการกำหนดราคาจำหน่ายสูงสุด ใน 10 เมนูที่กำหนด คือ ข้าวไข่เจียว ข้าวกะเพราหมู ข้าวกะเพราะหมู ไข่ดาว ข้าวไข่พะโล้ ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ข้าวผัดหมู ราดหน้าหมู ผัดซีอิ้วหมู ขนมจีนน้ำยา แกงไก่ และข้าวราดแกงไก่
นายบุญทรงกล่าวว่า ส่วนการเรียกผู้ประกอบการสินค้ามาหารือ เพื่อขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้าออกไป 4 เดือน ในวันนี้ (15 พ.ค.) ยืนยันว่าไม่ใช่การบังคับไม่ให้ปรับราคา เพียงแต่ขอให้ชะลอการปรับราคาในช่วง 4 เดือนนี้ไปก่อน แต่หากรายไหนแบกรับต้นทุนไม่ไหว ถ้าไม่ได้ขึ้นธุรกิจปิดกิจการแน่ ก็ให้ส่งข้อมูลมาพิสูจน์
** ครม.เสียงแตก คุมอาหารปรุงสำเร็จ
แหล่งข่าวจากที่ประชุมครม.เปิดเผยว่า ในที่ประชุมครม. ซึ่งมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย นั่งเป็นประธานการประชุม แทนนายกรัฐมนตรี ปรากฏว่า ที่ประชุมได้ใช้เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการหารือ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ ติดตามราคาสินค้าอุปโภค บริโภค โดยกระทรวงพาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือ จูงใจ ผู้ประกอบการ แต่ยังพบว่าไม่ได้รับความร่วมมือ ยังคงมีการขายสินค้าในราคาที่แพงอยู่ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ ควรมีมาตรการเพื่อให้ได้รับการตอบรับมากกว่านี้
โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้า และบริการ เห็นว่า สินค้าปรุงสำเร็จควรเป็นสินค้าควบคุมราคา โดยจะกำหนดให้อาหารปรุงสำเร็จเป็นสินค้าควบคุม ระดับที่ 43 จาก 42 ชนิด ที่กำหนดให้มีการควบคุมราคาสินค้า โดยที่ประชุมครม. เสียงแตก แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ซึ่งกลุ่มแรก นำโดย นายยงยุทธ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน ที่เห็นว่า ควรเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ แม้จะเป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่ยังไม่มีความชัดเจน โดยเฉพาะ นายยงยุทธ ได้ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้อยู่ร่วมเป็นประธานการประชุมครม. แต่นายกฯ ก็ได้มอบหมายให้ทางกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว ถึงแม้ประกาศมาตรการออกไปแล้ว จะถูกด่าอย่างไร ก็ให้กระทรวงพาณิชย์ เขารับผิดชอบไป
** "โต้ง"กลัวเจอมาตรา 157
ขณะที่อีกลุ่มนำโดย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมช.คมนาคม แสดงความไม่เห็นด้วย โดยนายกิตติรัตน์ ระบุว่า ข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ คงปฏิบัติไม่ได้จริง เพราะยังขาดความชัดเจน และสินค้าสำเร็จรูปที่จะไปกำหนดควบคุมราคาได้ยาก ไม่เหมือนกับสินค้าอื่น เช่น ปูนซีเมนต์ นมผงเด็ก ที่มีปริมาตรบรรจุชัดเจน ไม่ว่าจะไปวางขายที่ไหน หรืออย่างกรณีราดหน้าร้าน เจ๊ไฝ ขายราดหน้าจานละ 300-400 บาท แต่คนก็ยังยินดีที่จะซื้อ ก็ให้เขากินไป แต่ตามตลาดนัดขายราดหน้าจานละ 40 บาท ก็มีคนยินดี คงไปบังคับกันไม่ได้ หรืออย่างในร้านแม็คโดนัล ขายโจ๊กชามละ 39 บาท แล้วถ้ามีคนไปกลั่นแกล้ง ไปร้องเรียนเจ้าหน้าที่ให้มาจับกุม แล้วเกิดจับไม่ได้ ก็จะโดนมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีก ซึ่งทาง นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และนายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ก็เห็นด้วยว่า อาจจะเกิดปัญหา เพราะโอกาสที่จะโดน มาตรา 157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ได้ ถ้าในทางปฏิบัติไม่มีความชัดเจนเพียงพอ
***ขายของถุกใต้แอร์พอร์ตลิ้งค์
สำหรับการจัดทำโครงการขายสินค้าราคาถูกเพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพให้ประชาชน ล่าสุดทางกระทรวงคมนาคมได้แจ้งมายังกระทรวงพาณิชย์ว่าจะจัดพื้นที่สถานีรถไฟทั่วประเทศ พื้นที่สถานีแอร์พอร์ตลิงค์ และใต้ทางด่วน ให้กระทรวงพาณิชย์เข้าไปขายสินค้าราคาถูกโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อเพิ่มช่องทางในการกระจายสินค้าให้กับประชาชน ขณะที่ร้านถูกใจ ล่าสุดมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้ว แยกเป็นต่างจังหวัดประมาณ 5,000 ราย กรุงเทพฯ 600 ราย คาดว่าภายในสิ้นเดือนพ.ค.นี้ จะเปิดได้ครบ 2,000 แห่ง และภายในสัปดาห์นี้ จะเร่งจัดส่งชั้นวางสินค้า ป้ายชื่อร้าน ให้กับร้านค้าที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการ โดยร้านค้าเหล่านี้จะสามารถสั่งซื้อสินค้าผ่านไปรษณีย์ได้ตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป
****กบง.เคาะแผนปรับราคาพลังงานใหม่
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) วันที่ 14 พ.ค. ว่า กบง.ได้พิจารณาแนวทางการปรับโครงสร้างราคาพลังงานตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)เพื่อลดค่าครองชีพประชาชน โดยให้คงราคาก๊าซ NGV ที่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัม(กก.) ต่อไปอีก 3 เดือน(16พ.ค.-15ส.ค.) LPG ภาคขนส่งคงอัตราเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 2.80 บาทต่อกก.ต่ออีก 3 เดือนทำให้ราคาขายปลีกจะอยู่ที่ 21.13 บาทต่อกก.
นอกจากนี้ยังกำหนดให้ตรึงราคาขายปลีก LPG ภาคอุตสาหกรรมที่ปรับราคาไตรมาสละ 3 บาทรวม 4 ไตรมาสมาอยู่ที่ 30.13 บาทต่อกก.ในขณะนี้นั้นให้คงราคาดังกล่าวจนถึง 1 มิ.ย.
สำหรับแนวทางการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯที่เดิมจะเก็บเบนซิน 91และ 95 จำนวน 1 บาทต่อลิตรซึ่งจะมีผลวันที่ 16 ของเดือนนั้นกบง.เห็นชอบให้เลิกแนวทางเก็บเงินดังกล่าวและให้พิจารณาตามราคาตลาดโลกโดยใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯบริหารซึ่งจะเน้นให้ราคากลุ่มเบนซินต่างจากแก๊สโซฮอล์มากขึ้น
สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง สิ้นสุดวันที่ 13 พ.ค.2555 ยังคงติดลบ 22,851 ล้านบาท แต่สถานะรายวันเป็นบวก โดยมีเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯวันละประมาณ 32 ล้านบาท หรือ 997 ล้านบาทต่อเดือน
***ขบ.ยังไม่ปรับค่ามิเตอร์แท็กซี่
นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า จากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เห็นชอบตามที่คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เสนอให้ชะลอการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน โดยชะลอการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV และ LPG ภาคขนส่ง ออกไปอีก 3 เดือนและรอผลการศึกษาต้นทุนราคาก๊าซ NGV จากทางสถาบันวิจัยพลังงาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยให้กลับมาพิจารณาอีกครั้งนั้น จะทำให้การปรับขึ้นอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่มิเตอร์จะต้องชะลอออกไปจนกว่าจะครบระยะเวลาที่ตรึงราคา NGV และ LPG 3 เดือน โยจะมีการหารือกับผู้ประกอบการอีกครั้ง
**ชงครม.ซื้อเมล์ NGV 2.7 หมื่นล.
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก(ขบ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก.ได้สรุปโครงการจัดซื้อรถยนต์โดยสารใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ภายใต้แผนฟื้นฟู ขสมก. จำนวน 3,183 คันแล้ว โดยจะใช้การประกวดราคาผ่านระบบอิเล็กทรอนิคส์ (e-Auction) ซึ่งจะจัดซื้อรถปรับอากาศ จำนวน 1,524 คัน กำหนดราคาสูงสุดไม่เกิน 4.5 ล้านบาทต่อคัน(เป็นราคาเริ่มต้นประมูลแข่งขันเสนอลดราคาต่ำที่สุด) วงเงินรวมไม่เกิน 6,858 ล้านบาท และรถธรรมดา(รถร้อน) จำนวน 1,659 คัน ราคาสูงสุดไม่เกิน 3.8 ล้านบาทต่อคัน วงเงินรวมไม่เกิน 6,304.20 ล้านบาท รวมงบประมาณเฉพาะการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีไม่เกิน 13,162.20 ล้านบาท
นอกจากนี้จะมีการจ้างเหมาซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารระยะเวลา 10 ปี โดยวิธี e-Auction โดยกำหนดราคาสำหรับการซ่อมบำรุงรถปรับอากาศไม่เกินเฉลี่ย1,381 บาทต่อคันต่อวัน ต่ำกว่าปัจจุบันที่ ขสมก.มีค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงเฉลี่ย 1,680 บาทต่อคันต่อวัน รถโดยสารธรรมดากำหนดค่าซ่อมบำรุงไม่เกิน 1,020 บาทต่อคันต่อวัน จากปัจจุบันที่ซ่อมบำรุงเฉลี่ย 1,237 บาทต่อคันต่อวัน รวมวงเงินงบประมาณที่ใช้ในการซ่อมบำรุง 13,858.408 ล้านบาท และหากรวมการประกวดราคาทั้ง 2 ส่วนเข้าด้วยกัน จะใช้วงเงินรวมทั้งสิ้น 27,020.608 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาได้ในเดือนมิถุนายนนี้
**** มาม่าเล็งปรับราคาไตรมาส3
นายสุชัย รัตนเจียเจริญ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรา มาม่า ในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า บริษัทฯยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า ในขณะนี้ แต่ทั้งนี้จะรอดูสถานการณ์ในไตรมาสสามอีกครั้งว่าบริษัทฯจะยังสามารถแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้อีกหรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็จำเป็นที่จะต้องปรับราคามาม่าขึ้นอีก
“ตอนนี้เรายังพอแบกรับต้นทุนได้บ้าง ทั้งจากราคาพลังงานและแป้งสาลีที่มีราคาเพื่มขึ้น แต่เราก็จับตาดูราคาต้นทุนวัตถุดิบอย่างใกล้ชิดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตามบะหมึ่กึ่งสำเร็จรูป ถือเป็นสินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ เราไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ทันที เพราต้องยื่นเรื่องขอปรับราคาไปยังภาครัฐและต้องผ่านการอนุมัติทุกครั้งก่อน ซึ่งการปรับราคาของมาม่าครั้งล่าสุดคือช่วง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มอีก 1 บาทและเป็นการปรับราคาทั้งตลาด”