วานนี้(7 พ.ค.55) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเปิดประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ในวาระ 2 ในวันที่ 8 พ.ค. นี้ ว่าในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ อยากให้การพิจารณาเสร็จสิ้นโดยเร็วเช่นกัน เพราะการพิจารณาในลักษณะยืดเยื้อกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส.ในสมัยปิดการประชุม ในส่วนของรัฐบาลก็มีท่าทีชัดเจนว่าไม่กล้าเปิดสมัยวิสามัญ พยายามที่จะยื้อ ขยายสมัยประชุมออกไป โดยไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งไม่เคยมีในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเฉพาะการพิจารณาพ.ร.บ.งบประมาณ ในวาระที่ 1 ซึ่งรัฐบาลได้แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะนำ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2556 เข้าพิจารณาในสมัยประชุมนิติบัญญัติที่ขยายเวลาออกไปด้วย ดังนั้นการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็จะว่ากันไปตามเนื้อผ้า ไม่มีเจตนาที่จะตีรวนหรือยื้อเวลาออกไป เพราะไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่จะทำเช่นนั้น
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่ารัฐบาลไม่รู้สึกตื่นเต้นหากจะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ตนเห็นว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมปากกล้าคนพรรคเพื่อไทย ก็แค่การเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ก็ยังไม่กล้า ที่จะเปิด เพราะกลัวพรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลับเบียดบัง เล่นเกม เอาช่วงเวลาขยายสมัยประชุมมาพิจารณาแทน
ตนขอให้จับตามองเกมการเมืองจากนี้ไป ว่า การนำพ.ร.บ.งบประมาณ เข้าสมัยประชุมนี้ ก็เป็นประตูเลื่อนญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเมื่อถึงสมัยประชุมสามัญทั่วไปในวันที่ 1 ส.ค. นายกฯ ฉวยโอกาสปรับครม. เอาสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เข้าเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้อีกระยะหนึ่ง การออกมาปฏิเสธว่าไม่กลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อยากให้กลับไปถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบมากน้อยแค่ไหน เพราะเพียงแค่การยื่นกระทู้ถามสดในวันพฤหัสบดี นายกฯกลับหลีกหนี บ่ายเบี่ยง และพยายามที่จะใช้กิจกรรมในวันพฤหัสฯ หลีกหนีกระทู้สด เป็นประจำ ถ้าเจอกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีความเข้มข้น มากกว่ากระทู้ถามสดหลายร้อยเท่า นายกฯ กล้าที่จะเผชิญหน้ากับการตรวจสอบในสภาหรือไม่
“ส่วนตัวเชื่อว่านายกฯ หนีการตรวจสอบทุกรูปแบบ และจะหนีเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไปแต่คนเป็นนายกฯ ไม่สามารถหลีกหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ไม่ว่าจะมีการปรับครม. ทั้งคณะ ก็ตาม ถ้าตัวนายกฯ ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ก็สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ได้ ปัญหาของบ้านเมืองขณะนี้อยู่ที่นายกฯ ถ้าจะไม่ให้มีการอภิปรายไม่ว้าวางใจนายกฯ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ หรือก็ลาออกจากตำแหน่งไป” นายเทพไท กล่าว
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยถึง กรอบเวลาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากการประชุมร่วมกันของวิป 3 ฝ่าย เมื่อสัปดาห์ก่อน หากทุกฝ่ายยังยึดมั่นในข้อตกลงเดิม ประชุมร่วมในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) น่าจะผ่าน ม.291/11 และ 12 ได้ ส่วนในวันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ค. ก็น่าจะผ่าน ม.291/13 ได้ และหากเป็นไปตามนั้นจริง ๆ ก็มีโอกาสที่จะสามารถพิจารณาวาระ 2 เสร็จสิ้นในวันที่ 11 พ.ค.นี้ หากไม่มีการดึง หรือ พยายามยื้อเวลา แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับผู้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรค ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการประชุมร่วมเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 วันที่ 8,10-11 พ.ค. โดยขอให้สมาชิกมาร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงให้ครบองค์ประชุม การประชุมหารือแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคไม่ได้เร่งรัดหรือเร่งรีบให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ขอเพียงให้ฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในกรอบ ไม่นอกประเด็น ไม่ให้ประชาชนเบื่อหน่าย และขอเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน สั่งการไปยังลูกพรรคอภิปรายในวาระ 2 ให้ยึดวาระข้อบังคับการประชุมอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นประชาชนจะมองว่า เป็นสภาฯที่มีแต่การกล่าวหากัน
นอกจากนี้ที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมการทำหน้าที่ส.ส.หน้าใหม่และส.ส.หญิง ที่ลุกขึ้นประท้วงเวลาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวนอกประเด็นว่าได้ทำหน้าที่อย่างดี ประท้วงอยู่ในกรอบ นอกจากนี้พรรคได้ให้นายสุนัย จุลพงศธร เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อดูแลเรื่องการประท้วงในสภา
รายงานข่าวแจ้งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ส.หน้าใหม่ ของพรรคเพื่อไทย ที่ลุกขึ้นประท้วงส่วนใหญ่ คือ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ” ส.ส.สุรินทร์ เขต 6 พรรคเพื่อไทย ที่ลุกต่อปากต่อคำกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เป็นระยะ อย่างกรณีที่เรียกนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า เจ๊ และถูกนายบุญยอดตอบโต้โดยเรียกว่า “จ่าเซาะกราว” หรือเรียก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลกว่า หมาวรงค์ เรียก น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม ว่า ฉี่ฉุน
นายเทพไท กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่ารัฐบาลไม่รู้สึกตื่นเต้นหากจะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ตนเห็นว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมปากกล้าคนพรรคเพื่อไทย ก็แค่การเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ก็ยังไม่กล้า ที่จะเปิด เพราะกลัวพรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลับเบียดบัง เล่นเกม เอาช่วงเวลาขยายสมัยประชุมมาพิจารณาแทน
ตนขอให้จับตามองเกมการเมืองจากนี้ไป ว่า การนำพ.ร.บ.งบประมาณ เข้าสมัยประชุมนี้ ก็เป็นประตูเลื่อนญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเมื่อถึงสมัยประชุมสามัญทั่วไปในวันที่ 1 ส.ค. นายกฯ ฉวยโอกาสปรับครม. เอาสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เข้าเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้อีกระยะหนึ่ง การออกมาปฏิเสธว่าไม่กลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อยากให้กลับไปถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบมากน้อยแค่ไหน เพราะเพียงแค่การยื่นกระทู้ถามสดในวันพฤหัสบดี นายกฯกลับหลีกหนี บ่ายเบี่ยง และพยายามที่จะใช้กิจกรรมในวันพฤหัสฯ หลีกหนีกระทู้สด เป็นประจำ ถ้าเจอกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีความเข้มข้น มากกว่ากระทู้ถามสดหลายร้อยเท่า นายกฯ กล้าที่จะเผชิญหน้ากับการตรวจสอบในสภาหรือไม่
“ส่วนตัวเชื่อว่านายกฯ หนีการตรวจสอบทุกรูปแบบ และจะหนีเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไปแต่คนเป็นนายกฯ ไม่สามารถหลีกหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ไม่ว่าจะมีการปรับครม. ทั้งคณะ ก็ตาม ถ้าตัวนายกฯ ยังดำรงตำแหน่งอยู่ ก็สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ได้ ปัญหาของบ้านเมืองขณะนี้อยู่ที่นายกฯ ถ้าจะไม่ให้มีการอภิปรายไม่ว้าวางใจนายกฯ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวนายกฯ หรือก็ลาออกจากตำแหน่งไป” นายเทพไท กล่าว
ด้านนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ในฐานะ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) เปิดเผยถึง กรอบเวลาพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากการประชุมร่วมกันของวิป 3 ฝ่าย เมื่อสัปดาห์ก่อน หากทุกฝ่ายยังยึดมั่นในข้อตกลงเดิม ประชุมร่วมในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.) น่าจะผ่าน ม.291/11 และ 12 ได้ ส่วนในวันพฤหัสบดีที่ 10 พ.ค. ก็น่าจะผ่าน ม.291/13 ได้ และหากเป็นไปตามนั้นจริง ๆ ก็มีโอกาสที่จะสามารถพิจารณาวาระ 2 เสร็จสิ้นในวันที่ 11 พ.ค.นี้ หากไม่มีการดึง หรือ พยายามยื้อเวลา แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับผู้อภิปรายสงวนคำแปรญัตติ
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมพรรค ว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องการประชุมร่วมเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 วันที่ 8,10-11 พ.ค. โดยขอให้สมาชิกมาร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียงให้ครบองค์ประชุม การประชุมหารือแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคไม่ได้เร่งรัดหรือเร่งรีบให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ขอเพียงให้ฝ่ายค้านอภิปรายอยู่ในกรอบ ไม่นอกประเด็น ไม่ให้ประชาชนเบื่อหน่าย และขอเรียกร้องไปยังนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน สั่งการไปยังลูกพรรคอภิปรายในวาระ 2 ให้ยึดวาระข้อบังคับการประชุมอย่างเคร่งครัด ไม่อย่างนั้นประชาชนจะมองว่า เป็นสภาฯที่มีแต่การกล่าวหากัน
นอกจากนี้ที่ประชุมได้กล่าวชื่นชมการทำหน้าที่ส.ส.หน้าใหม่และส.ส.หญิง ที่ลุกขึ้นประท้วงเวลาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวนอกประเด็นว่าได้ทำหน้าที่อย่างดี ประท้วงอยู่ในกรอบ นอกจากนี้พรรคได้ให้นายสุนัย จุลพงศธร เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อดูแลเรื่องการประท้วงในสภา
รายงานข่าวแจ้งว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ส.ส.หน้าใหม่ ของพรรคเพื่อไทย ที่ลุกขึ้นประท้วงส่วนใหญ่ คือ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ” ส.ส.สุรินทร์ เขต 6 พรรคเพื่อไทย ที่ลุกต่อปากต่อคำกับสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์เป็นระยะ อย่างกรณีที่เรียกนายบุญยอด สุขถิ่นไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า เจ๊ และถูกนายบุญยอดตอบโต้โดยเรียกว่า “จ่าเซาะกราว” หรือเรียก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลกว่า หมาวรงค์ เรียก น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม ว่า ฉี่ฉุน