“เทพไท” ปัดยื้อเวลาแก้ รธน. ห่วงยืดเยื้อกระทบการทำหน้าที่ ส.ส.ในช่วงปิดสมัยประชุม ซัดรัฐบาลเตรียมดึงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 56 เข้าสมัยประชุมนิติบัญญัติ กันท่า ปชป.ยื่นซักฟอก หวังให้ “ปู” หนีการตรวจสอบ
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการประชุมรัฐสภาในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 2 ว่าพรรคประชาธิปัตย์อยากให้การพิจารณาเสร็จสิ้นโดยเร็วเหมือนกันเ พราะการพิจารณาในลักษณะยืดเยื้อใช้เวลานานกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.ในการปิดสมัยประชุม และส่วนรัฐบาลเองก็มีท่าทีชัดเจนว่าไม่กล้าเปิดสมัยวิสามัญขึ้นมา พยายามที่จะยื้อขยายสมัยประชุมออกไปโดยไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งไม่เคยมีในประวัติศาสตร์การเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณฯ วาระที่ 1 จะมีการเปิดการประชุมวิสามัญขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่ในปีนี้รัฐบาลก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะนำ พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 56 เข้าในสมัยประชุมนิติบัญญัติที่ขยายเวลาออกไปด้วย ดังนั้น การพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ไม่มีเจตนาที่จะตีรวนหรือยื้อเวลาออกไปเพราะไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่จะต้องทำเช่นนั้น
นายเทพไทกล่าวว่า กรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ระบุว่ารัฐบาลไม่รู้สึกตื่นเต้นหากจะมีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตนเห็นว่าน่าจะเป็นพฤติกรรมปากกล้า คนพรรคเพื่อไทยแค่การเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ก็ยังไม่กล้าที่จะเปิด เพราะกลัวพรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ กลับเบียดบัง เล่นเกม เอาช่วงเวลาขยายสมัยประชุมมาพิจารณาแทน
“ผมขอให้จับตามองเกมการเมืองจากนี้ไปว่า การนำ พ.ร.บ.งบประมาณปี 56 เข้าสมัยประชุมนิติบัญญัติ ก็เป็นประตูเลื่อนญัตติการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเมื่อถึงสมัยประชุมสามัญทั่วไปในวันที่ 1 ส.ค. นายกรัฐมนตรี ฉวยโอกาสปรับ ครม. เอาสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เข้าเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้อีกระยะหนึ่ง การออกมาปฏิเสธว่าไม่กลัวการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็อยากให้กลับไปถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบมากน้อยแค่ไหน เพราะเพียงแค่การยื่นกระทู้ถามสดในวันพฤหัสบดี นายกรัฐมนตีกลับหลีกหนี บ่ายเบี่ยง และพยายามที่จะใช้กิจกรรมในวันพฤหัสฯ หลีกหนีกระทู้สด เป็นประจำ ถ้าเจอกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีความเข้มข้น มากกว่ากระทู้ถามสดหลายร้อยเท่า นายกรัฐมนตรีกล้าที่จะเผชิญหน้ากับการตรวจสอบในสภาหรือไม่”
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่านายกรัฐมนตรี หนีการตรวจสอบทุกรูปแบบ และจะหนีเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไปแต่คนเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถหลีกหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจได้ ไม่ว่าจะมีการปรับ ครม.ทั้งคณะก็ตาม ถ้าตัวนายกรัฐมนตรียังดำรงตำแหน่งอยู่ก็สามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ ปัญหาของบ้านเมืองขณะนี้อยู่ที่นายกรัฐมนตรี ถ้าจะไม่ให้มีการอภิปรายไม่ว้าวางใจนายกฯ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวนายกรัฐมนตรีหรือก็ลาออกจากตำแหน่งไป