“เทพไท” ปูดรัฐบาลเตรียมยื่นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 56 เข้าสภาฯ ช่วงขยายเวลาสมัยประชุมนี้ เพื่อไม่ต้องการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ กลัวเปิดช่องให้ฝ่ายค้านยื่นซักฟอก ยันลุยแน่ 1 ส.ค.ช่วงเปิดสภาฯ สมัยหน้า ระบุแม้ปรับ ครม.ครั้งใหญ่ก็หนีไม่พ้น เล็งตรวจสอบ “นายกฯ ปู” บริหารประเทศล้มเหลว
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการขยายเวลาสมัยประชุมสามัญนิติบัญญัติออกไปอย่างไม่มีกำหนดว่า เป็นเกมที่รัฐบาลชุดนี้พยายามชิงไหวพริบเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบของฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด และไม่ได้เกินความคาดหมายว่าคงจะมีการฉวยโอกาสช่วงการขยายสมัยประชุมออกไปนี้เพื่อยื่น ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 เข้ามา
“เกมนี้เป็นการช่วงชิง รับรู้กันในเฉพาะแกนนำรัฐบาล เพราะแม้แต่ตัวประธานวิปรัฐบาลยังไม่ทราบล่วงหน้าว่าจะมีการชิงเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเข้ามา แม้ว่าการยื่นร่าง พ.ร.บ.งบประมาณเข้าในสมัยนิติบัญญัติ โดยไม่ได้เปิดสมัยวิสามัญเพื่อปิดช่องทางการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านก็ตาม แต่ฝ่ายค้านสามารถใช้ช่วงระยะเวลาพิจารณางประมาณวาระ 1 เป็นการซ้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจล่วงหน้าได้ และเมื่อถึงการเปิดสมัยสามัญทั่วไปในวันที่ 1 ส.ค. ฝ่ายค้านจะได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเป็นทางการ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่สามารถหนีการตรวจสอบได้”
นายเทพไทกล่าวว่า การหลีกหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะ มีเพียงทางเดียว คือ ปรับ ครม.ชุดใหญ่ โดยเอาผลโพลของเอแบคที่ได้ระบุว่ามีรัฐมนตรีในรัฐบาลสอบผ่านเพียงไม่กี่คนมาดำเนินการ เพื่อนำสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เข้ามาใน ครม.ได้ ทั้งนี้ ถึงจะมีการปรับ ครม.ทั้งชุด และเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงคนเดียว ทางฝ่ายค้านก็พร้อมตรวจสอบนายกฯ ในฐานะผู้นำประเทศ บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวในช่วงเวลา 9 เดือนที่ผ่านมา
ส่วนกรณีที่จะให้นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เข้ามาเป็น รมช.มหาดไทย จนเกิดกระแสต่อต้านภายในพรรคเพื่อไทยนั้น นายเทพไทกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติที่คนในพรรคเพื่อไทยพยายามแย่งชามข้าวซึ่งกันและกัน แต่เชื่อว่าไม่สามารถต้านทานความต้องการของนายใหญ่ได้ เพราะในเวทีชุมนุมคนเสื้อแดงที่เขาใหญ่ก็ได้ประกาศชัดว่าจะปูนบำเหน็จให้นายจตุพร โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมและคดีความที่ติดตัวอยู่
“เมื่อคนอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ ก็อยากถามว่านายจตุพรด้อยกว่านายณัฐวุฒิตรงไหน การเกณฑ์เสื้อแดงฮาร์ดคอร์เข้าไปเป็นรัฐมนตรี เป็นยุทธศาสตร์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการสร้างภาพให้เห็นว่าใครก็ตามที่รับใช้ตัวเองอย่างสุดชีวิตก็จะได้รับการปูนบำเหน็จอย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งจะทำให้คนในระบอบทักษิณหลายคนพร้อมที่จะออกมาเคลื่อนไหวต่อสู้แบบถวายหัวให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ในประเทศนี้ตัวเองเป็นผู้บงการ และสามารถลิขิตชีวิตของกลุ่มผู้สนับสนุนตัวเองได้ทุกคน”