ไม่รู้ว่าจนถึงวันนี้คนเสื้อแดงรู้หรือยังว่า การออกมาต่อสู้บนท้องถนนของพวกเขาและการหลั่งเลือดสละชีวิตนั้นไม่มีนัยอะไรที่เป็นการต่อสู้กับอำมาตย์หรือการต่อสู้ทางชนชั้นที่แท้จริงเลย สิ่งที่พวกเขาอาจจะได้ก็คือเงินค่าชีวิตจำนวน 7.75 ล้านสำหรับคนที่เสียชีวิตและคนที่บาดเจ็บลดหลั่นกันลงไป
สำหรับคนยากจนแล้วมันอาจเป็นเงินที่มีความหมาย สำหรับคนที่สูญเสียชีวิตไปแล้วการได้รับค่าเยียวยาอาจจะดีกว่าการจากไปที่สูญเปล่า แต่สิ่งเหล่านี้เป็นความถูกต้องหรือเพราะเมื่อความจริงแล้วพวกเขาเพียงแต่ถูกหลอกให้มาต่อสู้เพื่ออำนาจของใครบางคนเท่านั้นเอง
แน่นอนว่าความคับแค้นจากความยากจนความไม่มีโอกาสในสังคมนั้นเป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ภายใต้ความรู้สึกที่เจ็บปวดของมนุษยชาติทุกเผ่าพันธุ์ แม้ว่าจริงๆ แล้วสังคมประชาธิปไตยนั้นไม่ได้ปิดกั้นพวกเขา เพียงแต่พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะเอื้อมไปถึงฝั่งฝัน แม้กระทั่งในยุคที่ทักษิณมีอำนาจ 6 ปี มีอะไรบ้างที่บอกว่าเขาเป็นนักประชาธิปไตย มีอะไรบ้างที่บอกว่าเขาพยายามขจัดความเหลื่อมล้ำให้หมดไปจากสังคมไทย
วันนี้เมื่อทักษิณได้อำนาจผ่านน้องสาวของเขา ก็มองไม่เห็นเลยว่า เขาจะขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคมออกไปอย่างไร รัฐบาลที่แล้วพยายามผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินเข้าสู่สภา ซึ่งเป็นมาตรการที่จะลดความเหลื่อมล้ำในสังคมทางหนึ่ง แต่มาถึงรัฐบาลนี้กลับปฏิเสธที่จะดำเนินการผลักดันกฎหมายนี้ต่อไป
แล้วอะไรคือการสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อสู้กับความเหลื่อมล้ำเล่า
หรือคิดแค่ว่าทักษิณจะเอาเงินกองทุนหมู่บ้านมาให้ หรือเชื่อลมปากทักษิณผ่านวิดีโอลิงก์มาในวันแดงเดือดว่า หากเขากลับมามีอำนาจจะทำให้ทุกคนรวยขึ้น ตอนนี้ที่เห็นทุกคนเท่าเทียมกันก็คือไม่ว่ารวยหรือจนก็ได้กินของแพงเหมือนกันหมดเท่านั้นเอง
6 ปีที่กุมอำนาจนั้นทักษิณพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคำนึงถึงผลประโยชน์ของกลุ่มทุนของเขาเป็นหลัก และเพียงไม่กี่ปีทักษิณก็มีเงินเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ผลประกอบการของบริษัทในวงวานว่านเครือของทักษิณเติบโตขึ้น แต่ประชาชนนั้นยากจนลงมีการทำตัวเลขออกมาอย่างชัดเจนทั้งผลประกอบการของบริษัทในเครือทักษิณและตัวเลขภาระหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้นของประชาชนจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ หากใครย้อนไปดูตัวเลขเก่าก็คงได้เห็นและหลายคนคงจะยังจำได้
วันนี้ญาติๆ ของคนเสื้อแดงที่สูญเสียชีวิตเริ่มรู้แล้วว่า พวกเขาถูกหลอกให้ใช้ชีวิตเพื่อแลกกับอำนาจของทักษิณ คนเสื้อแดงที่สูญเสียญาติมิตรและไม่เห็นด้วยกับการปรองดองถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะทักษิณบอกว่าต้องให้อภัยเสียสละเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้
แต่ไม่มีใครถามทักษิณเลยว่า ถ้าคิดอย่างนั้นถ้าทักษิณรู้จักที่จะให้อภัยและเสียสละจากวันนั้นถึงวันนี้ประเทศก็คงไม่เดินมาสู่หล่มของความขัดแย้งที่รุนแรงแบบนี้และคงจะไม่มีคนเสื้อแดงตายสักคน
อาจจะมีอยู่บ้างที่ออกมาต่อต้านรัฐประหาร แต่คงไม่มีพลังพอ และเมื่อคนทำรัฐประหารไม่ได้ผูกขาดอำนาจ ทุกครั้งเรื่องแบบนี้มันก็จะผ่านเลยไปในสังคมไทย ผมไม่คิดหรอกครับว่าจะมีกฎหมายไหนที่เขียนขึ้นมาเพื่อต่อต้านรัฐประหารได้ นอกจากรัฐบาลที่ได้อำนาจมาจากการเลือกตั้งใช้อำนาจอยู่ในทำนองคลองธรรม เมื่อนั้นต่างหากที่จะเป็นยาต้านรัฐประหารขนานใหญ่ และจะไม่มีความชอบธรรมอะไรที่จะอ้างเหตุมาล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนได้อีก
ปัญหาความชอบธรรมของพวกลิ่วล้อทักษิณที่สามารถปลุกม็อบไพร่อำมาตย์ให้คนจนลุกฮือขึ้นมาก็คือ การออกมาให้ท้ายของปัญญาชนนักวิชาการจำนวนหนึ่งผ่านเครือข่ายของทักษิณที่เป็นคนเดือนตุลา และพยายามทำให้เห็นว่าการต่อสู้ของทักษิณและลิ่วล้อนั้นเป็นการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย ตัดตอนให้เห็นเพียงว่าทักษิณมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นเขาจึงมีความชอบธรรม แต่ไม่พูดว่าทักษิณเมื่อได้อำนาจแล้วได้ใช้อำนาจอย่างชอบธรรมหรือไม่
และทำให้เห็นว่าการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามทักษิณนั้น เป็นการต่อสู้เพื่อเผด็จการและต่อสู้เพื่ออำมาตย์และอำนาจเก่า กลุ่มคนที่ออกมาต่อสู้กับการทุจริตคดโกงจากอำนาจของระบอบทักษิณถูกกล่าวหาว่าเป็นขวาจัดล้าหลัง
ทั้งที่จริงแล้ววังวนการต่อสู้กันของคนในสังคมไทยในช่วงหลายปีมานี้เป็นเพียงเรื่องผิดกับถูก ไม่ใช่เรื่องของก้าวหน้าหรือล้าหลัง ไม่ใช่เรื่องของซ้ายกับขวาที่บางคนพยายามเอานิยามที่ฝังติดอยู่ในหัวเอาอคติและความเจ็บปวดการต่อสู้ของสังคมไทยในทศวรรษก่อนมาครอบสังคมไทยในขณะนี้
ไม่เช่นนั้นจาตุรนต์ ฉายแสง คงจะมารวมกับสมัคร สุนทรเวชไม่ได้ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลจะมาชื่นชมสมัคร สุนทรเวชได้อย่างไร แต่เป็นการตกผลึกของกลุ่มผลประโยชน์ใหม่ที่ฝ่ายหนึ่งมีมวลชนเพื่อสถาปนาอำนาจใหม่ได้กับปัญญาชนที่ยังดักดานเรื่องอำมาตยาธิปไตย และหวังจะยืมมือของกันและกันเพื่อทำสงครามโค่นล้มระบอบที่พวกเขาชิงชัง
จนกระทั่งนักวิชาการที่เคยคลั่งไคล้มาร์กซ์เลนิน เหมา เจ๋อตงต่างพาออกมาให้ท้ายม็อบของทักษิณว่าเป็นสงครามประชาชนที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติสังคมและขจัดความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น จนกระทั่งมีประชาชนกลายเป็นเหยื่อออกมาพลีชีพจำนวนมาก
ผมคิดว่านักวิชาการและปัญญาชนไม่ใช่จะไม่รู้หรอกว่าทักษิณจริงๆ แล้วไม่ใช่นักประชาธิปไตย แม้กระทั่งเกษียรที่ได้รับฉายาว่า “จตุพรในวงการวิชาการ” เพราะกลายเป็นหางเครื่องของทักษิณ ก็ชอบคุยนักคุยหนาว่าเป็นพวกที่วิจารณ์ทักษิณมาก่อน กระทั่งเป็นผู้ขนานนามระบอบการปกครองในยุคนั้นว่าระบอบทักษิณ
แต่คนเหล่านี้หวังเพียงจะยืมมือของทักษิณมาเป็นเครื่องมือในการโค่นล้มอำนาจเก่าที่พวกเขาชิงชัง และคิดว่าจะง่ายกว่าถ้าจะโค่นทักษิณในภายหลัง คนที่เคยพูดทำนองนี้ออกมาอย่างชัดเจนและไม่อำพรางก็คือสุรชัย แซ่ด่านที่วันนี้ยังคงอยู่ในคุก
สุดท้ายกลายเป็นว่า วันนี้คนเหล่านั้นกลายเป็นเพียงเครื่องมือของทักษิณในการทวงคืนอำนาจเท่านั้นเอง
แม้ผมจะเชื่อว่ามีปัญญาชนจำนวนมากที่ต่อสู้กับการรัฐประหารด้วยจิตที่บริสุทธิ์ไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน แม้บางคนจะได้งานทำในองค์กรสื่อของทักษิณและลูกๆ แต่ก็คงเป็นผลประโยชน์ที่ไม่มากมายนัก
แต่ต้องไม่ลืมว่า การออกมาการันตีการชุมนุมของเครือข่ายทักษิณที่นำโดยจตุพรและณัฐวุฒิให้เข้าใจว่าเป็นการต่อสู้เพื่อความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นมันนำพามาสู่การเสียชีวิตจำนวนมากของคนไทย
วันนี้ผมเห็นเพียงนักวิชาการปัญญาชนจำนวนหนึ่งที่ต่อต้านรัฐประหารและให้ท้ายระบอบทักษิณหันมาตำหนิทักษิณที่หันไปสวามิภักดิ์กับอำมาตย์ที่ตัวเองเคยขึงพืดด่าทอ และแกนนำเสื้อแดงที่ทอดทิ้งประชาชนหลายคนที่ยังคงติดคุกเพราะกระทำความผิดร้ายแรง เช่น เผาสถานที่ราชการและมีอาวุธสงคราม
วันนี้ชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่ทักษิณต้องการที่แท้จริงคืออะไร ยิ่งลักษณ์พูดชัดเจนว่า พล.อ.เปรมไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แล้ววาทกรรมไพร่อำมาตย์ของพวกเขาเล่าหมายถึงใคร
คำถามก็คือว่า ปัญญาชนและนักวิชาการเหล่านั้นไม่เคยมองเห็นความผิดของตัวเองที่ออกมาให้ท้ายม็อบสู้เพื่อทักษิณจนมีคนตายจำนวนมากเลยหรือ
สำหรับคนยากจนแล้วมันอาจเป็นเงินที่มีความหมาย สำหรับคนที่สูญเสียชีวิตไปแล้วการได้รับค่าเยียวยาอาจจะดีกว่าการจากไปที่สูญเปล่า แต่สิ่งเหล่านี้เป็นความถูกต้องหรือเพราะเมื่อความจริงแล้วพวกเขาเพียงแต่ถูกหลอกให้มาต่อสู้เพื่ออำนาจของใครบางคนเท่านั้นเอง
แน่นอนว่าความคับแค้นจากความยากจนความไม่มีโอกาสในสังคมนั้นเป็นสิ่งที่ฝังลึกอยู่ภายใต้ความรู้สึกที่เจ็บปวดของมนุษยชาติทุกเผ่าพันธุ์ แม้ว่าจริงๆ แล้วสังคมประชาธิปไตยนั้นไม่ได้ปิดกั้นพวกเขา เพียงแต่พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะเอื้อมไปถึงฝั่งฝัน แม้กระทั่งในยุคที่ทักษิณมีอำนาจ 6 ปี มีอะไรบ้างที่บอกว่าเขาเป็นนักประชาธิปไตย มีอะไรบ้างที่บอกว่าเขาพยายามขจัดความเหลื่อมล้ำให้หมดไปจากสังคมไทย
วันนี้เมื่อทักษิณได้อำนาจผ่านน้องสาวของเขา ก็มองไม่เห็นเลยว่า เขาจะขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคมออกไปอย่างไร รัฐบาลที่แล้วพยายามผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินเข้าสู่สภา ซึ่งเป็นมาตรการที่จะลดความเหลื่อมล้ำในสังคมทางหนึ่ง แต่มาถึงรัฐบาลนี้กลับปฏิเสธที่จะดำเนินการผลักดันกฎหมายนี้ต่อไป
แล้วอะไรคือการสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อสู้กับความเหลื่อมล้ำเล่า
หรือคิดแค่ว่าทักษิณจะเอาเงินกองทุนหมู่บ้านมาให้ หรือเชื่อลมปากทักษิณผ่านวิดีโอลิงก์มาในวันแดงเดือดว่า หากเขากลับมามีอำนาจจะทำให้ทุกคนรวยขึ้น ตอนนี้ที่เห็นทุกคนเท่าเทียมกันก็คือไม่ว่ารวยหรือจนก็ได้กินของแพงเหมือนกันหมดเท่านั้นเอง
6 ปีที่กุมอำนาจนั้นทักษิณพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคำนึงถึงผลประโยชน์ของกลุ่มทุนของเขาเป็นหลัก และเพียงไม่กี่ปีทักษิณก็มีเงินเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ผลประกอบการของบริษัทในวงวานว่านเครือของทักษิณเติบโตขึ้น แต่ประชาชนนั้นยากจนลงมีการทำตัวเลขออกมาอย่างชัดเจนทั้งผลประกอบการของบริษัทในเครือทักษิณและตัวเลขภาระหนี้สินที่เพิ่มสูงขึ้นของประชาชนจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ หากใครย้อนไปดูตัวเลขเก่าก็คงได้เห็นและหลายคนคงจะยังจำได้
วันนี้ญาติๆ ของคนเสื้อแดงที่สูญเสียชีวิตเริ่มรู้แล้วว่า พวกเขาถูกหลอกให้ใช้ชีวิตเพื่อแลกกับอำนาจของทักษิณ คนเสื้อแดงที่สูญเสียญาติมิตรและไม่เห็นด้วยกับการปรองดองถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว เพราะทักษิณบอกว่าต้องให้อภัยเสียสละเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้
แต่ไม่มีใครถามทักษิณเลยว่า ถ้าคิดอย่างนั้นถ้าทักษิณรู้จักที่จะให้อภัยและเสียสละจากวันนั้นถึงวันนี้ประเทศก็คงไม่เดินมาสู่หล่มของความขัดแย้งที่รุนแรงแบบนี้และคงจะไม่มีคนเสื้อแดงตายสักคน
อาจจะมีอยู่บ้างที่ออกมาต่อต้านรัฐประหาร แต่คงไม่มีพลังพอ และเมื่อคนทำรัฐประหารไม่ได้ผูกขาดอำนาจ ทุกครั้งเรื่องแบบนี้มันก็จะผ่านเลยไปในสังคมไทย ผมไม่คิดหรอกครับว่าจะมีกฎหมายไหนที่เขียนขึ้นมาเพื่อต่อต้านรัฐประหารได้ นอกจากรัฐบาลที่ได้อำนาจมาจากการเลือกตั้งใช้อำนาจอยู่ในทำนองคลองธรรม เมื่อนั้นต่างหากที่จะเป็นยาต้านรัฐประหารขนานใหญ่ และจะไม่มีความชอบธรรมอะไรที่จะอ้างเหตุมาล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนได้อีก
ปัญหาความชอบธรรมของพวกลิ่วล้อทักษิณที่สามารถปลุกม็อบไพร่อำมาตย์ให้คนจนลุกฮือขึ้นมาก็คือ การออกมาให้ท้ายของปัญญาชนนักวิชาการจำนวนหนึ่งผ่านเครือข่ายของทักษิณที่เป็นคนเดือนตุลา และพยายามทำให้เห็นว่าการต่อสู้ของทักษิณและลิ่วล้อนั้นเป็นการต่อสู้ของฝ่ายประชาธิปไตย ตัดตอนให้เห็นเพียงว่าทักษิณมาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นเขาจึงมีความชอบธรรม แต่ไม่พูดว่าทักษิณเมื่อได้อำนาจแล้วได้ใช้อำนาจอย่างชอบธรรมหรือไม่
และทำให้เห็นว่าการต่อสู้ของฝ่ายตรงข้ามทักษิณนั้น เป็นการต่อสู้เพื่อเผด็จการและต่อสู้เพื่ออำมาตย์และอำนาจเก่า กลุ่มคนที่ออกมาต่อสู้กับการทุจริตคดโกงจากอำนาจของระบอบทักษิณถูกกล่าวหาว่าเป็นขวาจัดล้าหลัง
ทั้งที่จริงแล้ววังวนการต่อสู้กันของคนในสังคมไทยในช่วงหลายปีมานี้เป็นเพียงเรื่องผิดกับถูก ไม่ใช่เรื่องของก้าวหน้าหรือล้าหลัง ไม่ใช่เรื่องของซ้ายกับขวาที่บางคนพยายามเอานิยามที่ฝังติดอยู่ในหัวเอาอคติและความเจ็บปวดการต่อสู้ของสังคมไทยในทศวรรษก่อนมาครอบสังคมไทยในขณะนี้
ไม่เช่นนั้นจาตุรนต์ ฉายแสง คงจะมารวมกับสมัคร สุนทรเวชไม่ได้ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุลจะมาชื่นชมสมัคร สุนทรเวชได้อย่างไร แต่เป็นการตกผลึกของกลุ่มผลประโยชน์ใหม่ที่ฝ่ายหนึ่งมีมวลชนเพื่อสถาปนาอำนาจใหม่ได้กับปัญญาชนที่ยังดักดานเรื่องอำมาตยาธิปไตย และหวังจะยืมมือของกันและกันเพื่อทำสงครามโค่นล้มระบอบที่พวกเขาชิงชัง
จนกระทั่งนักวิชาการที่เคยคลั่งไคล้มาร์กซ์เลนิน เหมา เจ๋อตงต่างพาออกมาให้ท้ายม็อบของทักษิณว่าเป็นสงครามประชาชนที่ลุกขึ้นมาปฏิวัติสังคมและขจัดความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น จนกระทั่งมีประชาชนกลายเป็นเหยื่อออกมาพลีชีพจำนวนมาก
ผมคิดว่านักวิชาการและปัญญาชนไม่ใช่จะไม่รู้หรอกว่าทักษิณจริงๆ แล้วไม่ใช่นักประชาธิปไตย แม้กระทั่งเกษียรที่ได้รับฉายาว่า “จตุพรในวงการวิชาการ” เพราะกลายเป็นหางเครื่องของทักษิณ ก็ชอบคุยนักคุยหนาว่าเป็นพวกที่วิจารณ์ทักษิณมาก่อน กระทั่งเป็นผู้ขนานนามระบอบการปกครองในยุคนั้นว่าระบอบทักษิณ
แต่คนเหล่านี้หวังเพียงจะยืมมือของทักษิณมาเป็นเครื่องมือในการโค่นล้มอำนาจเก่าที่พวกเขาชิงชัง และคิดว่าจะง่ายกว่าถ้าจะโค่นทักษิณในภายหลัง คนที่เคยพูดทำนองนี้ออกมาอย่างชัดเจนและไม่อำพรางก็คือสุรชัย แซ่ด่านที่วันนี้ยังคงอยู่ในคุก
สุดท้ายกลายเป็นว่า วันนี้คนเหล่านั้นกลายเป็นเพียงเครื่องมือของทักษิณในการทวงคืนอำนาจเท่านั้นเอง
แม้ผมจะเชื่อว่ามีปัญญาชนจำนวนมากที่ต่อสู้กับการรัฐประหารด้วยจิตที่บริสุทธิ์ไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน แม้บางคนจะได้งานทำในองค์กรสื่อของทักษิณและลูกๆ แต่ก็คงเป็นผลประโยชน์ที่ไม่มากมายนัก
แต่ต้องไม่ลืมว่า การออกมาการันตีการชุมนุมของเครือข่ายทักษิณที่นำโดยจตุพรและณัฐวุฒิให้เข้าใจว่าเป็นการต่อสู้เพื่อความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นมันนำพามาสู่การเสียชีวิตจำนวนมากของคนไทย
วันนี้ผมเห็นเพียงนักวิชาการปัญญาชนจำนวนหนึ่งที่ต่อต้านรัฐประหารและให้ท้ายระบอบทักษิณหันมาตำหนิทักษิณที่หันไปสวามิภักดิ์กับอำมาตย์ที่ตัวเองเคยขึงพืดด่าทอ และแกนนำเสื้อแดงที่ทอดทิ้งประชาชนหลายคนที่ยังคงติดคุกเพราะกระทำความผิดร้ายแรง เช่น เผาสถานที่ราชการและมีอาวุธสงคราม
วันนี้ชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่ทักษิณต้องการที่แท้จริงคืออะไร ยิ่งลักษณ์พูดชัดเจนว่า พล.อ.เปรมไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แล้ววาทกรรมไพร่อำมาตย์ของพวกเขาเล่าหมายถึงใคร
คำถามก็คือว่า ปัญญาชนและนักวิชาการเหล่านั้นไม่เคยมองเห็นความผิดของตัวเองที่ออกมาให้ท้ายม็อบสู้เพื่อทักษิณจนมีคนตายจำนวนมากเลยหรือ