xs
xsm
sm
md
lg

คนตายช่างมันขอทักษิณรอด

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

ผมนึกย้อนกลับไปถึงวันที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศจะชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 20 กันยายน 2549 แต่ถูกคณะรัฐประหารโดย สนธิ บุญยรัตกลิน ชิงยึดอำนาจเสียก่อน

ผมจำได้ว่าวันนั้นประชาชนส่วนหนึ่งดีใจมากที่คณะรัฐประหารโค่นอำนาจทักษิณลงได้ โดยที่ประชาชนไม่ต้องเสียแรงขับไล่อีกต่อไป หลายคนพากันไปมอบดอกไม้ให้กำลังใจทหารตามจุดต่างๆ ฝ่ายตรงข้ามนำเอาปรากฏการณ์นี้มากระแหนะกระแหนว่า คนที่เอาดอกไม้มาให้กำลังใจทหารที่รัฐประหารฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญนั้นเป็นพวกที่ไม่มีจิตวิญญาณประชาธิปไตย

แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดเพียงว่า เป็นการแสดงออกที่เกิดจากอารมณ์เฉพาะหน้าในขณะนั้นที่ต้องการขับไล่ทักษิณให้ออกไปจากอำนาจเสียมากกว่าการสะท้อนจิตใต้สำนึกฝักใฝ่เผด็จการ

ไม่มีใครอยากอยู่ใต้ระบอบเผด็จการหรอกครับ แต่ถ้าเราคิดว่า ทหารก็เป็นส่วนหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นทหารจึงควรจะรู้ร้อนรู้หนาวกับความเป็นไปของชาติบ้านเมืองด้วย คำถามว่าวันนั้นทหารโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยหรือว่าแท้จริงแล้วโค่นล้มระบอบทักษิณที่กำลังกลายพันธุ์เป็นระบอบเผด็จการจากการเลือกตั้ง หรือว่าจริงๆ แล้วชิงตัดตอนไม่ให้ทักษิณถูกโค่นล้มจากอำนาจประชาชนกันแน่

แต่นั่นก็ช่างเถอะ ผมพูดเสมอมาคล้ายๆ กับที่คุณรสนา โตสิตระกูลพูดเสมอมาเช่นเดียวกันว่า ถ้าวันนั้นคณะรัฐประหารไม่ออกมาโค่นล้มทักษิณ และทำให้ระบอบทักษิณอ้างความชิงชังต่อรัฐประหารขึ้นมาก่อหวอดในบ้านเมืองและกลับมาฟื้นชีพได้ ถ้าคณะรัฐประหารไม่ออกมาในวันนั้น ระบอบทักษิณก็ไม่มีทางอยู่ได้และคงถูกประชาชนโค่นล้มลงไปแล้ว และข้ออ้างในการปลุกบั่นคนเสื้อแดงขึ้นมาต่อต้านรัฐประหารก็คงจะไม่มี

ในทางกลับกันรัฐประหารในวันนั้น ได้เป็นต้นตอที่ก่อให้เกิดขบวนการต่อต้านรัฐประหาร ทำให้นักวิชาการจำนวนหนึ่งที่เกลียดชังการรัฐประหารหันมารับใช้ระบอบทักษิณกลายเป็นกองเชียร์ให้ท้ายแกนนำเสื้อแดงในการปลุกปั่นประชาชนออกมาต่อสู้กับอำนาจรัฐด้วยวาทกรรมไพร่-อำมาตย์ และเป็นหางเครื่องของระบอบทักษิณที่บางคนเคยชี้ว่าเป็นระบอบที่ชั่วช้า

แน่นอนว่าปัญญาชนนักวิชาการบางคนนั้น เพียงแต่ต้องการใช้มวลชนทักษิณไปสู่การโค่นล้มระบอบที่พวกเขาชิงชังและหวังใช้มวลชนของทักษิณไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง

เหตุการณ์วันที่ 10 เมษายน 2553 มีคนเสียชีวิตจำนวนหนึ่งที่แยกคอกวัว ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า ปฏิบัติการใช้อาวุธหนักนั้นเริ่มต้นจากกองกำลังที่เราเรียกว่า ชายชุดดำ จนมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็เหมือนจะยอมแพ้แล้ว เสนอทางออกปรองดอง ยอมยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ แต่ขอเวลาอีกเดือนเศษๆ แต่แกนนำเสื้อแดงไม่ยอม จนกระทั่งนำมาสู่เหตุการณ์นองเลือดจนมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นจำนวนมาก

การปลุกปั่นต้านรัฐประหารจุดประเด็นไพร่-อำมาตย์ของแกนนำเสื้อแดงที่ทักษิณคอยบงการมีประชาชนออกมาพลีชีพกลางถนน การต่อสู้ระหว่างประชาชนกับอำนาจรัฐครั้งนั้นมีคนตายสองฝ่ายรวมกันถึง 91 คน และบาดเจ็บหลายร้อยคน และมีคนร่ำรวยขึ้นจากการค้าประชาธิปไตยและขายวาทกรรมอำมาตย์ไพร่

ตัดกลับมาที่ฉากวันนี้

สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้ารัฐประหาร ยืนอยู่ฟากทักษิณ ชินวัตร ความจริงก็มีคนบอกมานานแล้วล่ะว่า ทักษิณกับสนธิบัง เขาคุยกันแล้ว บินไปหาไปเจอกันมานานแล้วที่ดูไบ

แกนนำเสื้อแดงได้อำนาจรัฐ คนเล็กคนน้อยตั้งแต่แกนนำลงไปจนถึงการ์ดได้รับตำแหน่งทางการเมือง เป็นที่ปรึกษา เลขารัฐมนตรี เป็นข้าราชการการเมือง เป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี ผู้กู่ร้องปลุกปั่นประชาชนให้ลุกขึ้นสู้ในฐานะไพร่ของแผ่นดินได้กลายเป็นอำมาตย์ วันนี้คนเหล่านั้นได้ออกมาเรียกร้องให้ทุกคนเสียสละหันหน้าเข้าหากัน ให้อภัยเพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติ ทั้งที่ย้อนไปไม่นานพวกเขาเหล่านี้ลุกขึ้นมาก่อการจลาจลกลางบ้านกลางเมือง และยุยงให้มวลชนเผาบ้านเผาเมือง และพาคนมาตายจำนวนมาก จนตกเป็นผู้ก่อการร้าย

ไม่มีอะไรสะท้อนให้เห็นหลังจากคนเหล่านี้ได้รับอำนาจรัฐแล้ว พวกเขาจะต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย เพื่อความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น นอกจากจะใช้อำนาจอย่างบ้าคลั่ง และใช้เสียงข้างมากโดยไม่คำนึงต่อเสียงส่วนน้อยเลย เช่นการอ้างว่าเพราะเป็นเสียงข้างมากจึงมีสิทธิฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญโดยไม่ต้องฟังเสียงประชามติจากประชาชนอีก หรือเตรียมการให้คนจำนวนหนึ่งที่ออกมาแบบรัฐธรรมนูญพิมพ์เขียวไว้แล้ว และสร้างพิธีกรรมจำแลงขึ้นมาให้มีเนื้อหาคล้ายพิธีกรรมประชาธิปไตย และใช้เงินปลอบขวัญคนตาย

มีตรงไหนล่ะครับที่บอกว่า พวกนี้ศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย

มีตรงไหนล่ะครับที่บอกว่า พวกนี้ต่อสู้เพื่อความเหลื่อมล้ำเท่าเทียมกันในสังคม

มีแต่การต่อสู้เพื่อให้ทักษิณกลับประเทศโดยไม่ต้องมีความผิด และต่อสู้ให้กระบวนการพิสูจน์ผิดถูกที่พวกตัวเองได้ก่อวีรกรรมไว้ให้ประชาชนลุกขึ้นมาจับอาวุธต่อสู้กับอำนาจรัฐและเผาบ้านเผาเมืองมลายหายไป และให้ตัวเองได้รับลาภยศสรรเสริญขึ้นเป็นอำมาตย์เท่านั้นเอง

หลายปีมานี้ คนที่ออกมาต่อต้านระบอบทักษิณนั้นถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกฝักใฝ่ระบอบอำมาตยาธิปไตย เป็นเครื่องมือของขั้วอำนาจเก่า เป็นพวกล้าหลังคลั่งเจ้า ถามว่าวันนี้รัฐบาลภายใต้ระบอบทักษิณสะท้อนความเป็นประชาธิปไตยตรงไหน นอกจากมาจากการเลือกตั้ง และตรงไหนที่เรียกว่า ก้าวหน้า

วันนี้ปัญญาชนที่ให้ท้ายเสื้อแดงพากันนิ่งเฉย พวกที่วางมาดนักวิชาการออกมาสั่งสอนชาวบ้านชาวเมืองเพื่อสร้างความชอบธรรมของฝ่ายทักษิณเป็นว่าประชาธิปไตยนั้นพากันเงียบฉี่ แล้วพากันเห็นดีเห็นงามกับการปรองดองที่แฝงเร้นเพื่อช่วยทักษิณแต่ทอดทิ้งคนที่ถูกหลอกให้มาตาย พอมีอีกฝ่ายทักว่าจะปรองดองแล้วคนตายล่ะ แม่น้องเกดที่ออกมาถามหาคนฆ่าลูกล่ะ กองเชียร์ทักษิณก็ด่าว่าจะมาทวงทำไม มาทำเสแสร้งบีบน้ำตา อย่ามาชูศพเสื้อแดงมาโจมตีทักษิณและแกนนำ นปช.เฉยเลย

ผมก็เลยไม่รู้ว่าจิตสำนึกของปัญญาชนและนักวิชาการที่ให้ท้ายระบอบทักษิณนั้นอยู่ตรงไหน หรือจริงๆ แล้วเพียงแต่เล่นกันคนละบทและใช้คราบปัญญาชนนักวิชาการมาบังหน้าเพื่อรับใช้ทักษิณเท่านั้นเอง

ตอบคำถามผมหน่อยซิครับว่า สิ่งที่แกนนำเสื้อแดงทำอยู่นั้นสิ่งไหนบ้างที่สะท้อนถึงระบอบประชาธิปไตยของมวลมหาประชาชนที่พวกเขาเพ้อหา ตรงไหนบ้างที่สะท้อนให้เห็นถึงความจริงจังของการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม แล้วชนชั้นไพร่กับอำมาตย์นั้นตกลงมันมีหรือไม่มี

ผมเห็นแต่การทวงอำนาจให้ทักษิณ เป้าหมายเพื่อล้มล้างความผิดให้ทักษิณ หาทางออกด้วยการซื้อชีวิตประชาชนที่ถูกหลอกมาตายด้วยเงิน 7.75 ล้านบาท แล้วหันไปชื่นชมคนที่ตัวเองเคยด่าทอเพื่อปลุกปั่นให้คนลุกฮือ และเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยวิธีที่ยิ่งกว่าเผด็จการ เหมือนกับท้าทายประชาชนว่า ขอให้มาจากการเลือกตั้งก็พอแล้ว หลังจากนั้นจะใช้วิธีการอย่างไรก็ได้

หรือแค่ได้อำนาจรัฐคืน ได้เงินคืน ให้ตัวเองพ้นผิดก็พอแล้ว ส่วนคนที่ตายไปแล้วก็ let it be ช่างแม่งมัน
กำลังโหลดความคิดเห็น