“อภิสิทธิ์” หนุนทำประชามติก่อนแก้ รธน.แต่ต้องวางกรอบตั้งคำถามที่เป็นประเด็นสำคัญ ระบุ ถ้ายังไม่ชัดเจนเรื่อง หมวดสถาบัน ความเป็นอิสระขององค์กรตุลาการ และเรื่องนิรโทษกรรม ก็จะยังเป็นปัญหา ขณะเดียวกัน บ่นเหนื่อยฟังรัฐบาลเปลี่ยนข้อแก้ตัวเรื่องของแพง จี้ออกมาตรการโครงสร้างให้ชัด สงสัยรัฐบาลยกเลิกเก็บภาษีที่ดินทั้งที่เป็นกลไกแก้ความเลื่อมล้ำ กลัวกระทบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ที่ปรึกษากฎหมายของผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่า ควรจะมีการทำประชามติก่อนที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะหากไม่มีการทำประชามติก่อนอาจจะขัดรัฐธรรมนูญว่า ข้อกฎหมายนี้คงเป็นความเห็น แต่เรื่องที่ว่าสมควรมีการทำประชามติหรือไม่ ตนทราบว่ามีสมาชิกแปรญัตติให้มีการทำประชามติก่อน ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่ คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ...จะต้องพิจารณา ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นคิดว่าควรจะมีการทำประชามติอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่จะทำก่อนทำหลัง การตั้งคำถามก็จะเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งยังอยากฟังเหตุผลของทั้งสองฝ่ายในเรื่องนี้มากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า เสียงสะท้อนจากกรรมาธิการ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า เป็นบรรยากาศที่รับฟังกันหรือกำลังจะใข้เสียงข้างมาก นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ก็ไม่ได้ไปเร็ว แต่ก็ต้องติดตามต่อไป เพราะเพิ่งเข้าส่วนเนื้อหาของมาตราหลักๆ เท่านั้น แต่ตนทราบจากประธานกรรมาธิการฯว่าต้องการที่จะขยายสมัยประชุม และยังคงเป้าหมายเอาไว้ว่าให้เสร็จทั้ง 3 วาระ ภายในสิ้นเดือน เม.ย. ซึ่งคิดว่าคงจะต้องไปสอบถามทางกรรมาธิการฯว่าเป็นกรอบเวลาที่เป็นจริงหรือไม่ จากการพิจารณาที่ผ่านมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีปมปัญหา ที่ต้องมีการถกเถียงกันเยอะเหมือนกัน
ต่อข้อถามว่า ประเด็นไหนที่คิดว่าจะเป็นปัญหามากที่สุด หากเข้าไปสู่การพิจารณาของสภาฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ายังไม่ระบุกรอบว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ต้องมีหลักการพื้นฐานบางอย่าง เช่นไม่ไปเปลี่ยนแปลงหมวดพระมหากษัตริย์ การไม่แตะความเป็นอิสระขององค์กรตุลาการ การไม่ใช่เรื่องของการจัดทำรัฐธรรมนูญไปเอื้อประโยชน์เรื่องนิรโทษกรรม ถ้าไม่ระบุกรอบเรื่องเหล่านี้ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ ถ้าระบุไว้ก็จบ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และ รมว.คลัง ระบุว่า สินค้าแพง เกิดจากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งที่ผ่านมาระบุว่าสินค้าแพงไม่เกี่ยวกับราคาน้ำมัน ว่า ตนบอกตรงๆ ว่า เหนื่อยแล้ว เพราะฟังคำอธิบายก็เปลี่ยนไปเรื่อย จริงๆ แล้วไม่ได้มีอะไรสลับซับซ้อน ตนคิดว่ายอมรับปัญหาแล้วก็วิเคราะห์ให้ชัดในแง่ของต้นทุนต่างๆ รวมถึงสภาพความไม่แน่นอนและการเก็งกำไรที่เกิดขึ้น และเร่งออกมาตรการเชิงโครงสร้างต้นทุนดีกว่า ตัวไหนที่ทำไม่ได้จริงๆ ก็บอกกับประชาชนจะง่ายที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลไม่มีมาตรการเพียงพอในเดือน เม.ย.ซึ่งมีการปรับขึ้นค่าแรงแล้ว จะยิ่งทำให้ค่าครองชีพของประชาชนสูงขึ้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คาดได้ว่าพอต้นทุนแรงงานสูงขึ้นและยังไม่มีมาตราการที่ชัดเจนในเชิงโครงสร้างก็ต้องมีการส่งต่อไปยังผู้บริโภค คือประชาชน ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลมีจุดยืนที่ชัดในเรื่องของค่าแรง ใครฝ่าฝืนก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนที่ นายกิตติรัตน์ ระบุว่า รัฐบาลอาจไม่ทำเรื่องภาษีที่ดิน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า แสดงว่าพอมีอำนาจไม่คิดแก้ไข เพราะที่ผ่านมาได้มีปัญหาการระดมมวลชนมาแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำทางสังคม รัฐบาลนี้พยายามอิงกับมวลนชนในการต่อสู้ปัญหาความเลื่อมล้ำกับเพิกเฉยไม่สนใจดำเนินการต่อจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ อย่างนี้หมายความว่าอะไร และหากรัฐบาลจะมีการปรับโครงสร้างทั้งระบบจุดนี้เป็นสิ่งแรกที่ควรจะทำ เพราะเป็นที่ยอมรับว่าจะเป็นกลไกในการแก้ความเลื่อมล้ำได้ และยังเพิ่มรายได้เข้าสู่ท้องถิ่น อีกทั้งยังเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับธนาคารที่ดี จะลดความเลื่อมล้ำในเชิงทรัพย์สินกระจายการถือครองที่ดินได้ดีขึ้น ใช้ที่ดินคุ้มค่าสมประโยชน์กับมูลค่าของที่ดิน ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า หากมีการผลักดันกฎหมายนี้ผู้ได้รับผลกระทบก็คือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
