นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่ปรึกษากฎหมายของผู้ตรวจการแผ่นดิน ระบุว่า ควรจะมีการทำประชามติก่อนที่จะมีการแก้ไขรธน.หากไม่มีการทำประชามติ อาจจะขัดกับรธน.ว่า ข้อกฎหมายนี้คงเป็นความเห็น แต่เรื่องที่ว่าสมควรมีการทำประชามติหรือไม่ ตนทราบว่ามีสมาชิกแปรญัตติให้มีการทำประชามติก่อน ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรธน.จะต้องพิจารณา
ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า ควรจะมีการทำประชามติอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่จะทำก่อน ทำหลังการตั้งคำถามก็จะเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งยังอยากฟังเหตุผลของทั้งสองฝ่ายในเรื่องนี้มากกว่า
เมื่อถามว่า เสียงสะท้อนจากกรรมาธิการฯ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มองว่าเป็นบรรยากาศกาศที่รับฟังกัน หรือกำลังจะใช้เสียงข้างมากลากไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ประชุมการรมาธิการฯ ก็ไม่ได้ไปเร็ว แต่ก็ต้องติดตามต่อไป เพราะเพิ่งเข้าสู่เนื้อหาของ มาตราหลักๆ เท่านั้น แต่ตนทราบจากประธานกรรมาธิการฯว่า ต้องการที่จะขยายสมัยประชุม และยังคงเป้าหมายเอาไว้ว่า ให้เสร็จทั้ง 3 วาระ ภายในสิ้นเดือนเม.ย. ซึ่งคิดว่าคงจะต้องไปสอบถามทางกรรมาธิการฯ ว่าเป็นกรอบเวลาที่เป็นจริงหรือไม่ จากการพิจารณาที่ผ่านมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มีปมปัญหาที่ต้องมีการถกเถียงกันเยอะเหมือนกัน
เมื่อถามว่า ประเด็นไหนที่คิดว่าจะเป็นปัญหามากที่สุด หากเข้าไปสู่การพิจารณาของสภาฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ายังไม่ระบุกรอบว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องมีหลักการพื้นฐานบางอย่าง เช่น ไม่ไปเปลี่ยนแปลงหมวดพระมหากษัตริย์ การไม่แตะความเป็นอิสระขององค์กรตุลาการ การไม่ใช้เรื่องของการจัดทำรัฐธรรมนูญไปเอื้อประโยชน์เรื่องนิรโทษกรรม ถ้าไม่ระบุกรอบเรื่องเหล่านี้ ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ ถ้าระบุไว้ก็จบ
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรธน.อยู่ระหว่างพิจารณา เชื่อว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ส่วนจำนวน ของส.ส.ร. เชื่อว่า จะยึดตามสัดส่วนของส.ส.ร.1 เมื่อครั้งการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 อย่างแน่นอน คือ 99 คน
นายชุมพล ยังกล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลว่า ตนมองว่า ยิ่งอยู่ยาว ยิ่งดี และที่เป็นอยู่ตอนนี้ ถือว่าไปได้ ส่วนจะอยู่ถึงสิ้นปี 55 หรือไม่ คงตอบไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่เกิดการปฏิวัติขึ้นอีกในช่วงนี้ หากไม่ไปแหย่ เรื่องสถาบันฯ และความรู้สึกของคนไทย 65 ล้านคนไม่เอาด้วย แต่ปัจจุบันนี้ประชาชนถูกแยกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายที่แข็งอยู่ข้างล่าง ส่วนข้างบนนั้น พลังน้อยแล้ว ดังนั้นประมาทไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ขอฝากไว้ว่า หากเกิดวิกฤตขึ้น สมาชิกพรรคอย่างไปยุ่ง
ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า ควรจะมีการทำประชามติอย่างน้อย 1 ครั้ง แต่จะทำก่อน ทำหลังการตั้งคำถามก็จะเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งยังอยากฟังเหตุผลของทั้งสองฝ่ายในเรื่องนี้มากกว่า
เมื่อถามว่า เสียงสะท้อนจากกรรมาธิการฯ ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ มองว่าเป็นบรรยากาศกาศที่รับฟังกัน หรือกำลังจะใช้เสียงข้างมากลากไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาที่ประชุมการรมาธิการฯ ก็ไม่ได้ไปเร็ว แต่ก็ต้องติดตามต่อไป เพราะเพิ่งเข้าสู่เนื้อหาของ มาตราหลักๆ เท่านั้น แต่ตนทราบจากประธานกรรมาธิการฯว่า ต้องการที่จะขยายสมัยประชุม และยังคงเป้าหมายเอาไว้ว่า ให้เสร็จทั้ง 3 วาระ ภายในสิ้นเดือนเม.ย. ซึ่งคิดว่าคงจะต้องไปสอบถามทางกรรมาธิการฯ ว่าเป็นกรอบเวลาที่เป็นจริงหรือไม่ จากการพิจารณาที่ผ่านมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่า มีปมปัญหาที่ต้องมีการถกเถียงกันเยอะเหมือนกัน
เมื่อถามว่า ประเด็นไหนที่คิดว่าจะเป็นปัญหามากที่สุด หากเข้าไปสู่การพิจารณาของสภาฯ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ายังไม่ระบุกรอบว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ต้องมีหลักการพื้นฐานบางอย่าง เช่น ไม่ไปเปลี่ยนแปลงหมวดพระมหากษัตริย์ การไม่แตะความเป็นอิสระขององค์กรตุลาการ การไม่ใช้เรื่องของการจัดทำรัฐธรรมนูญไปเอื้อประโยชน์เรื่องนิรโทษกรรม ถ้าไม่ระบุกรอบเรื่องเหล่านี้ ก็ยังเป็นปัญหาอยู่ ถ้าระบุไว้ก็จบ
ด้านนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ขณะนี้กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรธน.อยู่ระหว่างพิจารณา เชื่อว่าจะพิจารณาแล้วเสร็จก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯในวันที่ 18 เม.ย.นี้ ส่วนจำนวน ของส.ส.ร. เชื่อว่า จะยึดตามสัดส่วนของส.ส.ร.1 เมื่อครั้งการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 อย่างแน่นอน คือ 99 คน
นายชุมพล ยังกล่าวถึงเสถียรภาพของรัฐบาลว่า ตนมองว่า ยิ่งอยู่ยาว ยิ่งดี และที่เป็นอยู่ตอนนี้ ถือว่าไปได้ ส่วนจะอยู่ถึงสิ้นปี 55 หรือไม่ คงตอบไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่เกิดการปฏิวัติขึ้นอีกในช่วงนี้ หากไม่ไปแหย่ เรื่องสถาบันฯ และความรู้สึกของคนไทย 65 ล้านคนไม่เอาด้วย แต่ปัจจุบันนี้ประชาชนถูกแยกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายที่แข็งอยู่ข้างล่าง ส่วนข้างบนนั้น พลังน้อยแล้ว ดังนั้นประมาทไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ขอฝากไว้ว่า หากเกิดวิกฤตขึ้น สมาชิกพรรคอย่างไปยุ่ง
