xs
xsm
sm
md
lg

ปูสั่งลุย“เขื่อนแม่วงก์” ฟุ้งแก้น้ำท่วมผลงานโบแดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ปู"สั่งเดินหน้าสร้างเขื่อนแม่วงก์ มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจชาวบ้าน หลังถูกต้านหนัก เผยจีนส่งผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมาช่วยไทยแล้ว มั่นใจเอาอยู่ สั่งหั่นงบปลูกป่าเหลือ 900 ล้านบาท จาก 1,500 ล้าน อ้างติดปัญหากล้าพันธุ์ ส่วนถุงยังชีพยังฉาวไม่เลิก ล่าสุดเอกชนฟ้องปภ. เบี้ยวจ่ายเงิน รัฐบาลยังกล้า! ฟุ้งแก้น้ำท่วมผลงานโบแดง

วานนี้ (2 พ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กนอช.) ครั้งที่ 2/2555 โดยมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นายวีรพงษ์ รามางกูร นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา เข้าร่วมประชุม

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวก่อนเข้าร่วมประชุมว่า ทางการจีน จะจัดส่งทีมผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมาช่วยแก้ไข อีกทั้งจะมีความร่วมมือในรูปแบบการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการศึกษาแผนการป้องกันปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับกระทรวงพาณิชย์ ของจีน โดยไม่มีข้อผูกมัด เป็นการช่วยเหลือแบบรัฐต่อรัฐ

**"ปู"สั่งเร่งเดินหน้า"เขื่อนแม่วงก์"

ภายหลังการประชุม น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีที่รัฐบาลยืนยันที่จะเดินหน้าโครงการสร้างเขื่อนแม่วงก์ จ.นครสวรรค์ ว่า ได้สั่งการให้ทางพื้นที่ไปพูดคุยทำความเข้าใจกับประชาชนแล้ว และต้องเรียนว่าทุกอย่างมีความจำเป็นทั้งนั้น และมีทั้งข้อดี ข้อเสีย แต่ที่สำคัญ คือ การพูดคุยให้เกิดความเข้าใจและหาทางออกกัน

รายงานข่าวแจ้งว่า เขื่อนแม่วงก์ เป็นโครงการเร่งด่วน อยู่ในแผนลุ่มน้ำพัฒนาสะแกกรัง ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ. 2525-2529 ครอบคลุมพื้นที่ 3 ลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำแม่วงก์ ลุ่มน้ำคลองโพธิ์ และ ลุ่มน้ำห้วยทับเสลา ซึ่งทั้ง 3 ลุ่มน้ำจะไหลลงมารวมกันที่แม่น้ำสะแกกรัง จ.นครสวรรค์ สามารถรองรับน้ำได้ประมาณ 300 ล้านลูกบาศก์เมตร ก่อนจะไหลลงสู่เจ้าพระยา โดยหากก่อสร้างเสร็จ จะสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งบรรเทาอุทกภัย และเป็นแหล่งน้ำช่วยแก้ปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก วงเงินงบประมาณ 13,280,000,000 บาท ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2555-2562 รวม 8 ปี แต่หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้อนุมัติให้มีการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ได้ถูกชาวบ้านคัดค้าน

**ขอ“จีน”ส่งผู้เชี่ยวชาญน้ำมาช่วย

จากนั้น นายปลอดประสพ ได้แถลงเพิ่มเติมว่า นายกฯ ได้แจ้งให้ทราบถึงการเดินทางไปจีน และได้ขอให้รัฐบาลจีน ส่งผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำมาช่วยวิเคราะห์แผนงานป้องกันน้ำท่วมของไทย พร้อมทั้งช่วยดูผลการใช้เงิน 1.2 แสนล้านที่ทำมาในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้แน่ใจว่า หากมีน้ำมาในปีนี้ จะสามารถต่อสู้ได้ และเมื่อเสร็จแล้ว ทีมดังกล่าวจะอยู่ในไทยอีก 1 เดือน และทิ้งผู้เชี่ยวชาญไว้ให้เรา ซึ่งพอดีกับช่วงน้ำมา ดังนั้น ประเทศไทยจะมีผู้เชี่ยวชาญจากจีนประจำอยู่ เพื่อให้คำแนะนำ

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติงบประมาณจากวงเงิน 3.5 แสนล้านบาท ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ใช้ในการปลูกป่า เพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศน์ให้ป่าต้นน้ำสามารถดูดซับน้ำได้ วงเงิน 940 ล้านบาท และยังได้อนุมัติงบประมาณ 1,700 ล้านบาทเศษ ของกระทรวงคมนาคม แต่ผู้ใช้ คือ กรมชลประทานและกรมโยธาธิการ นำไปสร้างเขื่อนริมคลองรังสิต แบ่งออก 2 ช่วง คือ ช่วงแรก 6 กม.กับ 17 กม. และสัปดาห์หน้า คาดว่าที่ประชุมจะสามารถอนุมัติโครงการของกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับการสร้างเขื่อนกั้นน้ำ 7นิคมอุตสาหกรรม ซึ่งยังติดขัดเรื่องรายละเอียดวงเงิน 3,000 ล้านบาท

ส่วนวงเงินที่เหลือประมาณ 3 แสนล้านบาท คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้เสนอ กนอช. และจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารหน้า โดยจะเลือกทำโครงการหลักที่เขียนอยู่ในแผนของคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) ทั้งนี้ กบอ.จะเขียนทีโออาร์ให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์นี้ จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ จะเชิญรัฐบาลต่างประเทศให้คัดเลือกบริษัทที่คิดว่ามีความเชี่ยวชาญทางด้านน้ำ พร้อมทั้งจะเปิดโอกาสให้บริษัทภายในประเทศไปทำการออกแบบเบื้องต้นที่สามารถแสดงราคา สถานที่ วิธีคิด วิธีทำ และกรอบเวลาได้ โดยให้เวลา 3 เดือน ขณะนี้ทราบว่ามีประมาณ 10 ประเทศ ที่สนใจ เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ฮังการี อิสราเอล เป็นต้น ซึ่งทั้งหมด ต้องทำให้ทันภายในเดือนก.ค.นี้

***ลดงบปลูกป่าเหลือ900ล้านบาท

นายกิจจา ผลภาษี ที่ปรึกษากนอช. กล่าวว่า เบื้องต้นนายกรัฐมนตรีสั่งการให้ถอนเรื่องปลูกป่าออกไปศึกษาใหม่ เพราะยังมีปัญหาเรื่องกล้าพันธุ์ เพราะการปลูกป่าจะใช้พืชชนิดเดียวกันไม่ได้ จะต้องมีไม้เนื้ออ่อนและไม้เนื้อแข็งคละกัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ให้ทำต่อไป นอกจากนี้ ยังการปรับลดงบประมาณในการปลูกป่าจำนวน 600 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.5พันล้านบาท ให้เหลือเพียง900ล้านบาท

**ปภ.ชักดาบไม่จ่ายค่าถุงยังชีพ 18 ล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงมหาดไทย มีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เรื่องการจ่ายเงินค่าถุงยังชีพของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่จัดซื้อในช่วงที่เกิดสถานการณ์มหาอุทกภัย เมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา ว่า ได้จัดทำถุงยังชีพ 36,000 ถุง ราคาถุงละ 500 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 18,000,000 บาท แต่ไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการชำระค่าถุงยังชีพให้แก่บริษัท นับตั้งแต่การส่งมอบของเสร็จเมื่อวันที่ 11 พ.ย.2554 และกรมป้องกันฯ ได้ปฏิเสธว่า ไม่ได้สั่งซื้อถุงยังชีพดังกล่าว

ล่าสุด บริษัทดังกล่าว ได้ฟ้องร้องกับศาลปกครอง และศาลได้รับฟ้องแล้ว ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ลงวันที่ 30 เม.ย. โดยระบุว่าด้วยศาลปกครองกลางมีคำสั่งเรียกให้ทำคำให้การถึงกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกฟ้องคดี ระหว่างบริษัท ผู้ร้อง เรื่องขอให้ชำระค่าเสียหาย โดยให้ทำคำให้การยื่นต่อศาลใน 30 วัน ซึ่งเรื่องนี้กรมป้องกันฯ เป็นเหตุแห่งการฟ้องคดี จึงขอให้อธิบดีดำเนินการแทนกระทรวงมหาดไทย ผู้ถูกฟ้องคดี

***ฟุ้งแก้น้ำท่วมผลงานโบว์แดงรัฐบาล

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดทำรายงานแสดงผลการดำเนินงานของคณะรัฐมนตรีหรือผลงานรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ว่า รัฐบาลจะอายุครบ 1 ปีในช่วงเดือนส.ค. การนำเสนอผลงานจะเป็นรูปแบบมาตรฐาน โดยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลทำผลงานมาก ทั้งผลงานที่มาจากนโยบายของรัฐบาลและผลงานที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ปัจจุบัน เช่น เหตุการณ์น้ำท่วม ที่รัฐบาลทำงานมามากมายและถือว่าป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศจะมีระบบบริหารการจัดการน้ำที่ดีในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งอย่างถาวรจากการออกพ.ร.ก.กู้เงิน
กำลังโหลดความคิดเห็น