xs
xsm
sm
md
lg

กกต.ย้ายใหญ่ต่างชิงตั้งเด็กตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ ( 2 พ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมกกต.เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารระดับสูง หลังจาก นายภุชงค์ นุตราวงศ์ ได้ลาออกจากรองเลขาธิการ กกต. ด้านกิจการการมีส่วนร่วม เพื่อมารับตำแหน่งเลขาธิการ โดยกกต.ไม่ได้พิจารณาสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการกกต. ด้านการมีส่วนร่วม ที่ว่างลงเท่านั้น แต่ยังได้มีการปรับเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงอีกราว 10 ตำแหน่ง
โดยตำแหน่งรองเลขาธิการ กกต. ด้านการมีส่วนร่วมฯ มีรายงานว่า นายวิสุทธิ์ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ได้เสนอให้ นายสุเทพ พรหมวาศ ผอ.สำนักรณรงค์ และเผยแพร่ ไปดำรงตำแหน่ง และมีการโยกย้ายนายสมชาติ เจศรีชัย รองเลขาธิการกกต. ด้านบริหารกลาง นายภูมิพิทักษ์ กองแก้ว รองเลขาธิการกกต. ด้านกิจการสืบสวนสอบสวน ไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ แล้วให้ นายสมผุส กาญจโนมัย ผอ.สำนักการประชุม เป็นรองเลขาธิการกกต.ด้านบริหารกลาง โดยยังคงทำหน้าที่รักษาการ ผอ.สำนักประชุม และพ.ต.อ.วรกร ทิมาตฤกะ ผู้ตรวจการ มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการฯ ด้านกิจสืบสวนสอบสวนแทน ซึ่งในตำแหน่งนี้เป็นการเสนอโดย นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน โดยเห็นว่า มีความอาวุโส พอ ๆ กันกับนายภูมิพิทักษ์
ทั้งนี้ การโยกย้ายรองเลขาธิการกกต. ด้านสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัยครั้งนี้ นายสมชัย กล่าวเพียงสั้นๆ ถึงเหตุผลการปรับย้ายว่า “ปีเดียวก็พอแล้ว”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า เดิม กกต.หลายคนไม่ต้องการให้นายภูมิพิทักษ์ มาดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการกกต. ด้านสืบสวนสอบสวนมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เนื่องจากนายภูมิพิทักษ์ เคยถูกฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งข้อสังเกตว่า มีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลจนเคยถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน แต่นายสมชัย ต้องการให้พิสูจน์ตัวเอง ในการทำหน้าที่ จึงพยายามผลักดันจนได้รับแต่งตั้ง แต่ในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อ 3 ก.ค 54 การทำงานมีปัญหา ทำให้ในการปรับย้ายครั้งนี้ มีการเสนอขอเปลี่ยนให้ พ.ต.อ.วรกร มาทำหน้าที่แทน โดยคิดว่าน่าจะเหมาะสมกว่า และเพื่อเป็นการรองรับกับการเลือกตั้ง ส.ส.ร.ที่จะมีขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยังมีรายงานว่า ในการประชุมกกต.ในพฤหัสบดีที่ 3 พ.ค.นี้ จะมีการพิจารณาโยกย้ายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งในจำนวนนี้ มีตำแหน่งที่น่าจับตามอง คือ รองเลขาธิการ กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้ง ที่ขณะนี้ นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ ดำรงตำแหน่งอยู่ โดยนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารงานเลือกตั้ง จะเป็นผู้เสนอปรับเปลี่ยนให้ไปเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เนื่องจากเห็นว่านายบุณยเกียรติ ควรรับผิดชอบกับความผิดพลาดในการตรวจสอบคุณสมบัติ ของผู้ที่เข้ารับการเสนอชื่อเป็น ส.ว.สรรหา และ ผู้ที่คาดว่าจะมาดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ กกต. ด้านบริหารงานเลือกตั้งแทน ก็คือ นายสมศักดิ์ สุริยมงคล ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งอดีตเคยดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการด้านกิจการพรรคการเมือง และการออกเสียงประชามติ
นอกจากนี้ ยังจะมีการปรับย้าย ระดับผอ.สำนัก โดยที่น่าสนใจ คือ การจะมีการโยกนายกฤช เอื้อวงศ์ ผอ.สำนักพัฒนาบุคคลากร ที่ทำหน้าที่รักษาการ ผอ.สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ให้เป็น ผอ.สถาบันพัฒนาการเมือง และการเลือกตั้งที่มีระดับเทียบเท่ารองเลขาธิการ โดยควบตำแหน่งรักษาการ ผอ.สำนักพัฒนาบุคคลากร ตามที่ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง พยายามผลักดันมาก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับโยกย้ายครั้งนี้ ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่พนักงานกกต. และทำให้พนักงานเสียขวัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกรณีการจะโยกย้าย นายบุณยเกียรติ ซึ่งพนักงาน กกต.เห็นว่า ความผิดพลาดในการตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ว.สรรหา ที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะถือเป็นความผิดของ นายบุณยเกียรติ เพราะในขณะนั้น กกต.มีการแต่งตั้งอนุกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น ส.ว.สรรหา จากภาคส่วนต่างๆ ทำหน้าที่รับผิดชอบอยู่แล้ว และได้มีการเสนอข้อมูลผลการตรวจสอบทั้งหมดให้กับ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.ในขณะนั้น ซึ่งทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการสรรหา
อีกทั้งผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนี้ ที่กกต.ตั้งขึ้นก็ไม่ได้มีการระบุว่า นายบุณยเกียรติ มีความผิด และในแง่การทำงานนายบุณยเกียรติ ถือเป็นผู้ที่รู้งานเกี่ยวกับการเลือกตั้งเป็นอย่างดี เพราะเติบโตในสายงานนี้มาตั้งแต่สมัยยังอยู่กระทรวงมหาดไทย และเมื่อมีกกต. นายบุณยเกียรติ ก็ถือว่าเจ้าหน้าที่กกต.รุ่นบุกเบิกของสำนักงานฯ โดยเป็นผู้ร่วมยกร่างกฎหมายเลือกตั้งมากับกกต.ชุดแรก และรับผิดชอบงานเลือกตั้ง มาตั้งแต่เริ่มตั้งองค์กรด้วยดีมาตลอด จนปัจจุบันไม่เคยมีปัญหาแต่อย่างใด
ขณะที่การแต่งตั้ง นายสมผุส เป็นรองเลขาธิการด้านบริหารกลาง นายสุเทพ เป็นรองเลขาธิการด้านการมีส่วนร่วม และการแต่งตั้ง นายกฤช เป็นผอ.สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ก็ถูกมองว่า เป็นการขึ้นตำแหน่งโดยข้ามหัวคนที่มีอาวุโสกว่า และเป็นการแลกเปลี่ยนที่ลงตัวของกกต. ที่กำกับดูแลส่วนงานนั้น ๆ เพราะนายสุเทพ ที่แม้จะดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักรณรงค์และเผยแพร่ แต่ด้วยความที่เคยลาออกจากการเป็นพนักงานกกต.ไปแสวงหาความก้าวหน้าที่สำนักงานป.ป.ช. เมื่อครั้งที่นายวิสุทธิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการป.ป.ช. และเมื่อนายวิสุทธิ์ รวมถึงกรรมการป.ป.ช. คนอื่น ๆ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่า มีความผิดฐานฐานขึ้นเงินเดือนตนเอง นายสุเทพ ก็ได้ลาออกจาก ป.ป.ช.และกลับมาเป็นพนักงาน กกต. ใหม่ จึงเห็นว่าการนับอายุราชการ ก็ควรเริ่มใหม่ แต่ก็กลับได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองเลขาธิการ ด้านการมีส่วนร่วม เพราะใกล้ชิด นายวิสุทธิ์ และนายวิสุทธิ์ คิดว่า สามารถสนองตอบการทำงานได้ดี ส่วนผอ.สถาบันพัฒนาพรรคการเมือง และการเลือกตั้ง นายกฤช ก็ได้รับการผลักดันจากนางสดศรี มาอย่างต่อเนื่อง จนสำเร็จในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น