เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมาผมได้รู้จักกับ ดร.เตียง ผาดไทสง ซึ่งเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านได้ให้ผมอ่านงานวิจัยของท่านที่เกี่ยวข้องกับด้านประชากรศาสตร์ และได้ให้ข้อคิดเห็นไว้หลายประการจากงานที่ท่านได้ศึกษาวิจัยมาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านั้นดร.เตียงเคยช่วยงานหมอแมคเคนในเรื่องการคุมกำเนิด ต่อมาเกือบ 30 ปี ท่านได้พบจากงานวิจัยว่าผลที่เกิดขึ้นนั้นน่าตกใจมาก หลายครอบครัวไม่มีลูกหลานสืบทอดกิจการ จนบางแห่งต้องถูกปล่อยทิ้งร้าง และที่พบเพิ่มมากขึ้นคือการเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้าน โรงเรียนในภาคเหนือหลายแห่งต้องยุบรวมโรงเรียน บ้างก็ต้องปิดตัวเองลง เพราะไม่มีเด็กในวัยเรียนเหลืออยู่ในหมู่บ้าน
บางหมู่บ้านเช่นที่ อ.ป่าซาง ตลอดทั้งปีไม่มีสถิติการเกิดเลย ซึ่ง ดร.เตียง ผาดไทสง ท่านได้เขียนออกมาเป็นหนังสือไว้เล่มหนึ่งชื่อ “ฤาป่าซางจะล่มสลาย” กล่าวถึงผลจากการคุมกำเนิดเกินกว่าที่จะทดแทนตนเองได้ แรงงานด้านการเกษตรเริ่มขาดแคลน คนหนุ่มสาวที่พ่อแม่ส่งให้ไปเรียนหนังสือสูงๆ หายไปกับความศิวิไลซ์ของเมือง ไม่กลับมาบ้านเกิด บางรายย้ายถิ่นที่อยู่ไปเลย ในหมู่บ้านจึงเหลือเพียงแต่ผู้สูงอายุ และประชากรวัยกลางคนขึ้นไป
ดร.เตียงได้ชี้แจงให้ผมทราบว่าในแต่ละครอบครัว อย่างน้อยควรจะมีลูก 2 คนเพื่อทดแทนพ่อและแม่ แต่ผลของการคุมกำเนิด ทำให้ปัจจุบันอัตราการเกิดของประชากรต่ำลงกว่า 1.5 และมีแนวโน้มว่าจะต่ำลงเรื่อยๆ แม้จะเลิกรณรงค์ด้านการคุมกำเนิดของคุณมีชัยไปนานแล้ว แต่ก็ไม่มีใครอยากมีลูกมากเหมือนในอดีต ต่อไปปัญหาด้านแรงงานในชนบทจะรุนแรงมากขึ้น อาชีพด้านเกษตรกรรมที่เคยพึ่งพาแรงงานภายในครอบครัวกำลังประสบภาวะวิกฤต แรงงานต่างด้าวจะไหลทะลักเข้ามาแทนที่ และจะกลายเป็นประชากรชั้น 2 ของประเทศในอนาคต ภายใน 50 ปีข้างหน้าชนเผ่าไทยดั้งเดิมอาจถึงกับสูญพันธุ์ไปได้
ปัจจุบันแนวโน้มดังที่ดร.เตียงท่านได้กล่าวไว้เริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ชายที่อยู่ในวัยทำงานและเป็นพ่อพันธุ์ของมนุษย์กลับสูญเสียฮอร์โมนเพศพ่อเพราะอาหารสมัยใหม่ เรากินไก่ฟาร์มที่ถูกเร่งการเจริญเติบโตด้วยสารเคมีและถูกตอนไม่ให้สืบพันธุ์ได้ เรากินปลาที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมและถูกทำให้เป็นหมัน รวมทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว ก็ล้วนแล้วแต่ปนเปื้อนสารเคมีทางการเกษตรซึ่งมาจากส่วนประกอบของอาหารสัตว์ พ่อพันธุ์ของเราในยุคนี้จึงกลายเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วเต็มบ้านเต็มเมือง สืบพันธุ์กับพวกเดียวกันจึงไม่มีลูกหลานสืบสกุล
บางส่วนก็หนีทางโลกไปบวชเป็นพระอีกนับแสน งดผลิตทายาทเช่นเดียวกัน (ยกเว้นสมีบางคนที่ห่มผ้าเหลืองแล้วยังแอบไปเสพเมถุน ซึ่งก็เป็นส่วนน้อย) ทางด้านแม่พันธุ์ก็ไม่น้อยหน้าหันมาเป็นทอมดี้ตีฉิ่งกันเอง ไม่ยอมมีลูก เมืองไทยมีเสรีภาพมากมายขนาดนี้ยังจะเรียกร้องถึงกับต้องเผาบ้านเผาเมือง
ที่เขียนมานี้ไม่ได้จะกล่าวหาว่าเป็นอะไรดีหรือไม่ดี เพียงอยากชี้ให้เห็นว่าสังคมของเราเปลี่ยนไปมากมายขนาดไหน ผมยังไม่เคยเห็นสภาพความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ในประเทศอื่นๆ จึงแปลกใจว่าทำไมเผ่าพันธุ์ที่ผิดเพี้ยนนี้จึงเกิดขึ้นมากในประเทศไทย และก็ประเทศนี้อีกนั่นแหละที่มีชายแปลงเพศเป็นหญิงที่สวยที่สุดในโลก แต่ที่สำคัญคือทำลูกไม่ได้ ฤาประเทศนี้จะเป็นต้นแบบผลิตมนุษยชาติสายพันธุ์ใหม่ให้กับโลก
ทุกวันนี้เด็กที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะดีมักจะถูกเลี้ยงดูเหมือนลูกเทวดา เพราะลูกหลานน้อยลงจึงประคบประหงมลูกหลานที่มีอยู่จนเสียคน ส่วนชนชั้นกลางก็พยายามตะเกียกตะกายตามใจลูกเช่นกัน จนเด็กยุคนี้ไม่รู้จักชั่วจักดี เพราะพ่อแม่ขาดความเอาใจใส่ ไม่มีเวลาให้จึงต้องชดเชยกันด้วยวัตถุ คนยุคใหม่จึงกลายเป็นทาสของวัตถุนิยม เยาวชนที่อยู่ในวัยเรียนก็ไม่ใส่ใจการศึกษา อาชีพในฝันของเด็กๆ รุ่นใหม่ล้วนอยากเป็นดารา นักร้อง เพื่อจะได้ทำงานสบาย แค่เดินเฉิดฉายสวยหล่อก็ได้เงิน ลูกจบมหาวิทยาลัยได้กระดาษมาหนึ่งใบ ได้ใส่ชุดครุยเดินอวดชาวบ้านทั้งวัน หลังจากนั้นหากไม่มีเส้นสายหรือความสามารถโดดเด่นก็ต้องตกงาน กลับไปอยู่บ้านก็ทำงานไม่เป็น งอมืองอเท้าเกาะพ่อแม่กินไปวันๆ อ้างว่ารองานดีๆ ที่ตัวเองถูกใจ งานหนักไม่เอา งานเบาไม่สู้ พ่อแม่ก็ไม่มีใครช่วยงานจึงต้องไปจ้างแรงงานต่างด้าว
ธกส. หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจึงกลายมาเป็นพ่อค้าคนกลาง ขายเครื่องมือเครื่องจักรกลการเกษตรให้กับเกษตรกรด้วยวิธีผ่อนส่ง เพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดแคลนในภาคเกษตรกรรมของประเทศ ในหมู่บ้านเดียวกันมีรถไถนาบ้านละคัน ไหนจะรถเกี่ยวข้าว รถดำนาอีก ดังนั้นเกษตรกรแต่ละรายจึงพากันเป็นหนี้ก้อนโตไปตามๆ กัน แทนที่รัฐจะส่งเสริมระบบสหกรณ์ให้เข้มแข็ง มีรถไถ รถดำนา รถเกี่ยวข้าวที่ใช้ร่วมกัน ประเทศนี้กลับสนับสนุนระบบปัจเจกเพื่อให้พ่อค้าได้ขายของ ธนาคารทำกำไรจากดอกเบี้ย หากินบนหลังชาวนาจนสร้างสำนักงานใหม่ได้ใหญ่โต ในขณะที่ชาวนาไทยเต็มไปด้วยหนี้สินนับแสนล้านบาท
แรงงานต่างด้าวทะลักเข้ามาจากพม่า ลาว เขมร ฯลฯ แม้แต่โสเภณียังนำเข้าจากอุซเบกิสถานและอีกหลายประเทศ คนเหล่านี้เข้ามาแทนที่แรงงานระดับล่างกว่า 5 ล้านคน (ตัวเลขเป็นทางการอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน) ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายโดยความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่รัฐเอง แรงงานเหล่านี้อยู่กันกระจัดกระจาย ไม่มีการจัดการที่เป็นระบบ บางรายเข้ามาอยู่นับสิบปี ออกลูกออกหลานจนกลายเป็นคนไทยไปโดยปริยาย แต่รัฐบาลไทยกลับไม่ใส่ใจที่จะเตรียมตัวรับคนเหล่านี้เป็นพลเมืองไทยในอนาคต เด็กๆ นับหมื่นคนขาดการศึกษา และมีสุขภาพอนามัยไม่ดี จะผลักดันให้ออกนอกประเทศก็คงจะเป็นเรื่องยาก
การนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมีให้เห็นตลอดเวลา บางรายยอมอัดกันตายในรถน้ำมันหรือบนเรือ ชีวิตของคนเหล่านี้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนชาติใดก็ตาม แต่เขาเหล่านั้นก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ที่ดิ้นรนหางานหาเงินและไขว่คว้าชีวิตที่ดีกว่า เช่นเดียวกับที่แรงงานไทยไปหากินในอิสราเอล บรูไน ไต้หวัน สิงคโปร์ ฯลฯ
ปัญหาแรงงานในบ้านเราเองก็หนักหนา แรงงานต่างด้าวเข้ามาก็น่าห่วง การเมืองเฮงซวยแบบนี้แก้ปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง นักการเมืองก็โกหกหากินไปวันๆ เมื่อไหร่จะเลิกเล่นเกมการเมืองแล้วช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองกันจริงๆ จังๆ เสียที
บางหมู่บ้านเช่นที่ อ.ป่าซาง ตลอดทั้งปีไม่มีสถิติการเกิดเลย ซึ่ง ดร.เตียง ผาดไทสง ท่านได้เขียนออกมาเป็นหนังสือไว้เล่มหนึ่งชื่อ “ฤาป่าซางจะล่มสลาย” กล่าวถึงผลจากการคุมกำเนิดเกินกว่าที่จะทดแทนตนเองได้ แรงงานด้านการเกษตรเริ่มขาดแคลน คนหนุ่มสาวที่พ่อแม่ส่งให้ไปเรียนหนังสือสูงๆ หายไปกับความศิวิไลซ์ของเมือง ไม่กลับมาบ้านเกิด บางรายย้ายถิ่นที่อยู่ไปเลย ในหมู่บ้านจึงเหลือเพียงแต่ผู้สูงอายุ และประชากรวัยกลางคนขึ้นไป
ดร.เตียงได้ชี้แจงให้ผมทราบว่าในแต่ละครอบครัว อย่างน้อยควรจะมีลูก 2 คนเพื่อทดแทนพ่อและแม่ แต่ผลของการคุมกำเนิด ทำให้ปัจจุบันอัตราการเกิดของประชากรต่ำลงกว่า 1.5 และมีแนวโน้มว่าจะต่ำลงเรื่อยๆ แม้จะเลิกรณรงค์ด้านการคุมกำเนิดของคุณมีชัยไปนานแล้ว แต่ก็ไม่มีใครอยากมีลูกมากเหมือนในอดีต ต่อไปปัญหาด้านแรงงานในชนบทจะรุนแรงมากขึ้น อาชีพด้านเกษตรกรรมที่เคยพึ่งพาแรงงานภายในครอบครัวกำลังประสบภาวะวิกฤต แรงงานต่างด้าวจะไหลทะลักเข้ามาแทนที่ และจะกลายเป็นประชากรชั้น 2 ของประเทศในอนาคต ภายใน 50 ปีข้างหน้าชนเผ่าไทยดั้งเดิมอาจถึงกับสูญพันธุ์ไปได้
ปัจจุบันแนวโน้มดังที่ดร.เตียงท่านได้กล่าวไว้เริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ชายที่อยู่ในวัยทำงานและเป็นพ่อพันธุ์ของมนุษย์กลับสูญเสียฮอร์โมนเพศพ่อเพราะอาหารสมัยใหม่ เรากินไก่ฟาร์มที่ถูกเร่งการเจริญเติบโตด้วยสารเคมีและถูกตอนไม่ให้สืบพันธุ์ได้ เรากินปลาที่ถูกตัดต่อพันธุกรรมและถูกทำให้เป็นหมัน รวมทั้งเนื้อหมู เนื้อวัว ก็ล้วนแล้วแต่ปนเปื้อนสารเคมีทางการเกษตรซึ่งมาจากส่วนประกอบของอาหารสัตว์ พ่อพันธุ์ของเราในยุคนี้จึงกลายเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วเต็มบ้านเต็มเมือง สืบพันธุ์กับพวกเดียวกันจึงไม่มีลูกหลานสืบสกุล
บางส่วนก็หนีทางโลกไปบวชเป็นพระอีกนับแสน งดผลิตทายาทเช่นเดียวกัน (ยกเว้นสมีบางคนที่ห่มผ้าเหลืองแล้วยังแอบไปเสพเมถุน ซึ่งก็เป็นส่วนน้อย) ทางด้านแม่พันธุ์ก็ไม่น้อยหน้าหันมาเป็นทอมดี้ตีฉิ่งกันเอง ไม่ยอมมีลูก เมืองไทยมีเสรีภาพมากมายขนาดนี้ยังจะเรียกร้องถึงกับต้องเผาบ้านเผาเมือง
ที่เขียนมานี้ไม่ได้จะกล่าวหาว่าเป็นอะไรดีหรือไม่ดี เพียงอยากชี้ให้เห็นว่าสังคมของเราเปลี่ยนไปมากมายขนาดไหน ผมยังไม่เคยเห็นสภาพความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ในประเทศอื่นๆ จึงแปลกใจว่าทำไมเผ่าพันธุ์ที่ผิดเพี้ยนนี้จึงเกิดขึ้นมากในประเทศไทย และก็ประเทศนี้อีกนั่นแหละที่มีชายแปลงเพศเป็นหญิงที่สวยที่สุดในโลก แต่ที่สำคัญคือทำลูกไม่ได้ ฤาประเทศนี้จะเป็นต้นแบบผลิตมนุษยชาติสายพันธุ์ใหม่ให้กับโลก
ทุกวันนี้เด็กที่เกิดในครอบครัวที่มีฐานะดีมักจะถูกเลี้ยงดูเหมือนลูกเทวดา เพราะลูกหลานน้อยลงจึงประคบประหงมลูกหลานที่มีอยู่จนเสียคน ส่วนชนชั้นกลางก็พยายามตะเกียกตะกายตามใจลูกเช่นกัน จนเด็กยุคนี้ไม่รู้จักชั่วจักดี เพราะพ่อแม่ขาดความเอาใจใส่ ไม่มีเวลาให้จึงต้องชดเชยกันด้วยวัตถุ คนยุคใหม่จึงกลายเป็นทาสของวัตถุนิยม เยาวชนที่อยู่ในวัยเรียนก็ไม่ใส่ใจการศึกษา อาชีพในฝันของเด็กๆ รุ่นใหม่ล้วนอยากเป็นดารา นักร้อง เพื่อจะได้ทำงานสบาย แค่เดินเฉิดฉายสวยหล่อก็ได้เงิน ลูกจบมหาวิทยาลัยได้กระดาษมาหนึ่งใบ ได้ใส่ชุดครุยเดินอวดชาวบ้านทั้งวัน หลังจากนั้นหากไม่มีเส้นสายหรือความสามารถโดดเด่นก็ต้องตกงาน กลับไปอยู่บ้านก็ทำงานไม่เป็น งอมืองอเท้าเกาะพ่อแม่กินไปวันๆ อ้างว่ารองานดีๆ ที่ตัวเองถูกใจ งานหนักไม่เอา งานเบาไม่สู้ พ่อแม่ก็ไม่มีใครช่วยงานจึงต้องไปจ้างแรงงานต่างด้าว
ธกส. หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจึงกลายมาเป็นพ่อค้าคนกลาง ขายเครื่องมือเครื่องจักรกลการเกษตรให้กับเกษตรกรด้วยวิธีผ่อนส่ง เพื่อทดแทนแรงงานที่ขาดแคลนในภาคเกษตรกรรมของประเทศ ในหมู่บ้านเดียวกันมีรถไถนาบ้านละคัน ไหนจะรถเกี่ยวข้าว รถดำนาอีก ดังนั้นเกษตรกรแต่ละรายจึงพากันเป็นหนี้ก้อนโตไปตามๆ กัน แทนที่รัฐจะส่งเสริมระบบสหกรณ์ให้เข้มแข็ง มีรถไถ รถดำนา รถเกี่ยวข้าวที่ใช้ร่วมกัน ประเทศนี้กลับสนับสนุนระบบปัจเจกเพื่อให้พ่อค้าได้ขายของ ธนาคารทำกำไรจากดอกเบี้ย หากินบนหลังชาวนาจนสร้างสำนักงานใหม่ได้ใหญ่โต ในขณะที่ชาวนาไทยเต็มไปด้วยหนี้สินนับแสนล้านบาท
แรงงานต่างด้าวทะลักเข้ามาจากพม่า ลาว เขมร ฯลฯ แม้แต่โสเภณียังนำเข้าจากอุซเบกิสถานและอีกหลายประเทศ คนเหล่านี้เข้ามาแทนที่แรงงานระดับล่างกว่า 5 ล้านคน (ตัวเลขเป็นทางการอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านคน) ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายโดยความอนุเคราะห์จากเจ้าหน้าที่รัฐเอง แรงงานเหล่านี้อยู่กันกระจัดกระจาย ไม่มีการจัดการที่เป็นระบบ บางรายเข้ามาอยู่นับสิบปี ออกลูกออกหลานจนกลายเป็นคนไทยไปโดยปริยาย แต่รัฐบาลไทยกลับไม่ใส่ใจที่จะเตรียมตัวรับคนเหล่านี้เป็นพลเมืองไทยในอนาคต เด็กๆ นับหมื่นคนขาดการศึกษา และมีสุขภาพอนามัยไม่ดี จะผลักดันให้ออกนอกประเทศก็คงจะเป็นเรื่องยาก
การนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมีให้เห็นตลอดเวลา บางรายยอมอัดกันตายในรถน้ำมันหรือบนเรือ ชีวิตของคนเหล่านี้จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนชาติใดก็ตาม แต่เขาเหล่านั้นก็คือมนุษย์คนหนึ่ง ที่ดิ้นรนหางานหาเงินและไขว่คว้าชีวิตที่ดีกว่า เช่นเดียวกับที่แรงงานไทยไปหากินในอิสราเอล บรูไน ไต้หวัน สิงคโปร์ ฯลฯ
ปัญหาแรงงานในบ้านเราเองก็หนักหนา แรงงานต่างด้าวเข้ามาก็น่าห่วง การเมืองเฮงซวยแบบนี้แก้ปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง นักการเมืองก็โกหกหากินไปวันๆ เมื่อไหร่จะเลิกเล่นเกมการเมืองแล้วช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองกันจริงๆ จังๆ เสียที