นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีต รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากกรณีแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา จนอาจเกิดสึนามิใน 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทยเมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 เม.ย. ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบังเอิญเป็นช่วงที่ทีวีพูลถ่ายทอดสดงานพระราชพิธี แต่ก็ไม่ได้เป็นข้อจำกัดว่า จะใช้ทีวีพูลมาสื่อสารเตือนภัยกับประชาชนไม่ได้ โดยเป็นเรื่องการบริหารจัดการของรัฐบาล เพราะการจัดงานพระราชพิธี จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการอยู่แล้ว ในสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้น จึงขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคนเป็นผู้นำรัฐบาล หรือ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสื่อ ที่จะต้องดำเนินการ มิได้มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับสถาบันฯ เหมือนอย่างที่มีบางฝ่ายพยายามกล่าวหา
"ในสมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรี นายกฯอภิสิทธิ์ มอบหมายให้ผมเป็นผู้ประสานงานกับทีวีพูล ซึ่งแต่ละรัฐบาล ก็ต้องมีตัวแทนของรัฐบาลในการประสานงานกับสื่ออยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่ารัฐบาลตัดสินใจช้ามาก ซึ่งเราเห็นได้จากการประชุมสภา ก็ยังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลแจ้งมายังสมาชิกรัฐสภา แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ส.ส.ภาคใต้ รับทราบจากพื้นที่แล้วว่าอินโดนีเซีย มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ ซึ่งเรื่องนี้ คุณอภิสิทธิ์ ก็เป็นห่วง เมื่อเห็นว่าทีวีพูล อยู่ในระหว่างการถ่ายทอดสดงานพระราชพิธี โดยไม่มีการแจ้งเตือนภัยต่อประชาชน ก็พยายามติดต่อคนในรัฐบาล และได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอให้ทำตัววิ่ง แจ้งเตือนประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก เพราะการให้ข้อมูลเป็นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน เป็นเรื่องสำคัญ จากนั้นเราจึงเห็นมีการขึ้นตัววิ่งตามมา" นายสาทิตย์ กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ สึนามิ ในปี 2547 เคยมีระบบการแจ้งเตือนภัยผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 โดยทำเป็นสัญลักษณ์สีเขียว หมายถึงเหตุการณ์ปกติและสีแดงหมายถึงฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่นำมาใช้ได้ แต่การตัดสินใจที่ล่าช้าของรัฐบาล ทำให้ไม่มีการแจ้งเตือนภัยประชาชนอย่างรวดเร็วตามที่ควรจะเป็น และการที่นายกฯ ใช้วิธีบันทึกเทปรายงานสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังนำมาออกอากาศเมื่อสถานการณ์จบแล้วถือว่าเป็นความผิดพลาดมาก เนื่องจากการเตือนภัยทุกนาทีเกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชนจึงต้องให้ข้อมูลอย่างทันท่วงทีไม่ใช่รอให้นายกรัฐมนตรี มีความพร้อม
"ยังโชคดีที่เมื่อวานไม่มีเหตุร้ายไม่เช่นนั้นผมไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือ วันซิงเกิ้ลคอมมาน ที่รัฐบาลชุดนี้พูดถึง มันไม่มีอยู่จริง และศูนย์เตือนภัยก็ยังไม่เป็นระบบ ขาดเอกภาพ รัฐบาลจึงควรเรียนรู้จากปัญหานี้ ปรับปรุงศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติให้มีความเป็นเอกภาพ และต้องสามารถเตือนภัยธรรมชาติได้ทุกชนิด ทั้ง สึนามิ แผ่นดินไหว น้ำท่วม และรองรับการเตือนภัยพิบัติอื่น ๆ ด้วย โดยต้องขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการสั่งการได้ทันที และต้องทำอย่างจริงจัง เพราะมันเกี่ยวข้องกับชีวิตประชาชนโดยตรง" นายสาทิตย์ กล่าว
--------------
"ในสมัยที่ผมเป็นรัฐมนตรี นายกฯอภิสิทธิ์ มอบหมายให้ผมเป็นผู้ประสานงานกับทีวีพูล ซึ่งแต่ละรัฐบาล ก็ต้องมีตัวแทนของรัฐบาลในการประสานงานกับสื่ออยู่แล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่ารัฐบาลตัดสินใจช้ามาก ซึ่งเราเห็นได้จากการประชุมสภา ก็ยังไม่มีความชัดเจนจากรัฐบาลแจ้งมายังสมาชิกรัฐสภา แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ส.ส.ภาคใต้ รับทราบจากพื้นที่แล้วว่าอินโดนีเซีย มีการประกาศเตือนภัยสึนามิ ซึ่งเรื่องนี้ คุณอภิสิทธิ์ ก็เป็นห่วง เมื่อเห็นว่าทีวีพูล อยู่ในระหว่างการถ่ายทอดสดงานพระราชพิธี โดยไม่มีการแจ้งเตือนภัยต่อประชาชน ก็พยายามติดต่อคนในรัฐบาล และได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอให้ทำตัววิ่ง แจ้งเตือนประชาชนก่อนเป็นอันดับแรก เพราะการให้ข้อมูลเป็นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน เป็นเรื่องสำคัญ จากนั้นเราจึงเห็นมีการขึ้นตัววิ่งตามมา" นายสาทิตย์ กล่าว
ทั้งนี้ หลังจากเกิดเหตุการณ์ สึนามิ ในปี 2547 เคยมีระบบการแจ้งเตือนภัยผ่านทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 5 โดยทำเป็นสัญลักษณ์สีเขียว หมายถึงเหตุการณ์ปกติและสีแดงหมายถึงฉุกเฉิน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่นำมาใช้ได้ แต่การตัดสินใจที่ล่าช้าของรัฐบาล ทำให้ไม่มีการแจ้งเตือนภัยประชาชนอย่างรวดเร็วตามที่ควรจะเป็น และการที่นายกฯ ใช้วิธีบันทึกเทปรายงานสถานการณ์ฉุกเฉิน และยังนำมาออกอากาศเมื่อสถานการณ์จบแล้วถือว่าเป็นความผิดพลาดมาก เนื่องจากการเตือนภัยทุกนาทีเกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชนจึงต้องให้ข้อมูลอย่างทันท่วงทีไม่ใช่รอให้นายกรัฐมนตรี มีความพร้อม
"ยังโชคดีที่เมื่อวานไม่มีเหตุร้ายไม่เช่นนั้นผมไม่อยากคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือ วันซิงเกิ้ลคอมมาน ที่รัฐบาลชุดนี้พูดถึง มันไม่มีอยู่จริง และศูนย์เตือนภัยก็ยังไม่เป็นระบบ ขาดเอกภาพ รัฐบาลจึงควรเรียนรู้จากปัญหานี้ ปรับปรุงศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติให้มีความเป็นเอกภาพ และต้องสามารถเตือนภัยธรรมชาติได้ทุกชนิด ทั้ง สึนามิ แผ่นดินไหว น้ำท่วม และรองรับการเตือนภัยพิบัติอื่น ๆ ด้วย โดยต้องขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีการสั่งการได้ทันที และต้องทำอย่างจริงจัง เพราะมันเกี่ยวข้องกับชีวิตประชาชนโดยตรง" นายสาทิตย์ กล่าว
--------------