“ประยุทธ์” ลั่น กองทัพพร้อมบรรเทาภัยสึนามิ มั่นใจระบบเตือนภัย

ผบ.ทบ.ยืนยันกองทัพมีศักยภาพให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยหากเกิดสึนามิ โดยกองทัพเรือจะเป็นหน่วยงานหลัก ส่วนกองทัพจะเป็นหน่วยงานสนับสนุน พร้อมแสดงความเชื่อมั่นระบบเตือนภัยที่มีอยู่ ขณะที่ประธานทีวีพูลโต้ระงับแจงสถานการณ์สึนามิ ยันสั่งรายงานข่าวตัววิ่งหน้าจอตลอด

วันนี้ (12 เม.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมรับมือหากเกิดสึนามิขึ้นว่า เมื่อวาน (11 เม.ย.) ได้รับคำสั่งจากรัฐบาลให้ทุกเหล่าทัพเตรียมความพร้อมสนับสนุนหากเกิดสึนามิขึ้น ซึ่งเราได้เตรียมความพร้อม โดยให้กองทัพภาคที่ 4 จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าของกองทัพภาคที่ 4 ขึ้น โดยดูแลใน 6 จังหวัดที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดสึนามิ โดยเรามีทั้งอากาศยาน กำลังพล ยานพาหนะและเรือบางส่วนที่เราจะจัดหาได้ นอกจากนั้นเป็นเรื่องของทหารเรือเป็นหลัก เพราะในพื้นที่ดังกล่าวมีกองเรือของกองทัพเรืออยู่ ส่วนกองทัพอากาศก็ได้เตรียมอากาศยาน สำหรับกองทัพบกจะเตรียมอากาศยานขนาดใหญ่ เช่น แบล็กฮอว์ก Mi 17 และชีนุกสนับสนุนพร้อมขนย้ายกำลังพล ซึ่งโชคดีที่สถานการณ์ลดระดับความรุนแรงลง

“ส่วนจะวางใจต่อสถานการณ์ได้หรือไม่นั้น เราต้องเชื่อมั่นในระบบการเตือนภัยที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งมีการแจ้งเตือนมาและเตรียมการมาโดยตลอด แต่ที่มีการอพยพเนื่องจากมีแผ่นดินไหวถึง 8.9 ริกเตอร์ ซึ่งถือว่าแรงมาก แต่โชคดีที่ระยะทางห่างกว่าครั้งที่แล้ว ทำให้ผลกระทบต่อประเทศไทยลดลง สำหรับการจัดซื้อเครื่องมือเพิ่มเติม ขณะนี้ยังไม่มีการร้องขอไปยังรัฐบาลเพิ่ม แต่ระยะยาวอาจจะต้องมีเครื่องมือบรรเทาภัยพิบัติเพิ่มขึ้น เพราะรมว.กลาโหมพูดเองว่า กองทัพไม่ได้มีภารกิจรบอย่างเดียว แต่มีภารกิจพัฒนาและช่วยเหลือประชาชนบรรเทาภัยพิบัติในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้น สิ่งใดก็ตามที่จำเป็นทั้งยานพาหนะ อากาศยานที่ลงได้ในทุกพื้นที่ก็จำเป็นต้องจัดหาเพิ่มเติม แต่ต้องเข้าใจว่า ราคาสูง และช่วงนี้รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินดูแลเหตุการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา จึงต้องรอระยะเวลาที่สามารถกระทำได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.ท.ฉัตรชัย สาริกัลยะ ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 5 ในฐานะประธานบอร์ดทีวีพูล กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ที่ไม่ตัดเข้ารายการปกติเพื่อรายงานสึนามิช่วงถ่ายทอดพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพว่า เพราะได้พิจารณาและสั่งการให้แจ้งความคืบหน้าสถานการณ์ทางตัววิ่ง และให้สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสเข้าสู่รายการปกติก่อนแล้ว