" ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป " พร้อมสมาคมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย เตรียมเดินทางไปอินโดนีเซียศึกษาร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่นและศึกษาตลาดขยายฐานลูกค้ากับชิ้นส่วนใหม่ที่กำลังเติบโตสูงรอรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน พร้อมระบุค่ายรถฮอนด้าไปตั้งไลน์ผลิตเพิ่มที่อินโดนีเซียไม่กระทบออเดอร์ เพราะเป็นฐานการผลิตรถเล็ก คาดอนาคตมีโอกาสได้ออเดอร์เบาะผ้าเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันมียอดซื้อเบาะหนัง 50 ล้านบาทต่อปี
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่าในเดือนกรกฎาคมศกนี้ สมาคมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และผู้ประกอบการธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ไทยประมาณ 10-20 ราย รวมถึง CWT เตรียมเดินทางไปอินโดนีเซีย เพื่อพบกับสมาคมชิ้นส่วนรถยนต์ของอินโดนีเซียเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางธุรกิจ และเยี่ยมเยือนลูกค้าในประเทศดังกล่าว พร้อมกับถือโอกาสศึกษาช่องทางการตลาดในตัวด้วย
ทั้งนี้มองว่าอินโดนีเซียนับเป็นตลาดยานยนต์ที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ประกอบการไทย เนื่องจากตลาดมีการคาดการณ์ว่าจะมีเพียงชแค่ประเทศไทยและอินโดนีเซียเท่านั้นที่มีความเหมาะสมในการเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน นอกจากนี้แล้วกฎหมายการลงทุนของต่างชาติในอินโดนีเซียกำลังเปิดกว้างรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 58 ซึ่งต่างชาติมีโอกาสที่จะถือหุ้นในบริษัทท้องถิ่นได้เกินกว่า 51%
" อินโดนีเซียมีการผลิตรถยนต์ต่อปีเพียง 1 ล้านคันน้อยกว่าไทย แต่ตอนนี้กำลังเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อรถยนต์สูงกว่าไทยไปแล้ว เพราะประชากรในอินโดนีเซียมีเยอะกว่าเรามากตั้ง 200 ล้านคน ขณะที่ประเทศรอบบ้านเราหรือกลุ่ม CLMV ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ยังไม่มีความพร้อมจะเป็นผู้ผลิต เราจึงสนใจที่จะมาศึกษาหาลู่ทางที่จะลงทุนตั้งไลน์การผลิตที่อินโดนีเซีย เพราะถ้าเรายังได้ออเดอร์จากค่ายรถยนต์ในไทย ในอินโดนีเซียเราก็มีโอกาสได้เช่นเดียวกัน " นายวีระพลกล่าว
นายวีระพล กล่าวอีกว่าไปอินโดนีเซียครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในการศึกษาตลาดเบาะหนังสำหรับรถยนต์ ทั้งการศึกษาความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการท้องถิ่น รวมถึงปริมาณความต้องการใช้หากมีปริมาณที่สูงพอก็มีโอกาสที่จะไปตั้งไลน์การผลิตได้ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังใช้โอกาสนี้ศึกษาลู่ทางในการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มออเดอร์ผลิตภัณฑ์อื่นนอกจากเบาะหนังด้วย อาทิ เบาะผ้าสำหรับรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ที่ร่วมลงทุนกับ Toyo Bussan Co., Ltd. พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
สำหรับกรณีค่ายรถยนต์ฮอนด้าได้เพิ่มไลน์การผลิตรถรุ่นเล็กหรือบริโอ้ ในประเทศอินโดนีเซีย นายวีระพล กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อออเดอร์เบาะหนังสำหรับรถยนต์ของ CWT ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อจากบริษัทลูกของฮอนด้าในประเทศไทย มูลค่ารวมประมาณ 50 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตเบาะหนังให้กับรถยนต์ใหญ่ ได้แก่ รุ่นซีอาร์วีและซีวิค เป็นต้น
" รถรุ่นเล็กอย่างบริโอ้ จะใช้เบาะผ้าทั้งหมด ซึ่งไม่เกี่ยวกับออเดอร์เบาะหนังในประเทศของเราอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเรากลับมองเป็นโอกาสที่ดี เพราะหากโรงงานใหม่ที่อินโดนีเซียของฮอนด้าสร้างเสร็จในอีกสองปีข้างหน้า ในอนาคตบริษัทฯก็มีโอกาสได้ออเดอร์เบาะผ้าเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้อินโดนีเซียยังมีฐานการผลิตของค่ายรถไดฮัทสุ และซูซุกิ ซึ่งเป็นฐานที่ใหญ่กว่าที่อยู่ในไทย ซึ่งจุดนี้ก็เป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปนำเสนองานด้วยเช่นกัน " นายวีระพลกล่าวปิดท้าย
นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT เปิดเผยว่าในเดือนกรกฎาคมศกนี้ สมาคมชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และผู้ประกอบการธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ไทยประมาณ 10-20 ราย รวมถึง CWT เตรียมเดินทางไปอินโดนีเซีย เพื่อพบกับสมาคมชิ้นส่วนรถยนต์ของอินโดนีเซียเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลทางธุรกิจ และเยี่ยมเยือนลูกค้าในประเทศดังกล่าว พร้อมกับถือโอกาสศึกษาช่องทางการตลาดในตัวด้วย
ทั้งนี้มองว่าอินโดนีเซียนับเป็นตลาดยานยนต์ที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ประกอบการไทย เนื่องจากตลาดมีการคาดการณ์ว่าจะมีเพียงชแค่ประเทศไทยและอินโดนีเซียเท่านั้นที่มีความเหมาะสมในการเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของอาเซียน นอกจากนี้แล้วกฎหมายการลงทุนของต่างชาติในอินโดนีเซียกำลังเปิดกว้างรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในปี 58 ซึ่งต่างชาติมีโอกาสที่จะถือหุ้นในบริษัทท้องถิ่นได้เกินกว่า 51%
" อินโดนีเซียมีการผลิตรถยนต์ต่อปีเพียง 1 ล้านคันน้อยกว่าไทย แต่ตอนนี้กำลังเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อรถยนต์สูงกว่าไทยไปแล้ว เพราะประชากรในอินโดนีเซียมีเยอะกว่าเรามากตั้ง 200 ล้านคน ขณะที่ประเทศรอบบ้านเราหรือกลุ่ม CLMV ซึ่งประกอบด้วย กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม ยังไม่มีความพร้อมจะเป็นผู้ผลิต เราจึงสนใจที่จะมาศึกษาหาลู่ทางที่จะลงทุนตั้งไลน์การผลิตที่อินโดนีเซีย เพราะถ้าเรายังได้ออเดอร์จากค่ายรถยนต์ในไทย ในอินโดนีเซียเราก็มีโอกาสได้เช่นเดียวกัน " นายวีระพลกล่าว
นายวีระพล กล่าวอีกว่าไปอินโดนีเซียครั้งนี้นับเป็นโอกาสที่ดีในการศึกษาตลาดเบาะหนังสำหรับรถยนต์ ทั้งการศึกษาความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการท้องถิ่น รวมถึงปริมาณความต้องการใช้หากมีปริมาณที่สูงพอก็มีโอกาสที่จะไปตั้งไลน์การผลิตได้ นอกจากนี้บริษัทฯ ยังใช้โอกาสนี้ศึกษาลู่ทางในการขยายฐานลูกค้า และเพิ่มออเดอร์ผลิตภัณฑ์อื่นนอกจากเบาะหนังด้วย อาทิ เบาะผ้าสำหรับรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ ที่ร่วมลงทุนกับ Toyo Bussan Co., Ltd. พันธมิตรจากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น
สำหรับกรณีค่ายรถยนต์ฮอนด้าได้เพิ่มไลน์การผลิตรถรุ่นเล็กหรือบริโอ้ ในประเทศอินโดนีเซีย นายวีระพล กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อออเดอร์เบาะหนังสำหรับรถยนต์ของ CWT ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อจากบริษัทลูกของฮอนด้าในประเทศไทย มูลค่ารวมประมาณ 50 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตเบาะหนังให้กับรถยนต์ใหญ่ ได้แก่ รุ่นซีอาร์วีและซีวิค เป็นต้น
" รถรุ่นเล็กอย่างบริโอ้ จะใช้เบาะผ้าทั้งหมด ซึ่งไม่เกี่ยวกับออเดอร์เบาะหนังในประเทศของเราอยู่แล้ว ขณะเดียวกันเรากลับมองเป็นโอกาสที่ดี เพราะหากโรงงานใหม่ที่อินโดนีเซียของฮอนด้าสร้างเสร็จในอีกสองปีข้างหน้า ในอนาคตบริษัทฯก็มีโอกาสได้ออเดอร์เบาะผ้าเพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้อินโดนีเซียยังมีฐานการผลิตของค่ายรถไดฮัทสุ และซูซุกิ ซึ่งเป็นฐานที่ใหญ่กว่าที่อยู่ในไทย ซึ่งจุดนี้ก็เป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปนำเสนองานด้วยเช่นกัน " นายวีระพลกล่าวปิดท้าย