ASTVผู้จัดการรายวัน-“บุญทรง”มวยแทน”ปู” เปิดตัวร้านถูกใจวันนี้ เผยร้านค้าเมินเข้าร่วม ล่าสุดสมัครแค่ 400 ร้าน จากเป้า 2,000 ร้าน แถมลดงบอุดหนุน ทั้งๆ ที่ตั้งไว้โอเว่อร์ จับตางบหายไปไหน
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า วันนี้ (11 เม.ย.) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเปิดตัวร้านถูกใจ ซึ่งเป็นร้านต้นแบบของโครงการโชห่วยช่วยชาติ โดยเฟสแรกตั้งเป้าเปิดให้ได้ 2,000 แห่ง ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 15 จังหวัดใหญ่ ภายในวันที่ 23 เม.ย.นี้ และเฟส 2 อีก 8,000 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและทุกจังหวัดทั่วประเทศ ภายในเดือนพ.ค.2555
“ล่าสุดมีร้านค้าสมัครร่วมโครงการแล้ว 400 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คาดว่าการดำเนินการจะเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ หรืออาจเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย ตามความเหมาะสม แต่ภาพรวมมั่นใจว่าผลการดำเนินการจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สามารถลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้เฉลี่ยเดือนละ 600 บาท รวม 6 เดือน จำนวน 10 ล้านคน หรือ 3.6 หมื่นล้านบาท”นายสันติชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เดิมทีกระทรวงพาณิชย์กำหนดที่จะเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาเปิดตัวร้านถูกใจในวันที่ 10 เม.ย. แต่นายกฯ ไม่ว่าง เลยเลื่อนมาเปิดวันที่ 11 เม.ย.แทน และนายกฯ ก็ยังไม่ว่างอีก นายบุญทรงจึงต้องเปิดตัวแทน
ส่วนในการรับสมัครร้านโชห่วย เข้าร่วมเป็นร้านถูกใจ ในกรุงเทพฯ มีร้านค้าสนใจเข้าร่วมโครงการเพียง 30-40 ร้านเท่านั้น และหากรวม 15 จังหวัดใหญ่ ก็มีเพียง 400 ร้าน จึงมีโอกาสสูงที่เป้าหมายเปิดให้ได้ 2,000 ร้านภายในวันที่ 23 เม.ย.นี้ จะทำได้ยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขาดการประชาสัมพันธ์ที่มากพอ ทั้งๆ ที่จัดตั้งงบประชาสัมพันธ์ไว้สูงถึง 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ล่าสุดยังได้มีการปรับเงื่อนไขการอุดหนุนร้านถูกใจใหม่ เหลือเพียงแค่ติดป้ายหน้าร้านเป็นกล่องป้ายสีขาว จัดหาชั้นวางสินค้าขนาดยาว 90 ซม. สูง 150 ซม. กว้าง 45 ซม. จำนวน 4 ชั้น ให้เงินอุดหนุนค่าตกแต่งร้านเหลือร้านละไม่เกิน 3 พันบาท จากเดิม 1 หมื่นบาท ช่วยจัดหาสินค้าให้โดยไม่ต้องเสียค่าขนส่ง แต่ต้องขายสินค้าต่ำกว่าท้องตลาด 10-20% สนับสนุนค่าจ้างคนงาน 1 คน จ้างวันละ 300 บาท จนสิ้นสุดโครงการ
ขณะที่เงื่อนไขเดิมที่ของบประมาณ 1,320 ล้านบาท กำหนดเป็นค่าตกต่างร้าน 10,000 บาท/ร้าน ค่าบริหารจัดการร้าน 10,000 บาท/ร้าน ค่าจัดหาวัตถุดิบ และซื้อสินค้าเข้าร้าน 100 ล้านบาท/โครงการ ค่าโลจิสติกส์ และติดตั้งระบบเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ระหว่างบริษัท ไปรษณีย์ และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 500 ล้านบาท/โครงการ ค่าจ้างแรงงาน 1,000 คน 100 ล้านบาท/โครงการ ค่าประชาสัมพันธ์ 100 ล้านบาท/โครงการ ค่าบริหารจัดการคณะกรรมการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ 90 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการของกรมการค้าภายใน 9 ล้านบาท
นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า วันนี้ (11 เม.ย.) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะเปิดตัวร้านถูกใจ ซึ่งเป็นร้านต้นแบบของโครงการโชห่วยช่วยชาติ โดยเฟสแรกตั้งเป้าเปิดให้ได้ 2,000 แห่ง ในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ 15 จังหวัดใหญ่ ภายในวันที่ 23 เม.ย.นี้ และเฟส 2 อีก 8,000 แห่ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและทุกจังหวัดทั่วประเทศ ภายในเดือนพ.ค.2555
“ล่าสุดมีร้านค้าสมัครร่วมโครงการแล้ว 400 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด คาดว่าการดำเนินการจะเป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ หรืออาจเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย ตามความเหมาะสม แต่ภาพรวมมั่นใจว่าผลการดำเนินการจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สามารถลดค่าครองชีพให้ประชาชนได้เฉลี่ยเดือนละ 600 บาท รวม 6 เดือน จำนวน 10 ล้านคน หรือ 3.6 หมื่นล้านบาท”นายสันติชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เดิมทีกระทรวงพาณิชย์กำหนดที่จะเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาเปิดตัวร้านถูกใจในวันที่ 10 เม.ย. แต่นายกฯ ไม่ว่าง เลยเลื่อนมาเปิดวันที่ 11 เม.ย.แทน และนายกฯ ก็ยังไม่ว่างอีก นายบุญทรงจึงต้องเปิดตัวแทน
ส่วนในการรับสมัครร้านโชห่วย เข้าร่วมเป็นร้านถูกใจ ในกรุงเทพฯ มีร้านค้าสนใจเข้าร่วมโครงการเพียง 30-40 ร้านเท่านั้น และหากรวม 15 จังหวัดใหญ่ ก็มีเพียง 400 ร้าน จึงมีโอกาสสูงที่เป้าหมายเปิดให้ได้ 2,000 ร้านภายในวันที่ 23 เม.ย.นี้ จะทำได้ยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขาดการประชาสัมพันธ์ที่มากพอ ทั้งๆ ที่จัดตั้งงบประชาสัมพันธ์ไว้สูงถึง 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ล่าสุดยังได้มีการปรับเงื่อนไขการอุดหนุนร้านถูกใจใหม่ เหลือเพียงแค่ติดป้ายหน้าร้านเป็นกล่องป้ายสีขาว จัดหาชั้นวางสินค้าขนาดยาว 90 ซม. สูง 150 ซม. กว้าง 45 ซม. จำนวน 4 ชั้น ให้เงินอุดหนุนค่าตกแต่งร้านเหลือร้านละไม่เกิน 3 พันบาท จากเดิม 1 หมื่นบาท ช่วยจัดหาสินค้าให้โดยไม่ต้องเสียค่าขนส่ง แต่ต้องขายสินค้าต่ำกว่าท้องตลาด 10-20% สนับสนุนค่าจ้างคนงาน 1 คน จ้างวันละ 300 บาท จนสิ้นสุดโครงการ
ขณะที่เงื่อนไขเดิมที่ของบประมาณ 1,320 ล้านบาท กำหนดเป็นค่าตกต่างร้าน 10,000 บาท/ร้าน ค่าบริหารจัดการร้าน 10,000 บาท/ร้าน ค่าจัดหาวัตถุดิบ และซื้อสินค้าเข้าร้าน 100 ล้านบาท/โครงการ ค่าโลจิสติกส์ และติดตั้งระบบเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ระหว่างบริษัท ไปรษณีย์ และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ 500 ล้านบาท/โครงการ ค่าจ้างแรงงาน 1,000 คน 100 ล้านบาท/โครงการ ค่าประชาสัมพันธ์ 100 ล้านบาท/โครงการ ค่าบริหารจัดการคณะกรรมการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ 90 ล้านบาท และค่าบริหารจัดการของกรมการค้าภายใน 9 ล้านบาท
