สธ.เผยหมอกควันไฟป่าปีนี้รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา เตรียมเสนอที่ประชุม ครม.ของบ 165 ล้าน จัดสรรองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 917 แห่ง ใน 8 จังหวัด ป้องกันไฟป่าในพื้นที่ และจัดซื้อเครื่องบดย่อยสลายใบไม้ กิ่งไม้ วัชพืช แทนการเผา และประสานกระทรวงการต่างประเทศประสานประเทศเพื่อนบ้านลดการเผาป่า
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมหน่วยงานราชการเกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ (1 มี.ค.) ว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟ เพื่อเร่งลดผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน จากที่ได้รับทราบปัญหาหมอกควัน พบว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองควันไฟในปีนี้ รุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา โดยหมอกควันสูงกว่าค่ามาตรฐาน ซึ่งทุกหน่วยงานได้ระดมสรรพกำลังแก้ไขสถานการณ์อย่างเต็มที่ ทั้งการป้องกันไฟป่า การใช้มาตรการจูงใจไม่ให้เผาป่า การลดปริมาณฝุ่นละออง มีส่วนช่วยบรรเทาปัญหาพอสมควร โดยกระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งหน้ากากอนามัยไปให้พื้นที่อย่างเพียงพอแล้ว
นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่พื้นที่ภาคเหนือมีความต้องการ และมั่นใจว่า จะมีส่วนช่วยประชาชน โดยจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้านี้ เป็นวาระจร 2 เรื่อง คือ 1.การเสนอของบประมาณ ซึ่งที่ผ่านมาท้องถิ่นทั้งเทศบาล อบต.และ อบจ.ใน 8 จังหวัด ได้จัดอาสาสมัครต่างๆเข้าไปช่วยทำงาน เพื่อควบคุมแก้ไขปัญหามาเป็นระยะเวลาพอสมควร โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 917 แห่ง ได้เสนอของบประมาณวงเงินรวม 165 ล้านบาท ประกอบด้วย งบอุดหนุนขั้นต่ำแห่งละ 20,000 บาท รวมประมาณ 18 ล้านบาท และงบขอจัดซื้อเครื่องย่อยสลายใบไม้ กิ่งไม้ วัชพืช ซึ่งมหาวิทยาลัยแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้ผลิต และใช้ได้ผลดี โดยสามารถบดสลายใบไม้ กิ่งไม้ ออกมาเป็นผงและนำไปผลิตเป็นปุ๋ยได้อีก ราคาเครื่องละ 130,000 บาท เมื่อรวมอุปกรณ์เสริมด้วย ตกราคาเครื่องละ 160,000 บาท เครื่องนี้มีจำหน่ายในท้องตลาดแล้ว รวมวงเงินส่วนนี้ประมาณ 146 ล้านบาท เชื่อว่า จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ดีขึ้น เชื่อว่า จะอนุมัติงบดังกล่าวได้ทัน เพราะส่วนใหญ่เป็นงบอุดหนุน โดยงบก้อนนี้จะจัดสรรลงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเทศบาล โดยตรง และ 2.เรื่องการขอความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยประสานให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการประสานกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดการเผาป่า เผาขยะ
ทั้งนี้ ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นนี้ ได้ส่งผลกระทบสุขภาพประชาชน โดยมีคนป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น โดยป่วยเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 4 เท่าตัว ซึ่งสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งรับมือได้ เพราะได้เตรียมความพร้อมรองรับเป็นอย่างดี จากการประเมินสถานการณ์ผลกระทบ ยังไม่ถึงขั้นต้องอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ เนื่องจากปริมาณฝุ่นละอองจะแปรผันตามสภาพของอากาศ เช่นหากสภาพอากาศนิ่ง จะมีปริมาณฝุ่นมาก หากอากาศมีความชื้นมาก ปริมาณฝุ่นจะเบาบางลง เพียงแต่ให้คำแนะนำประชาชนในเรื่องการดูแลสุขภาพ เช่นไม่ออกกำลังกาย ปิดประตูบ้านป้องกันฝุ่นละอองเข้าบ้าน งดการสูบบุหรี่ เป็นต้น ก็จะช่วยป้องกันปัญหาได้