รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สั่งกรมควบคุมโรคส่งหน้ากากอนามัย 50,000 ชิ้น ให้ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนเพื่อให้ประชาชนใส่ป้องกันการสูดละอองควันไฟเข้าปอด สั่งการหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขลงพื้นที่ติดตามสภาพปัญหาให้การดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิด เผยเบื้องต้นพบผู้เจ็บป่วย 3 กลุ่มโรค ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคทางเดินหายใจ โรคตา เพิ่มขึ้นจากปกติประมาณ 5,000 ราย
วันนี้ (19 ก.พ.) นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาจากฝุ่นละอองควันไฟเกินค่ามาตรฐานในภาคเหนือตอนบนว่า ในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งหน้ากากอนามัยจำนวน 50,000 ชิ้น ไปให้ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนใส่ป้องกันการสูดฝุ่นละอองควันไฟเข้าปอด ได้แก่จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน แพร่ น่าน และ พะเยา โดยได้ให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง ให้การดูแลรักษาผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยอย่างเต็มที่ และมอบหมายให้ นายแพทย์ จักรกฤษณ์ ภูมิสวัสดิ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่เพื่อติดตามประเมินปัญหาและวางแผนดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นได้รับรายงานผลการเฝ้าระวังผู้เจ็บป่วยจากปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ จากสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค ในโรงพยาบาล 61 แห่งใน 8 จังหวัดภาคเหนือดังกล่าว ในช่วงวันที่ 5-11 กุมภาพันธ์ 2555 พบว่า มีประชาชนกลุ่มเสี่ยงเจ็บป่วยเพิ่มขึ้น 3 กลุ่มโรค รวม 5,054 ราย เมื่อเทียบช่วงปกติวันที่ 1 มกราคม 2555 ที่ไม่มีปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ ได้แก่ 1.โรคหัวใจและหลอดเลือด พบป่วย 16,376 ราย เพิ่มจากช่วงปกติร้อยละ 23 หรือจำนวน 3,098 ราย 2.โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น อาการแสบคอ น้ำมูกไหล จำนวน 21,319 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงปกติ 1,477 ราย คิดเป็นร้อยละ 7 และ 3.กลุ่มโรคตาอักเสบ เช่น ระคายเคืองตา แสบตา พบผู้ป่วย 1,490 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 479 ราย คิดเป็นร้อยละ 47 ส่วนโรคอื่นๆเช่นโรคผิวหนัง พบว่ายังไม่มีผลกระทบ มีจำนวนผู้ป่วย 1,393 ราย ลดลงจากช่วงปกติที่มี 1,827 ราย
อย่างไรก็ดี ข้อมูลการเจ็บป่วยที่กล่าวมา ผู้เชี่ยวชาญกระทรวงสาธารณสุข ยังไม่สามารถสรุปหรือยืนยันได้ว่า ผู้ป่วยทั้งหมดเกิดจากปัญหาฝุ่นละอองควันไฟ เนื่องจากปัญหาปัญหาละอองควันไฟ เป็นส่วนหนึ่งของการเกิดโรค 4 กลุ่มโรคดังกล่าว แต่ยังมีปัจจัยอื่นๆอีกมาก ที่ทำให้เกิดโรค โดยกระทรวงสาธารณสุขจะส่งผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม จากกรมควบคุมโรค ลงศึกษาปัญหาในพื้นที่ที่สถานพยาบาลต่างๆ เพื่อศึกษาข้อมูลผลกระทบทางสุขภาพทั้งหมด เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและวางแผนป้องกันได้อย่างทันท่วงที
ทั้งนี้ ในช่วงที่มีปัญหาหมอกควัน กระทรวงสาธารณสุขมีข้อแนะนำประชาชนดังนี้ 1.ไม่ควรเผาขยะ หรือวัสดุใดๆ รวมถึงการสูบบุหรี่ที่จะเป็นการเพิ่มปัญหาควันมากขึ้น 2.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากในบริเวณกลางแจ้ง 3.ในกรณีที่ขับขี่ยานพาหนะในช่วงที่มีหมอกควัน ควรเปิดไฟหน้ารถ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ 4.กรณีที่จำเป็นต้องอยู่ในสถานที่ที่มีหมอกควันหรือฝุ่นละออง ควรใช้หน้ากากอนามัยปิดปากปิดจมูกและ 5.ประชาชนกลุ่มเสี่ยงได้แก่ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงมีครรภ์ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังเช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคหอบหืด ควรเตรียมยาประจำตัวให้เพียงพอ และหากมีอาการผิดปกติ เช่นหายใจลำบาก แน่นหน้าอก แสบตา ควรพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน