ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เชียงใหม่อากาศแย่ หมอกควันหนาทึบ ค่าดัชนีคุณภาพอากาศพุ่งเกินมาตรฐานแล้ว แถมค่า PM10 ยังเพิ่มต่อเนื่อง สาธารณสุขชี้หากฝนไม่ตกมีแนวโน้มเกินค่ามาตรฐานแน่ เร่งสั่งการหน่วยงานสำรองหน้ากากรอรับเหตุพร้อมเตือนประชาชนงดเผาเด็ดขาด ด้านจังหวัดอื่นอากาศแย่ไม่น้อยหน้า ลำปาง ลำพูน แพร่ พะเยา ค่า PM10 เกินมาตรฐานทุกที่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ ว่า วันนี้ (16 ก.พ.) บรรยากาศทั่วตัวเมืองเชียงใหม่ยังคงถูกปกคลุมด้วยหมอกควันค่อนข้างหนาทึบต่อเนื่องกันมานานนับสัปดาห์แล้ว ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเผาในที่โล่งและการเผาป่าที่พบมากในช่วงนี้ โดยข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ จากสถานีตรวจวัดศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้สูงถึง 129 ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดว่าดัชนีคุณภาพอากาศที่ดีจะต้องไม่เกิน 100
ดัชนีคุณภาพอากาศเมืองเชียงใหม่ที่เกินมาตรฐาน นับเป็นดัชนีคุณภาพอากาศที่เกินค่ามาตรฐานติดต่อกันเป็นวันที่ 2 แล้ว หลังจากวานนี้วัดค่าดัชนีคุณภาพอากาศได้ 109 ซึ่งค่าดัชนีคุณภาพอากาศในช่วง 101-200 นั้น ถือเป็นระดับที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว และมีข้อแนะนำว่าผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังภายนอกอาคาร ส่วนบุคคลทั่วไปโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุไม่ควรทำกิจกรรมภายนอกอาคารเป็นเวลานาน
ขณะที่การตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน หรือ PM10 ในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ พบว่ามีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยที่สถานีตรวจวัดศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ วัดค่า PM10 เมื่อเวลา 13.00 น.ได้ 111.36 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ส่วนที่สถานีตรวจวัดโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดค่า PM10 เมื่อเวลา 13.00 น.ได้ 98.95 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ดร.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึงสถานการณ์ปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองของจังหวัดเชียงใหม่ ว่า จากข้อมูลล่าสุดในขณะนี้ แม้ค่า PM10 จะยังไม่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ย แต่สถานการณ์ยังถือว่าค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะหากพิจารณาจากสภาพอากาศที่เป็นอยู่ในขณะนี้แล้ว คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ ภายใน 2-3 วันนี้และยังมีการเผาเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ ค่า PM10 อาจจะเพิ่มสูงขึ้นจนเกินกว่าระดับค่าเฉลี่ยที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรได้
ดร.สุรสิงห์ กล่าวต่อไปว่า หากสถานการณ์เป็นไปตามที่มีการคาดการณ์ไว้ จะส่งผลบกระทบต่อประชาชนกลุ่มที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเป็นกลุ่มแรก ซึ่งผู้ป่วยในกลุ่มนี้จำเป็นที่จะต้องเตรียมตัวเพื่อรองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ทั้งการระมัดระวังรักษาสุขภาพให้แข็งแรง รวมไปถึงการเตรียมยาที่จำเป็น หรือการใช้หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง
ส่วนผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองนั้น ดร.สุรสิงห์กล่าวว่าแม้ในขณะนี้จะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่ว่ายังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าเป็นผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟป่าหมอกควันหรือฝุ่นละอองหรือไม่ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาสภาพอากาศมีความเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ประชาชนเกิดการเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ยืนยันว่า สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้เตรียมการเพื่อรองรับผู้เจ็บป่วยจากกรณีปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองแล้ว โดยได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งสำรองหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองเพื่อเตรียมแจกจ่ายให้ประชาชนหากมีความจำเป็น ขณะที่สถานพยาบาลในสังกัดทุกแห่งก็ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง รวมทั้งให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านเร่งออกให้ความรู้และควบคุมประชาชนในพื้นที่ไม่ให้ทำการเผาในที่โล่งอีกด้วย
ส่วนมาตรการอื่นๆ ที่จะนำมาใช้เพื่อบรรเทาปัญหา ดร.สุรสิงห์ ระบุว่ามีการหารือและประสานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบการตัดสินใจแล้ว ทั้งนี้หากปัญหาลุกลามรุนแรงมาก ก็อาจจะต้องใช้มาตรการการอพยพประชาชนกลุ่มเสี่ยงออกจากพื้นที่ร่วมด้วย แต่ในขณะนี้ยังถือว่าสถานการณ์ยังไม่ร้ายแรง เพียงแต่มีแนวโน้มที่จะมีความรุนแรงมากขึ้นหากยังไม่มีฝนตกลงมาในช่วงนี้
รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่กล่าวเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ของสภาพอากาศในขณะนี้ แม้ปริมาณฝุ่นละอองจะเพิ่มขึ้นช้ากว่าปีที่ผ่านมา แต่ก็มีแนวโน้มสูงที่จะมีค่าเฉลี่ยเกินกว่าค่ามาตรฐาน ซึ่งการจะบรรเทาปัญหาลงได้นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนทุกคนจะต้องงดเว้นการเผาในที่โล่งในช่วงนี้อย่างเด็ดขาด เพราะหากยังคงมีการเผาเกิดขึ้นอยู่ ก็จะส่งผลต่อสภาพอากาศ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่แอ่งกระทะที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาหมอกควันไฟป่าและคุณภาพอากาศในช่วงเวลานี้แล้ว ยังมีอีกหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนที่กำลังประสบปัญหาเดียวกันนี้อย่างหนักเช่นเดียวกัน ทั้งจังหวัดลำปาง จังหวัดลำพูน จังหวัดพะเยา และจังหวัดแพร่ ซึ่งตรวจวัดพบค่า PM10 สูงเกินค่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรแล้ว ตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ที่จังหวัดลำปาง ที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านท่าสีและสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาคแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ วัดค่า PM10ได้ 152.3 และ192.33 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรตามลำดับ
ส่วนปริมาณค่า PM 10 ที่ตรวจวัดได้จากสถานีในจังหวัดต่างๆ ในเวลา 08.00น.วานนี้ พบว่าที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศสนามกีฬา อบจ.ลำพูน อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน วัดได้ 177.83 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศสถานีอุตุนิยมวิทยา จังหวัดแพร่ วัดได้ 163.63 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และที่สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศอุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา วัดได้ 141.25 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร