ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - รมช.สาธารณสุขขึ้นเหนือติดตามสถานการณ์ปัญหาหมอกควัน 8 จังหวัดภาคเหนือ ระบุ สถานการณ์รุนแรง แต่ทุกฝ่ายทำงานเต็มที่ เตรียมเสนอ ครม. ของบ 160 ล้าน ใช้ดับไฟป่า-ซื้อเครื่องย่อยสลายเศษวัสดุ ระบุส่งตรงงบประมาณให้ อปท.ดำเนินการ มั่นใจมีงบมาช่วยงานแก้ปัญหาหมอกควันคล่องตัวขึ้นแน่
วันนี้ (1 มี.ค.) นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางเข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง รวมถึงแนวทางการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหา และผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ณ ห้องประชุม 3 ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจากทั้ง 8 จังหวัดเข้าร่วม
ในการประชุมดังกล่าว นพ.สุรวิทย์ได้รับฟังการรายงานสรุปสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าของจังหวัดต่างๆ รวมถึงการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวของแต่ละจังหวัดที่ได้ดำเนินการไปแล้ว นอกจากนี้ยังได้สอบถามถึงความต้องการของ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนเพื่อบรรเทาปัญหาความรุนแรงของปัญหาหมอกควันไฟป่า
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้เสนอขอให้รัฐบาลช่วยจัดสรรงบประมาณ เพื่ออุดหนุนให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ สำหรับใช้ในการเฝ้าระวังและปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ ขณะเดียวกัน ยังมีการเสนอแนวทางลดการเผาในที่โล่ง หรือการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร ด้วยการจัดหาเครื่องย่อยสลายเศษวัสดุทางการเกษตรให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำหรับใช้ในการย่อยสลบลายกิ่งไม้ใบไม้และเศษวัสดุทางการเกษตรต่างๆ แทนการเผา
นพ.สุรวิทย์ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม ว่า จากการติดตามรับฟังสถานการณ์หมอกควันไฟป่าในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ พบว่า ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในขั้นรุนแรง โดยในวันนี้พบว่าหลายพื้นที่มีปริมาณหมอกควันเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ที่ค่าฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) เพิ่มสูงเกิน 300 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการรับฟังแนวทางการดำเนินงานของแต่ละจังหวัด พบว่า ทุกฝ่ายต่างระดมกำลังแก้ไขปัญหาดังกล่าวกันอย่างต่อเนื่องในทุกๆ มาตรการ ทั้งการการรณรงค์สร้างความเข้าใจและป้องกันไม่ให้เกิดการเผาในที่โล่ง การเฝ้าระวังและแก้ไขปัญหาไฟป่า ไปจนถึงการบงคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ส่วนความช่วยเหลือที่ 8 จังหวัดภาคเหนือ มีความต้องการให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนในขณะนี้ คือการจัดสรรงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำหรับ 2 ส่วน โดยในส่วนแรก ได้แก่การจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการเฝ้าระวังการเกิดไฟป่าและดับไฟป่าในพื้นที่ โดยในเบื้องต้นได้กำหนดงบประมาณไว้ที่ 20,000 บาท เป็นอย่างต่ำสำหรับแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขณะที่ส่วนที่สองนั้น มีการเสนอขอให้จัดสรรงบประมาณให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดซื้อเครื่องย่อยสลายเศษวัสดุทางการเกษตร เพื่อใช้ในการย่อยสลายกิ่งไม้ใบไม้และเศษวัสดุการเกษตรในพื้นที่
นพ.สุรวิทย์ กล่าวต่อว่า งบประมาณที่เตรียมจะเสนอขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล ประกอบด้วย งบประมาณสำหรับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในทั้ง 8 จังหวัดภาคเหนือ สำหรับใช้ในการเฝ้าระวังและดับไฟป่า จำนวนประมาณ 18 ล้านบาท ขณะที่งบประมาณการจัดซื้อเครื่องย่อยสลายเศษวัสดุการเกษตร 1 ชุด ซึ่งประกอบด้วยค่าเครื่องจักรประมาณ 130,000 บาท และค่าอุปกรณ์เสริมอีก 30,000 บาท ให้กับแต่ละองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือจะใช้งบประมาณราว 143 ล้านบาท รวมงบประมาณที่จะเสนอขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสิ้นประมาณ 160 ล้านบาท
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า เชื่อว่า หากพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือได้รับการสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวแล้ว จะช่วยให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าในพื้นที่มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น โดยตนจะนำเรื่องดังกล่าวพร้อมทั้งรายละเอียดที่เกี่ยวข้องนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ทัน ในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไป (6 มี.ค.) ส่วนกรณีการเผาในพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งส่งผลกระทบในพื้นที่ด้วยนั้น จะได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศให้หารือกับประเทศเพื่อนบ้านต่อไป