ศูนย์ข่าวเชียงใหม่/เชียงราย - ระดับฝุ่นละอองขนาดเล็กหวนกลับมาปกคลุมครบ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนอีกครั้งในวันนี้(1 มี.ค.) ทั้งยังเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เผย “แม่สาย” หนักที่สุด PM10 ทะลุ 305.6 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ขณะที่ “เชียงใหม่” เกิน 200 แล้ว
กรมควบคุมมลพิษ ได้รายงานผ่านเว็บไซต์ (http://aqmthai.com/) วันนี้ (1 มี.ค.) ว่าและเช้าวันนี้ (11.00 น.) ระดับฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่เชียงใหม่ ก็มีค่าเกินกว่ามาตรฐาน 120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.อีกครั้ง โดยที่สถานีตรวจวัดศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ วัดได้ 200.72 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง จนถึง 08.00 น.วันนี้ อยู่ที่ 196.95 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย วัดได้ 142.45 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง อยู่ที่ 140.83 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
แต่พื้นที่ที่ประสบปัญหารุนแรงมากที่สุดในประเทศขณะนี้ อยู่ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่สภาพอากาศทั่วจังหวัดยังคงขมุกเขมัว โดยเฉพาะที่ชายแดนไทย-พม่า อ.แม่สาย และ อ.แม่ฟ้าหลวง รวมทั้งชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงแสน ยังคงมีหมอกควันและฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน
ล่าสุด ผลตรวจวัดคุณภาพอากาศจากรถตรวจวัดเคลื่อนที่ตั้งอยู่หน้าสำนักงานสาธารณสุข อ.แม่สาย พบว่า มีค่าของฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน สูงถึง 305.6 ไมโครกรัม/ลบ.ม.แล้ว ซึ่งถือว่าสูงมากกว่าวันที่ผ่านมาและสูงที่สุดในประเทศเหมือนเดิม โดยคาดว่าต้องใช้เวลาอีกนานกว่าฝุ่นละอองจะลดระดับลงกว่าค่าระดับความปลอดภัยต่อสุขภาพ คือ 120 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ทั้งนี้ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้พื้นที่ชายแดนแห่งนี้มีฝุ่นละอองมาก เพราะเป็นหุบเขาและที่ราบใกล้เทือกเขาดอยนางนอน ทั้งมีพื้นที่ทางการเกษตรบนเขาโดยเฉพาะจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้านที่โหมเผาป่าเพื่อทำการเกษตรกันในช่วงนี้อย่างหนัก จนทำให้แม้แต่บริเวณท้องทุ่งกว้างที่เคยมองเห็นทิวทัศน์เทือกเขาดอยนางนอน หรือดอยตุงได้อย่างชัดเจน ถูกกลุ่มฝุ่นละอองและหมอกควันไฟป่ากลบจนหมด
ขณะที่เขต อ.เมืองเชียงราย พบว่ายังคงวัดได้ 219.3 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ซึ่งยังเกินค่ามาตรฐานและมากกว่าวันก่อนหน้าที่อยู่ที่ 213.00 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
และขณะนี้ นายธานินทร์ สุภาแสน ผู้ว่าราชการราชการจังหวัดเชียงราย ได้เดินทางไปยังพื้นที่ อ.แม่สาย เพื่อดูสภาพปัญหาและออกแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้กับประชาชนทั่วไป
ด้าน นายอภิชา ตระสินธุ์ นายกสมาคมท่องเที่ยวเชียงราย ระบุว่า สถานการณ์หมอกควันและฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นยังไม่พบว่าได้ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยว แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อยาวนานจนเกิดเป็นกระแสไม่ดีต่อสุขภาพใหญ่โต ก็จะส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวในอนาคตได้เช่นกัน
“คุยกับผู้จัดการโรงแรมใหญ่หลายแห่งของเชียงราย ทราบว่า จนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ โรงแรมยังเต็มอยู่ ซึ่งก็ถือว่าแปลกเพราะปกติฤดูท่องเที่ยวของเราก็เริ่มซาแล้วหลังจากคึกคักช่วงฤดูหนาว 4 เดือนจนถึงเดือนกุมภาฯ แต่หากว่าปัญหาหมอกควันยังไม่หมดไปโดยเร็ว ก็อาจจะส่งผลกระทบในระยะยาวเช่นกัน" นายอภิชากล่าว
ส่วนที่จังหวัดพะเยา วันนี้ก็ยังคงมีระดับฝุ่นละอองสูงรองลงมาจากแม่สาย จ.เชียงราย โดยค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ณ สถานีอุทยานการเรียนรู้กว๊านพะเยา วัดค่าได้ 243.13 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ,ลำปาง ผลการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ทั้ง 4 สถานี ก็เกินมาตรฐานต่อเนื่องทั้งหมด โดยที่สถานีศาลหลักเมือง วัดค่าได้ 193.29 ไมโครกรัม/ลบ.ม., สถานี รพ.สต.สบป้าด อ.แม่เมาะ วัดได้ 163.08 ไมโครกรัม/ลบ.ม., สถานี รพ.สต.ท่าสี อ.แม่เมาะ 206.67 ไมโครกรัม/ลบ.ม. และสถานีสำนักงานการประปาฯแม่เมาะ วัดได้ 145.75 ไมโครกรัม/ลบ.ม.
ขณะที่ จังหวัดแพร่ ปรากฏว่า ผลการตรวจวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน เฉลี่ย 24 ชั่วโมง จนถึงเช้าวันนี้ วัดได้ถึง 202.00 ไมโครกรัม/ลบ.ม., แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดที่มีสถานการณ์รุนแรงรองลงมา โดยพบว่าระดับฝุ่นละอองอยู่ที่ 168.88 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ตามมาด้วยจังหวัดน่าน ที่ผลตรวจวัดจากสถานีเทศบาลเมืองน่าน วัดได้ 165.25 ไมโครกรัม/ลบ.ม. ส่วนที่ลำพูน วัดได้ 136.04 ไมโครกรัม/ลบ.ม.