ASTVผู้จัดการรายวัน- ”พาณิชย์”งัดสต๊อกน้ำมันปาล์ม 2.4 แสนตันโชว์ เหลือใช้นาน 2 เดือน การันตีประชาชนอย่าตื่นตระหนก ไม่เกิดวิกฤตซ้ำเหมือนปีก่อนแน่ พร้อมสั่งเช็กสต๊อกและต้นทุนให้ชัด ก่อนถกผู้ประกอบการหาทางออกกรณีขอยื่นปรับขึ้นราคา “บุญทรง”ชงครม.วันนี้ ของบทำโครงการ 1 ธงฟ้า 1 ชุมชน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มเตรียมขอปรับขึ้นราคาว่า ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกไปแห่กักตุนสินค้า เพราะยืนยันว่าน้ำมันปาล์มจะยังไม่ปรับขึ้นราคา และมีปริมาณบริโภคเพียงพอต่อความต้องการใช้อย่างแน่นอน โดยในขณะนี้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศมีอยู่สูงมากถึง 2.4 แสนตัน มากกว่าความต้องการใช้ภายในประเทศที่ตกเฉลี่ยเดือนละ 1.2 แสนตัน เท่ากับมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบใช้ได้นานถึง 2 เดือน
“น้ำมันปาล์มจะไม่เกิดวิกฤตเหมือนช่วงต้นปีที่แล้ว เพราะปีนี้ผลผลิตปาล์มน้ำมันมีมาก ขณะที่สต๊อกก็ยังเหลือสูงเกิน 2.4 แสนตัน มากกว่าความต้องการใช้บริโภคในครัวเรือนที่ตกเดือนละ 8 หมื่นตัน และใช้ในการผลิตพลังงานทดแทนเดือนละ 5 หมื่นตัน แต่ถ้าสัดส่วนตรงนี้เปลี่ยน หากเกษตรกรหันไปขายให้กับอุตสาหกรรมไบโอดีเซลก็ต้องมาดูปริมาณกันอีกทีแต่ตอนนี้ยืนยันได้ว่าไม่ขาดแคลน”
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในเข้าไปตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่มีอยู่ว่ามีปริมาณที่แท้จริงเท่าใด และอยู่ตรงไหน รวมทั้งให้มีการตรวจสอบต้นทุนการผลิตในแต่ละช่วงเพื่อให้กระทรวงพาณิชย์มีข้อมูลที่ชัดเจนในการพิจารณามาตรการดำเนินการในเรื่องนี้
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ พิจารณาขึ้นเพดานราคาควบคุมน้ำมันปาล์มบรรจุขวดจากลิตรละ 42 บาท เป็น 47 บาท โดยโดยอ้างถึงต้นทุนผลปาล์มดิบที่ปรับขึ้นจากกิโลกรัม (กก.) ละ 4 บาทกว่า เป็น กก.ละ 6.20-6.30 บาท รวมถึงต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบที่ปรับขึ้นเพิ่มขึ้นจาก กก.ละ 30 บาท เป็น 35 บาทนั้น ยังไม่เห็นหนังสือที่ยื่นเรื่องเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่การพิจารณาจะปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มหรือไม่ ต้องดูผลกระทบรอบด้าน เพราะหากเกิดผลกระทบวงกว้าง ก็ต้องดูระยะเวลาในการปรับราคาขึ้น ดูเวลาที่เหมาะสมด้วย เพราะหากต้นทุนปาล์มดิบยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามที่ทางผู้ประกอบการอ้าง ก็ต้องดูมาตรการให้ความช่วยเหลือ
นายบุญทรงกล่าวว่า สำหรับการดำเนินโครงการ 1 ร้านธงฟ้า 1 ชุมชน ตามนโยบายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยลดภาระด้านค่าครองชีพให้กับประชาชนนั้น กระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะนำเสนอแผนการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันนี้ (13 มี.ค.) เพื่อเร่งรัดการเปิดแหล่งขายสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารปรุงสำเร็จราคาถูกโดยเร็ว
ทั้งนี้ อาจจะมีการรีแบรนด์ หรือปรับรูปแบบธงฟ้าในโครงการใหม่ ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น โดยอาจใช้ชื่อใหม่ ไม่ใช้ชื่อธงฟ้าเหมือนเดิม แต่ชื่อที่แน่ชัดต้องรอเสนอครม.ก่อน เพื่อให้มีความเห็นที่ตรงกัน โดยยืนยันว่า ไม่เปลี่ยนชื่อเป็นร้านธงแดงแน่นอน แต่หากเป็นจริง ผู้บริโภคคงไม่เลือกว่าจะเป็นสีไหน ขอให้มีของราคาถูกขายก็พอ
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการขยายร้านอาหารธงฟ้าทั่วประเทศ 8,000 ร้าน โดยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งเป้าหมายไว้ 1,000 แห่ง ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว 720 แห่ง ส่วนภูมิภาคตั้งเป้าหมายไว้ 7,000 แห่ง ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว 3,500 แห่ง โดยจะนำเสนอครม. ของบเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการเพิ่มร้านอาหารธงฟ้าให้เป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงจัดหาวัสดุ วัตถุดิบให้กับร้านอาหารธงฟ้า
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาน้ำมันปาล์มเตรียมขอปรับขึ้นราคาว่า ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกไปแห่กักตุนสินค้า เพราะยืนยันว่าน้ำมันปาล์มจะยังไม่ปรับขึ้นราคา และมีปริมาณบริโภคเพียงพอต่อความต้องการใช้อย่างแน่นอน โดยในขณะนี้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบภายในประเทศมีอยู่สูงมากถึง 2.4 แสนตัน มากกว่าความต้องการใช้ภายในประเทศที่ตกเฉลี่ยเดือนละ 1.2 แสนตัน เท่ากับมีสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบใช้ได้นานถึง 2 เดือน
“น้ำมันปาล์มจะไม่เกิดวิกฤตเหมือนช่วงต้นปีที่แล้ว เพราะปีนี้ผลผลิตปาล์มน้ำมันมีมาก ขณะที่สต๊อกก็ยังเหลือสูงเกิน 2.4 แสนตัน มากกว่าความต้องการใช้บริโภคในครัวเรือนที่ตกเดือนละ 8 หมื่นตัน และใช้ในการผลิตพลังงานทดแทนเดือนละ 5 หมื่นตัน แต่ถ้าสัดส่วนตรงนี้เปลี่ยน หากเกษตรกรหันไปขายให้กับอุตสาหกรรมไบโอดีเซลก็ต้องมาดูปริมาณกันอีกทีแต่ตอนนี้ยืนยันได้ว่าไม่ขาดแคลน”
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในเข้าไปตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่มีอยู่ว่ามีปริมาณที่แท้จริงเท่าใด และอยู่ตรงไหน รวมทั้งให้มีการตรวจสอบต้นทุนการผลิตในแต่ละช่วงเพื่อให้กระทรวงพาณิชย์มีข้อมูลที่ชัดเจนในการพิจารณามาตรการดำเนินการในเรื่องนี้
ส่วนกรณีที่ผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ พิจารณาขึ้นเพดานราคาควบคุมน้ำมันปาล์มบรรจุขวดจากลิตรละ 42 บาท เป็น 47 บาท โดยโดยอ้างถึงต้นทุนผลปาล์มดิบที่ปรับขึ้นจากกิโลกรัม (กก.) ละ 4 บาทกว่า เป็น กก.ละ 6.20-6.30 บาท รวมถึงต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบที่ปรับขึ้นเพิ่มขึ้นจาก กก.ละ 30 บาท เป็น 35 บาทนั้น ยังไม่เห็นหนังสือที่ยื่นเรื่องเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่การพิจารณาจะปรับเพิ่มราคาขายปลีกน้ำมันปาล์มหรือไม่ ต้องดูผลกระทบรอบด้าน เพราะหากเกิดผลกระทบวงกว้าง ก็ต้องดูระยะเวลาในการปรับราคาขึ้น ดูเวลาที่เหมาะสมด้วย เพราะหากต้นทุนปาล์มดิบยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามที่ทางผู้ประกอบการอ้าง ก็ต้องดูมาตรการให้ความช่วยเหลือ
นายบุญทรงกล่าวว่า สำหรับการดำเนินโครงการ 1 ร้านธงฟ้า 1 ชุมชน ตามนโยบายของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อช่วยลดภาระด้านค่าครองชีพให้กับประชาชนนั้น กระทรวงพาณิชย์เตรียมที่จะนำเสนอแผนการดำเนินการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันนี้ (13 มี.ค.) เพื่อเร่งรัดการเปิดแหล่งขายสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารปรุงสำเร็จราคาถูกโดยเร็ว
ทั้งนี้ อาจจะมีการรีแบรนด์ หรือปรับรูปแบบธงฟ้าในโครงการใหม่ ให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น โดยอาจใช้ชื่อใหม่ ไม่ใช้ชื่อธงฟ้าเหมือนเดิม แต่ชื่อที่แน่ชัดต้องรอเสนอครม.ก่อน เพื่อให้มีความเห็นที่ตรงกัน โดยยืนยันว่า ไม่เปลี่ยนชื่อเป็นร้านธงแดงแน่นอน แต่หากเป็นจริง ผู้บริโภคคงไม่เลือกว่าจะเป็นสีไหน ขอให้มีของราคาถูกขายก็พอ
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายในการขยายร้านอาหารธงฟ้าทั่วประเทศ 8,000 ร้าน โดยในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งเป้าหมายไว้ 1,000 แห่ง ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว 720 แห่ง ส่วนภูมิภาคตั้งเป้าหมายไว้ 7,000 แห่ง ขณะนี้ได้ดำเนินการแล้ว 3,500 แห่ง โดยจะนำเสนอครม. ของบเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการเพิ่มร้านอาหารธงฟ้าให้เป็นไปตามเป้าหมาย รวมถึงจัดหาวัสดุ วัตถุดิบให้กับร้านอาหารธงฟ้า
