xs
xsm
sm
md
lg

สื่อตีข่าวดอดคุยพูโล มัด"ทักษิณ"จุ้น "ทวี"ปัดแค่คุยร้านต้มยำกุ้งไม่ใช่โจร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน -นสพ.มาเลย์ฯ เผยข่าว “ทักษิณ” อ้างเป็นที่ปรึกษา “ยิ่งลักษณ์” บินพบ "ฮาซัน ตอยิบ" แกนนำพูโลเมื่อ 18 มี.ค. ที่ ร.ร.แกรนด์ คอนติเนนตัล กัวลาลัมเปอร์แต่คว้าน้ำเหลวก่อนเกิดคาร์บอมบ์ "แม้ว" ปากแข็ง อ้างเป็นแค่คนตกงานไม่มีสิทธิ์ยุ่งเกี่ยว แต่หนุนให้เจรจา ด้าน "ทวี สอดส่อง"โวยไม่เคยเจรจาแกนนำพูโล "มาร์ค" ท้า "แม้ว" โชว์พาสปอร์ตเข้ามาเลเซียกี่ครั้ง ไปทำอะไร

เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2555 หนังสือพิมพ์รายวันกวงหัว (Kwong Wah) หนังสือพิมพ์ภาษาจีนที่เผยแพร่ในประเทศมาเลเซีย โดยผู้สื่อข่าวนามหลี่ เจิ้นเหวย ได้ตีพิมพ์รายงานพิเศษเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย ซึ่งเมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายวางระเบิดใหญ่ในพื้นที่ 2 จังหวัดคือ จ.ยะลา และ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จนทำให้มีผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก

นสพ.กวงหัว อ้างคำให้สัมภาษณ์ของสมาชิกสภาที่ปรึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ระบุชัดเจนว่าก่อนเกิดเหตุก่อการร้ายดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ต้องคำพิพากษาจำคุก 2 ปีจากศาลฎีกาแต่หลบหนีการลงโทษ ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ชายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบันได้เปิดการเจรจากับผู้นำองค์กรปลดปล่อยสหปัตตานี (พูโล) เมื่อวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทว่าประสบความล้มเหลว รายงานชิ้นดังกล่าวมีเนื้อหาดังนี้

"อดีตนายกฯ ทักษิณบินพบหัวหน้ากลุ่มพูโลที่กัวลาลัมเปอร์ เจรจาสงบศึกเหลว"

“เพื่อคลี่คลายการก่อเหตุความไม่สงบจากกองกำลังแบ่งแยกดินแดนมุสลิมทางตอนใต้ของประเทศไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ได้เปิดการเจรจากับผู้นำของขบวนการพูโลเมื่อเดือนมีนาคม ทว่า เนื่องจากจุดยืนของทั้งสองฝั่งที่แตกต่างกัน และข้อจำกัดบางประการ ทำให้การเจรจาล้มเหลว

จากการเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล (สมาชิกสภาที่ปรึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ สภาที่ปรึกษา ศอ.บต.) ระบุว่า การเจรจาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ณ โรงแรมแกรนด์ คอนติเนนตัล กัวลาลัมเปอร์ (Hotel Grand Continental Kuala Lumpur) โดย พ.ต.ท.ทักษิณเข้าร่วมการเจรจาในนามของ ‘กลุ่มคลังสมองที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีไทย’ ขณะที่ฝ่ายขบวนการพูโลที่ร่วมเจรจา คือ นายฮาซัน ตอยิบผู้นำกลุ่มพูโล

เขากล่าวว่า ในการเจรจาดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้ร้องขอพบผู้นำกลุ่มพูโลด้วยตัวเอง โดยหลังจากที่น้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย พ.ต.ท.ทักษิณก็ประกาศตนเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มคลังสมองที่ปรึกษานายกรัฐนตรีไทย และว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ใช้สถานะในการเป็นที่ปรึกษาช่วยประคับประคองอำนาจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งการคลี่คลายสถานการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ก็เป็นเป้าหมายหนึ่งของการรักษาอำนาจดังกล่าว

‘ทว่า เนื่องจากกองกำลังอิสระของพูโลไม่ยอมรับข้อเสนอในการประนีประนอมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของกลุ่ม ในที่สุดการเจรจาจึงต้องล้มเหลวลง’

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามถึงรายละเอียดและเงื่อนไขของการเจรจานายไชยยงค์ไม่ยอมเปิดเผย ทว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษกับหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับการวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ความไม่สงบทางตอนใต้ของไทย เขากล่าวว่า กลุ่มแบ่งแยกดินแดนมุสลิมทางตอนใต้ของไทยแบ่งเป็นสองกลุ่มคือ ขบวนการพูโล และ ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (บีอาร์เอ็น; ผู้สื่อข่าวของ นสพ.กวงหัวใช้ชื่อย่อว่า บีอาร์เอ็ม) ซึ่งถ้าหากรัฐบาลไทยต้องการคลี่คลายสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ก็ต้องพูดคุยกับทั้งสองกลุ่ม

เขากล่าวว่า สองขบวนการนี้เป็นคนละกลุ่มกัน แต่ก็มีการติดต่อและไปมาหาสู่กัน ถึงปัจจุบันกลุ่มพูโลไม่ค่อยมีบทบาทเท่าใดแล้วในประเทศไทย แต่ในระดับสากลยังมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ขณะที่กลุ่มบีอาร์เอ็นกลับถูกชี้ว่าเป็นกลุ่มที่ก่อความรุนแรงในพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศไทยอย่างไม่หยุดหย่อน ถ้ารัฐบาลไทยสามารถเจรจากับกลุ่มพูโลได้สำเร็จ บนเส้นทางการสร้างความสงบในพื้นที่ภาคใต้ ไทยก็จะก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ในวันนั้นการเจรจาของทักษิณไม่ประสบผลใดๆ

เขากล่าวว่า เหตุระเบิดที่หาดใหญ่และยะลาเมื่อวันเสาร์ (31 มี.ค.) เป็นการก่อเหตุของสมาชิกกลุ่มบีอาร์เอ็น โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รายชื่อของผู้ที่ก่อเหตุ 2 คนแล้ว ทั้งนี้ นายไชยยงค์มีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย และหัวหน้าศูนย์ข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ภาคใต้ตอนล่าง โดยเนื่องจากเขาเป็นนักข่าวอาวุโสทางตอนใต้ของไทย และยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาที่ปรึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย

กลุ่มบีอาร์เอ็นใช้การก่อการร้ายหวังแยกตัวเป็นอิสระ ไชยยงค์ชี้รัฐไม่ยอมแน่

นายไชยยงค์ชี้ว่า ในช่วงที่ผ่านมา แผนการก่อความไม่สงบของ ‘กลุ่มบีอาร์เอ็น’ คือต้องการใช้ระยะเวลาในช่วง 10 ปี ระหว่างปี 2555-2565 เพื่อขับไล่ชาวจีนโพ้นทะเลและชาวไทยเชื้อสายจีนออกจากพื้นที่จังหวัดยะลา ปัตตานีและนราธิวาส และรวม 3 จังหวัดนี้เป็นเขตปกครองตนเองพิเศษ ก่อนก้าวไปสู่การเป็นอิสระต่อไป

เขากล่าวว่า จุดยืนของรัฐบาลไทยคือไม่ยินยอม และไม่เห็นด้วยอย่างสิ้นเชิงในการที่ ‘กลุ่มบีอาร์เอ็น’ จะดำเนินการแยกพื้นที่ทางตอนใต้ของประเทศออกเป็นอิสระ ด้วยเหตุนี้ ‘กลุ่มบีอาร์เอ็น’ จึงใช้ความรุนแรงก่อความไม่สงบอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว และคาดว่าการก่อการร้ายทางตอนใต้ของประเทศไทยจะเกิดขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนต้องอาศัยอยู่อย่างหวาดกลัว และชีวิตต้องตกอยู่ภายใต้การคุกคามตลอดเวลา

เขากล่าวว่า ณ เวลานี้รัฐบาลไทยก็จนปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจากเป้าหมายสุดท้ายของกลุ่มกองกำลังแบ่งแยกดินแดนมุสลิมเหล่านี้ที่ต้องการเป็นอิสระจากการควบคุมของรัฐบาล และต้องการปกครองตนเอง หรือกระทั่งต้องการตั้งประเทศของตัวเองเหมือนติมอร์ตะวันออก ถึงทุกวันนี้รัฐบาลไทยก็ยังหาหนทางในการจัดการปัญหาดังกล่าวไม่เจอ

นายไชยยงค์ระบุด้วยว่า ระหว่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ความผิดพลาดที่สุดของเขาก็คือ ใช้กำลังเข้าจัดการกับกองกำลังแบ่งแยกดินแดนชาวมุสลิมเหล่านี้ ซึ่งการใช้กำลังดังกล่าวในเวลาต่อมาส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาสะท้อนกลับและได้ผลตรงกันข้ามกับที่ต้องการ ก่อให้เกิดการก่อการร้ายมากขึ้น และทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ กองกำลังบีอาร์เอ็นก่อตั้งขึ้นมากว่า 40 ปีแล้ว ทั้งยังมีอายุยาวนานกว่าขบวนการพูโล ทว่าขาดเป้าหมายที่แน่ชัด อีกทั้งจำนวนสมาชิกไม่ชัดเจน ใช้ประโยชน์จากความเชื่อด้านศาสนาในการชักจูงคนเข้าร่วม โดยเริ่มล้างสมองคนตั้งแต่อนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษา สมาชิกถูกปลูกฝังแนวความคิดนิยมความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเมื่อพวกเขาอายุครบ 21 ปีจึงกลายเป็นกำลังพลใหม่ที่เข้ามาก่อความรุนแรงต่อไป

นายไชยยงค์ กล่าวว่า กองกำลังบีอาร์เอ็นไม่มีระบบการจัดการอีกทั้งยังไร้ทิศทาง ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้เมื่อเร็วๆ นี้ เป็นเพียงแค่บีอาร์เอ็นต้องการใช้ความรุนแรงเพื่อแสดงให้สมาชิกเห็นถึงศักยภาพของกองกำลัง ขณะที่ในชีวิตประจำวันเหล่าสมาชิกบีอาร์เอ็นล้วนไม่ได้มีพฤติกรรมเลวร้าย ทุกคนมีงานทำ ภายนอกเป็นประชาชนธรรมดา ต่อเมื่อพวกเขาได้รับคำสั่งจากผู้นำจึงค่อยเปิดฉากก่อการร้ายขึ้น

เขากล่าวว่า กองกำลังบีอาร์เอ็นได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวมุสลิมนอกประเทศด้วย นอกจากนี้ ปกติกองกำลังบีอาร์เอ็นมักจะประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น ค้ายาเสพติด ลักลอบค้าน้ำมันเถื่อน ค้ามนุษย์ เป็นต้น เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินทุนที่มีไว้สำหรับค่าใช้จ่ายในโรงเรียนสอนศาสนาและค่าใช้จ่ายของกองกำลังเป็นหลัก

รัฐบาลไทยได้พยายามหาวิธีการต่างๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ของประเทศไทย รวมทั้งเรียกร้องให้ชาวมุสลิมในขบวนการแบ่งแยกดินแดนออกมาเจรจา เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายต่อประชาชนมากขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่

นายไชยยงค์ เปิดเผยว่า ‘ขบวนการพูโล’ ได้เปิดฉากการเจรจาข้อตกลงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยยื่นข้อเสนอว่าหากต้องการให้สลายขบวนการพูโล อันดับแรกต้องยอมให้ผู้ก่อการร้ายที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศสามารถกลับประเทศได้ ขณะเดียวกันต้องตั้งให้คนกลุ่มนี้เป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ทำงานร่วมกับรัฐบาลไทย นอกจากนี้ยังเรียกร้องไม่ให้รัฐบาลใช้กฏหมายหรือบทลงโทษใดๆ มาจับกุมสมาชิกของขบวนการอีกด้วย

‘ขบวนการพูโลยังต้องการตั้งโต๊ะเจรจากับรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการโดยมีสมาชิกของคณะมนตรีแห่งสหประชาชาติเป็นประจักษ์พยาน’

นายไชยยงค์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาขบวนการพูโลพยายามเสนอภาพเชิงลบของรัฐบาลไทยต่อนานาชาติ เมื่อกองกำลังบีอาร์เอ็นลงมือก่อความไม่สงบ ขบวนการพูโลซึ่งพยายามทำให้นานาชาติเข้าใจตลอดมาว่าทางการไทยปฏิบัติต่อชาวมุสลิมทางภาคใต้ด้วยความโหดร้ายทารุณ จึงได้ถือโอกาสนี้ ทำลายภาพลักษณ์ของรัฐบาลไทยด้วย

นอกจากนี้ นายไชยยงค์ ระบุว่าขบวนการพูโลยังต้องการเม็ดเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย รวมทั้งได้รับการปฏิบัติด้วยความเป็นธรรม ได้รับการศึกษาและความก้าวหน้าในภาคใต้ของประเทศไทย

ปัญหาใหญ่ที่สุดในภาคใต้ของประเทศไทยก็คือ กว่าครึ่งของประชากรใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่สนใจการเมือง คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่รัฐบาลไทยเป็นห่วงมากที่สุด เพราะเกรงว่าจะถูกชักจูงและปลุกระดมจาก กองกำลังบีอาร์เอ็น เพราะเข้าใจผิดว่าที่ผ่านมารัฐบาลกดขี่ข่มเหงประชาชน

นายไชยยงค์ ยังยกตัวอย่างว่า ชาว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ใน 100 คนจะมีคนเชื่อถือรัฐบาลไทยเพียง 20 คน อีก 30 คนเป็นสมาชิกบีอาร์เอ็น ส่วนที่เหลืออีก 50 คนไม่สนใจการเมือง ซึ่งใน 50 คนนี้มีความเป็นไปได้ตลอดเวลาที่จะหลงเชื่อข่าวลือ หลงเชื่อกองกำลังบีอาร์เอ็น ทำให้กองกำลังบีอาร์เอ็นบรรลุวัตถุประสงค์ที่จะแยกตัวเป็นอิสระในที่สุด

**"แม้ว"ปัดคุยพูโล

ด้านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์ระหว่างพักอยู่ที่ประเทศฮ่องกง ถึงเรื่องที่ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาเผยพร้อมแพร่ภาพ พ.ต.ท.ทักษิณ พบกับกลุ่มพูโล ซึ่งเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบทางภาคใต้ โดยพรรคฝ่ายค้าน ได้โยงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่จ.ยะลา และโรงแรมลี การ์เดนส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า " ผมมีสิทธิ์เกี่ยวข้องอะไรที่จะไปพูดคุย ผมมันแค่คนตกงาน สิ่งที่ผมทำได้ คือการขอความช่วยเหลือจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อป้องกันการก่อการร้าย"

อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะมีการเปิดเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบ

"ถ้าถามว่าควรมีการเจรจาไหม ผมเห็นว่าสมควรอย่างยิ่ง สงครามต้องสิ้นสุดกันที่โต๊ะเจรจา ไม่ใช่อยู่ในสมรภูมิ" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

**"ทวี"โวยการเมืองโยงมั่ว

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เปิดเผยว่า มีนักการเมือง และสื่อหลายแขนงนำเอาภาพที่ตนเอง และคณะเดินทางไปพบปะกับชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ไปประกอบอาชีพเปิดร้านอาหารในประเทศมาเลเซีย และ มีการรวมกลุ่มกัน เรียกว่า "ชมรมต้มยำกุ้ง" ว่าเป็นภาพที่ตนเดินทางไปเจรจากับ นาย ชำซูดิง คาน แกนนำขบวนการพูโล ทำให้เกิดความเข้าใจผิด มีการโยงมาถึงการวางระเบิดคาร์บอมบ์ ในเขตเทศบาลนครยะลา จ.ยะลา และที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ. สงขลา

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ภาพที่มีการเชื่อมโยงว่าตนและคณะไปเจรจา กับนายชำซูดิง คาน แท้จริงแล้ว เป็นภาพของนายวันซำซูดิน ดินวันฮูเซ็น ซึ่งเป็นตัวแทนของชมรมต้มยำกุ้ง เป็นคน จ.ยะลา และมีภรรยา เป็นชาวจ.นครศรีธรรมราช เรื่องที่ไปพูดคุยกัน เป็นเรื่องที่คนเหล่านี้ต้องการให้รัฐบาลมาเลเซีย ลดค่าใบอนุญาตการทำงาน หรือ เวิร์กเพอร์มิต ซึ่งตนเห็นว่าเป็นเรื่องดี ที่จะทำให้คนไทยเข้าไปทำงานอย่างถูกต้อง และเพิ่มรายได้ จึงไปพูดคุยรับฟังปัญหา โดยไปกันเป็นคณะ มีเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายของไทย และมีตัวแทนกงสุล ร่วมรับฟังด้วย

แต่เมื่อมีข่าวออกมาว่าเป็นภาพของการเจรจากับแกนนำพูโล จึงสร้างความเสียหายให้แกนายวันซำซูดิน ที่คนอาจเข้าใจผิดว่าเป็นแกนนำพูโล และที่น่าเป็นห่วงคือประเทศมาเลเซีย อาจจะเข้าใจผิด เพราะการสื่อสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงต้องการให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า ตนเองไม่เคยได้รับคำสั่งจากรัฐบาลหรือจากใคร ให้พูดคุยกับแกนนำแบ่งแยกดินแดน ไม่ว่าจะเป็นใคร และการเดินทางไปประเทศมาเลเซีย เป็นการไปพบกับชมรมต้มยำกุ้ง เพื่อแก้ปัญหาแรงงานเถื่อน และต้องการให้มาเลเซีย ลดค่าอนุญาตการทำงานให้แก่คนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น

"ผมขอยืนยันว่า มีภาพถ่ายที่ชัดเจนว่า นายวันชำซูดิน ดินวันฮูเซ็น กับ นายชำซูดิง คาน เป็นคนละคนกัน" พ.ต.อ.ทวี กล่าว

** ปชป.ถาม"แม้ว"ไปมาเลย์กี่ครั้ง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณออกมาปฏิเสธเรื่องการเจรจากับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ว่า ถ้ารัฐบาลไม่เริ่มต้นจากการยอมรับความจริงว่าอะไรเป็นผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้น จะแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะฉะนั้นตนยืนยันว่า ข้อมูลจากข่าวหลายแหล่ง ตรงกันว่ามีปัญหานี้เกิดขึ้นจริง และการทำโดยไม่รู้ ขาดความระมัดระวัง เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดสถานการณ์ในวันนี้ จึงอยากให้แก้ไขตามความเป็นจริง ซึ่งการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยอมรับว่ามีการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขอให้ช่วยเหลือ ก็ต้องต้องถามว่า ไปมาเลเซียกี่ครั้งและไปทำอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้ารัฐบาลให้คนที่มีสถานะเป็นนักโทษหนีคดีเป็นผู้เจรจาในเรื่องบ้านเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน จะส่งผลกระทบอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าโดยตัวสถานะของการเป็นนักโทษหนีคดี ก็มีปัญหาอยู่แล้ว แต่สำคัญกว่านั้นคือ ความไม่เข้าใจต่อความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ และการทำเพื่อหวังผลทางการเมือง หรือผลทางด้านอื่น เพราะความจริง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีเป้าหมายเรื่องการทำธุรกิจพลังงานกับประเทศมาเลเซียด้วย

ฉะนั้นตรงนี้คือ สิ่งที่รัฐบาลต้องถอยออกมาจากตรงนี้ให้หมด คลายปมตรงนี้ให้ได้ แล้วกลับบมาใช้นโยบาย สมช. และ ศอ.บต. ซึ่งตามกฎหมายรองรับอยู่แล้ว และเดินตามนั้นอย่างเคร่งครัดมากกว่าที่จะไปทำอย่างอื่น

**"แม้ว"เล็งธุรกิจพลังงาน

เมื่อถามว่ามีความกังวลว่า จะใช้งานด้านความมั่นคงไปหาประโยชน์จนเกิดปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนตามมาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับการยืนยันความเชื่อมโยงตรงนี้ แต่รับทราบว่า มีความพยายามจะทำธุรกิจพลังงานที่มาเลเซีย ขณะเดียวกันก็อาจทำเรื่องนี้ด้วยความคิดที่ว่า จะสามารถเปลี่ยนแปลงความผิดพลาดที่ทำไว้ตั้งแต่ปี 2544 ซึ่งมาเลเซีย ก็เป็นประเทศเพื่อนบ้าน คงจะช่วยเหลือไทยโดยฟังฝ่ายนโยบายของไทย แต่ถ้าฝ่ายนโยบายไปอยู่บนสมมติฐาน และการตั้งโจทย์ผิด หลักคิดผิด ก็จะทำให้การแก้ปัญหาวุ่นวายขึ้น

ทั้งนี้ หลักคิดเรื่องการเจรจาพูดคุยอยู่ในตัวนโยบายของ สมช.ไม่มีปัญหา แต่จะทำด้วยวิธีไหน อย่างไร ใครควรจะไปทำ และทำด้วยเงื่อนไขอะไร ทุกอย่างมีความละเอียดอ่อนมาก หากเอาคนที่ไม่รู้ แต่คิดว่าสามารถแก้ปัญหาที่ซับซ้อนได้ง่าย ๆ มาทำอย่างไม่รอบคอบ ว่าแต่ละฝ่ายมีที่มาที่ไป มีภูมิหลังอย่างไร ก็เกิดความผิดพลาดตามมา เพราะมีคนพยายามหวังผลทางการเมือง และพยายามจะเสนอความคิดที่ทำให้เกิดความสับสนไม่หยุด เช่นที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ยังมายืนยันเรื่องนครรัฐปัตตานี ทั้งๆ ที่ผู้เลือกตั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปฏิเสธแนวคิดนี้ ด้วยการไม่เลือกผู้แทนที่หาเสียงเรื่องนี้แม้แต่คนเดียว ในขณะที่พรรคการเมืองนั้น ชนะเลือกตั้งที่อื่นอย่างถล่มทลาย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า การเดินทางไปเจรจาของ พ.ต.ท.ทักษิณ กับทางมาเลเซียนั้น สอดคล้องกับจังหวะการไปเยือนมาเลเซีย ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ก็ยืนยันกับตนว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปยืนยันในสิ่งที่ทำ

**ผบ.ตร.ไม่รู้"แม้ว"คุยโจรใต้

ด้านพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร กล่าวถึงกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปเจรจา และถ่ายภาพร่วมกับแกนนำผูก่อการร้ายในพื้นที่ภาคใต้ ที่มาเลเซีย ว่า ตนไม่ทราบ และไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้

ส่วนเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ ที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นั้น ยอมรับว่าในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา มีแนวร่วมผู้ก่อเหตุ เข้ามาอาศัยอยูในพื้นที่ อ.เทพา อ.สะบ้าย้อย และ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นจำนวนมาก

ส่วนผู้ที่ถูกออกหมายจับในคดีดังกล่าว ทราบว่าเคยถูกออกหมายจับมาก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะเร่งดำเนินการสืบสวนขยายผล เพื่อจับกุมกลุ่มแนวร่วมให้ได้ รวมทั้งต้องเฝ้าระวังด้านการข่าวอย่างใกล้ชิด

**หาดใหญ่สู่ภาวะปกติหลังบึ้ม

ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ ที่โรงแรมลี การ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ สถานการณ์ในพื้นที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยในส่วนของโรงแรม และห้างสรรพสินค้า ลี การ์เดนส์ พลาซ่า ที่ถูกลอบวางระเบิด มีการเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดเสร็จแล้ว และเริ่มลงมือซ่อมแซมโครงสร้างอาคารที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะในส่วนของห้างสรรพสินค้า หลังจากที่ได้มีการยกเลิกประกาศห้ามใช้อาคาร เนื่องจากผลการตรวจสอบพบว่าโครงสร้างยังแข็งแรง

โดยได้ระดมพนักงานเตรียมความพร้อมในส่วนของโรงแรม เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดได้เร็วขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว และบรรยากาศการท่องเที่ยวของ อ.หาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม ทางอ.หาดใหญ่ ยังคงเปิดจุดรับแจ้ง เพื่อขอรับการช่วยเหลือเยียวยาที่ด้านหน้าโรงแรมโดยจะเริ่มย้ายไปยังที่ว่าการอำเภอหาดใหญ่ ในวันที่ 11 เม.ย.นี้

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ตัวเมืองหาดใหญ่ ยังคงมีการเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด บนเส้นทางเข้าออกทั้ง 47 สาย เพื่อเฝ้าระวังรถคาร์บอมบ์อีก 5 คัน และจับตารถที่สวมแผ่นป้ายทะเบียนปลอม 12 แผ่น ซึ่งได้มีการนำป้ายไปตั้งไว้ที่จุดตรวจทุกจุด

ส่วนความคืบหน้าการติดตามจับกุมคนร้ายสองคน คือ นายเสรี แวมามุ และ นายรุสลัน ใบมะ แนวร่วมใน จ.สงขลา ที่เชื่อว่าเป็นคนร้ายตามภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะนี้ยังไม่สามารถจับกุมได้ แต่ได้มีการประสานข้อมูลไปยังพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหว หาที่กบดานซึ่งเชื่อว่ายังอยู่ในประเทศ

**ยัน“เสรี”1ในมือคาร์บอมบ์

ด้าน พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า หลังจากที่ศาล จ.สงขลา ได้ออกหมายจับสองผู้ต้องหาตามภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งคาดว่า เป็น นายเสรี แวมามุ และ นายรุสลัน ใบมะ 2 แนวร่วมใน จ.สงขลา

ล่าสุด จากการสอบสวนพยานยืนยันแน่ชัดแล้วว่า หนึ่งในผู้ต้องหาคนที่หนึ่ง ที่ปรากฏในภาพคือนายเสรี แวมามุ มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 123 ม.6 ต.ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติ มีหมายจับติดตัว 12 คดี ส่วนอีกคนยังรอพยานยืนยันว่าใช่ นายรุสลัน ใบมะ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 ม.6 ต.บ้านนา อ.จะนะ จ.สงขลา หรือไม่ ซึ่งได้เร่งรัดให้พนักงานสอบสวนออกหมายจับนายเสรี โดยเร็วที่สุด ซึ่งอย่างช้าไม่เกิน 2 วัน พร้อมกับได้สั่งการให้ตำรวจเร่งติดตามจับกุม

** ตั้ง 8 ข้อหาหนัก “เสรี แมมามุ”

รายงานข่าวล่าสุดแจ้งว่า ศาลจังหวัดสงขลาได้ออกหมายจับ นายเสรี แวมามุ แล้วหลังมีพยานยันยันชัดแล้วว่า เป็นผู้ต้องหาคนที่หนึ่งที่ปรากฏในภาพกล้องจรปิด ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติ มีหมายจับติดตัว 12 คดี ส่วนอีกคนยังรอพยานยืนยันว่าใช่ นายรุสลัน ใบมะ หรือไม่

โดยนายเสรี ได้ถูกตั้งข้อหา 8 ข้อหา คือร่วมกันฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ และทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย , ร่วมกันก่อการร้าย , ร่วมกันสะสมกำลังพลหรืออาวุธ หรือรวบรวมทรัพย์สิน หรือกระทำผิดใดๆ อันเป็นส่วนของแผนการก่อการร้าย หรือรู้ว่ามีการก่อการร้ายแล้วกระทำการใดๆ อันเป็นการช่วยปกปิดไว้ , ร่วมกันเป็นอั้งยี่ , ร่วมกันเป็นซ่องโจรเพื่อการก่อการร้าย และร่วมทำมีใช้วัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์


กำลังโหลดความคิดเห็น