ASTVผู้จัดการรายวัน-ผัก ผลไม้ อาหารแพง ดันเงินเฟ้อมี.ค.พุ่ง 3.45% สูงสุดในรอบปี ส่งผลไตรมาสแรกเงินเฟ้อเพิ่ม 3.39% “พาณิชย์”เป็นห่วงน้ำมันแพง ทำเงินเฟ้อปรอทแตก ทั้งปีเกินเป้า 3.8% ส่วนขึ้นค่าแรงกระทบเงินเฟ้อแค่ 0.1%
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือนมี.ค.2555 เท่ากับ 114.30 สูงขึ้น 3.45% เทียบกับมี.ค.ปีที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับก.พ.ที่ผ่านมา สูงขึ้น 0.59% ส่งผลให้เงินเฟ้อ 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) 2555 สูงขึ้น 3.39% โดยสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเป็นผลจากดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 7.07% สินค้าสำคัญราคาแพงขึ้น เช่น ผักสดและผลไม้ เพิ่มขึ้น 10.41% เครื่องประกอบอาหาร 9.38% อาหารบริโภคในบ้าน 11.59% อาหารบริโภคนอกบ้าน 6.54% เนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำ 3.75% ส่วนดัชนีหมวดไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 1.23% เป็นผลมาจากราคาน้ำมันแพงขึ้น 2.63%
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายการสินค้า พบว่าสินค้าที่ราคาแพงขึ้นเทียบกับมี.ค.ปีที่ผ่านมา ได้แก่ ข้าวสารหอมมะลิบรรจุถุง (5 กก.) ราคาเพิ่มขึ้น 3.45% ผักสดเพิ่มขึ้น 12.87% เช่น มะนาว ราคาเพิ่มจาก 4.03 บาท/ผล เป็น 6.03 บาท/ผล คึ่นช่าย 77.25 บาท/กก. เป็น 97.51 บาท/กก. ผักชี 95.42 บาท/กก. เป็น 113.35 บาท/กก. ต้นหอม 58.10 บาท/กก. เป็น 68.46 บาท/กก. ผักกาดขาว 28.83 บาท/กก. เป็น 31.12 บาท/กก. ผลไม้สดราคาเพิ่มขึ้น 13.96% โดยเฉพาะส้มเขียวหวานราคาจาก 55.93 บาท/กก. เป็น 61.90 บาท/กก.
สำหรับอาหารสำเร็จรูป ราคาเพิ่มขึ้น 9.33% ได้แก่ ข้าวราดแกงราคาจาก 29.47 บาท/จาน เป็น 29.73 บาท/จาน ข้าวผัด จาก 31.14 บาท/จาน เป็น 31.44 บาท/จาน ก๋วยเตี๋ยว 28.72 บาท/จาน เป็น 28.88 บาท/จาน ข้าวมันไก่ 30.10 บาท/จาน เป็น 30.48 บาท/จาน กับข้าวปรุงสำเร็จ 26.42 บาท/ถุง เป็น 26.82 บาท/ถุง เครื่องประกอบอาหารเพิ่มขึ้น 1.55% อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหมวดอาหารที่ลดลง เช่น เนื้อหมู ลด 1.69% โดยราคาเนื้อสะโพก และไหล่ ราคา 110 บาท/กก. และไข่ไก่ลด 1.15% ไข่เบอร์ 2 อยู่ที่ 3.50-3.80 บาท/ฟอง
ส่วนสินค้าของใช้ส่วนบุคคล ราคาเพิ่มขึ้น 1.55% สินค้าสำคัญราคาแพงขึ้น เช่น แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน น้ำยาระงับกลิ่นกาย ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย และผ้าอนามัย ส่วนหมวดพลังงานที่อยู่นอกเหนือการดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ ค่าไฟฟ้า ราคาเพิ่มขึ้น 12.10% ค่าน้ำประปาเพิ่ม 4.24% น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม 2.63%
นายยรรยงกล่าวว่า ปัจจัยที่จะกระทบกับเงินเฟ้อในปีนี้ ที่น่าห่วงที่สุด ก็คือ ราคาน้ำมัน ซึ่งกระทรวงฯ ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบที่ใช้เป็นฐานคำนวณเงินเฟ้อขึ้นมา 3 รูปแบบ ได้แก่ หากระดับราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 120-130 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กระทบเงินเฟ้อ 0.1% จะทำให้เงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 3.9% หากระดับราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 130-150 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะกระทบเงินเฟ้อ 0.1-0.5% ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ 3.9-4.4% และหากน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 150-200 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กระทบเงินเฟ้อ 0.5-1.7% ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ 4.4-4.5% แต่เชื่อว่าระดับราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบน่าจะอยู่สมมุติฐานแรก คือ ไม่เกิน 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ไม่เกินเป้าหมายทั้งปีที่กำหนด 3.8%
ส่วนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท/วัน หากมีการปรับขึ้นค่าจ้างเต็มที่ จะกระทบเงินเฟ้อเพียงแค่ 0.1% เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง มีการปรับขึ้นนำร่องแค่ 7 จังหวัด และที่เหลือเป็นการทยอยขึ้น
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ (เงินเฟ้อ) เดือนมี.ค.2555 เท่ากับ 114.30 สูงขึ้น 3.45% เทียบกับมี.ค.ปีที่ผ่านมา และเมื่อเทียบกับก.พ.ที่ผ่านมา สูงขึ้น 0.59% ส่งผลให้เงินเฟ้อ 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) 2555 สูงขึ้น 3.39% โดยสาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นเป็นผลจากดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 7.07% สินค้าสำคัญราคาแพงขึ้น เช่น ผักสดและผลไม้ เพิ่มขึ้น 10.41% เครื่องประกอบอาหาร 9.38% อาหารบริโภคในบ้าน 11.59% อาหารบริโภคนอกบ้าน 6.54% เนื้อสัตว์ เป็ดไก่และสัตว์น้ำ 3.75% ส่วนดัชนีหมวดไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น 1.23% เป็นผลมาจากราคาน้ำมันแพงขึ้น 2.63%
ทั้งนี้ เมื่อแยกเป็นรายการสินค้า พบว่าสินค้าที่ราคาแพงขึ้นเทียบกับมี.ค.ปีที่ผ่านมา ได้แก่ ข้าวสารหอมมะลิบรรจุถุง (5 กก.) ราคาเพิ่มขึ้น 3.45% ผักสดเพิ่มขึ้น 12.87% เช่น มะนาว ราคาเพิ่มจาก 4.03 บาท/ผล เป็น 6.03 บาท/ผล คึ่นช่าย 77.25 บาท/กก. เป็น 97.51 บาท/กก. ผักชี 95.42 บาท/กก. เป็น 113.35 บาท/กก. ต้นหอม 58.10 บาท/กก. เป็น 68.46 บาท/กก. ผักกาดขาว 28.83 บาท/กก. เป็น 31.12 บาท/กก. ผลไม้สดราคาเพิ่มขึ้น 13.96% โดยเฉพาะส้มเขียวหวานราคาจาก 55.93 บาท/กก. เป็น 61.90 บาท/กก.
สำหรับอาหารสำเร็จรูป ราคาเพิ่มขึ้น 9.33% ได้แก่ ข้าวราดแกงราคาจาก 29.47 บาท/จาน เป็น 29.73 บาท/จาน ข้าวผัด จาก 31.14 บาท/จาน เป็น 31.44 บาท/จาน ก๋วยเตี๋ยว 28.72 บาท/จาน เป็น 28.88 บาท/จาน ข้าวมันไก่ 30.10 บาท/จาน เป็น 30.48 บาท/จาน กับข้าวปรุงสำเร็จ 26.42 บาท/ถุง เป็น 26.82 บาท/ถุง เครื่องประกอบอาหารเพิ่มขึ้น 1.55% อย่างไรก็ตาม มีสินค้าหมวดอาหารที่ลดลง เช่น เนื้อหมู ลด 1.69% โดยราคาเนื้อสะโพก และไหล่ ราคา 110 บาท/กก. และไข่ไก่ลด 1.15% ไข่เบอร์ 2 อยู่ที่ 3.50-3.80 บาท/ฟอง
ส่วนสินค้าของใช้ส่วนบุคคล ราคาเพิ่มขึ้น 1.55% สินค้าสำคัญราคาแพงขึ้น เช่น แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน น้ำยาระงับกลิ่นกาย ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย และผ้าอนามัย ส่วนหมวดพลังงานที่อยู่นอกเหนือการดูแลของกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ ค่าไฟฟ้า ราคาเพิ่มขึ้น 12.10% ค่าน้ำประปาเพิ่ม 4.24% น้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม 2.63%
นายยรรยงกล่าวว่า ปัจจัยที่จะกระทบกับเงินเฟ้อในปีนี้ ที่น่าห่วงที่สุด ก็คือ ราคาน้ำมัน ซึ่งกระทรวงฯ ได้คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบที่ใช้เป็นฐานคำนวณเงินเฟ้อขึ้นมา 3 รูปแบบ ได้แก่ หากระดับราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้อยู่ที่ 120-130 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กระทบเงินเฟ้อ 0.1% จะทำให้เงินเฟ้อปีนี้อยู่ที่ 3.9% หากระดับราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 130-150 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะกระทบเงินเฟ้อ 0.1-0.5% ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ 3.9-4.4% และหากน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 150-200 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล กระทบเงินเฟ้อ 0.5-1.7% ทำให้เงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ 4.4-4.5% แต่เชื่อว่าระดับราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบน่าจะอยู่สมมุติฐานแรก คือ ไม่เกิน 120 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ไม่เกินเป้าหมายทั้งปีที่กำหนด 3.8%
ส่วนการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท/วัน หากมีการปรับขึ้นค่าจ้างเต็มที่ จะกระทบเงินเฟ้อเพียงแค่ 0.1% เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง มีการปรับขึ้นนำร่องแค่ 7 จังหวัด และที่เหลือเป็นการทยอยขึ้น