xs
xsm
sm
md
lg

“สมศักดิ์” กดดันปรองดอง แก้เกมสั่งบรรจุรายงานกมธ. 4 เม.ย.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้มีหนังสือด่วนมาก ที่ สผ 0014/ผ 46 นัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 4 เมษายน เวลา 13.00-21.00 น. และวันที่ 5 เม.ย. เวลา 10.00-18.00 น.
โดยมีวาระสำคัญ คือ (4) เรื่องที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาเสร็จแล้ว เรื่องที่ 4.2 รายงานของ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดองแห่งชาติ ที่มี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน ซึ่ง กมธ.วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยรายงานดังกล่าวซึ่งมีจำนวน 54 หน้า เป็นฉบับเดียวกับที่ที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบให้สภาพิจารณาในสมัยประชุมนิติบัญญัติได้ แม้จะถูกทักท้วงจากฝ่ายค้านว่า รายงานดังกล่าวยังไม่ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม กมธ.ก็ตาม นอกจากนี้ยังเรื่องด่วน ซึ่งประกอบด้วยร่าง พ.ร.บ.อีก 32 ฉบับ
วันคล้ายเดียวกัน เป็นวันเกิดของ นายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีอายุ ครบ 79 ปี ในวันนี้นั้น ( 1 เมษายน) นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ได้นำหัวหน้าส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชน เข้าอวยพรในวันคล้ายวัน ที่บ้านพัก อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแก้ว นอกจากนี้ มีรัฐมนตรี ส.ส. เพื่อไทย และหน่วยงานในพื้นที่สระแก้ว เข้าร่วมอวยพรกันอย่างเนืองแน่น
นายเสนาะ เทียนทอง จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ตนเข้ามาเล่นการเมืองไม่น้อยกว่า 40 ปี แล้ว ขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงบ้านเมือง ประชาชนในชาติต้องรักสามัคคีกันให้มาก หลายคนเมื่อได้รับตำแหน่งใหญ่โตแล้ว ไม่รู้จักแพ้ คิดและหวังโค่นล้มอย่างเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ประเทศชาติก็ก้าวไปไม่ได้ รัฐธรรมนูญมีมากมายหลายฉบับ แต่ไม่ปฏิบัติตามจะเกิดประโยชน์อะไร ขณะที่การปรองดองเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าไม่หันหน้าเข้าหากันก็ไม่สำเร็จ ดังนั้น หากต้องการให้บ้านเมืองมีความสามัคคี ทุกคนต้องปรองดอง ประเทศชาติจึงจะอยู่ได้ ซึ่งวันคล้ายวันเกิดของตนก็อยากเห็นความสงบในบ้านเมืองของเรา
อีกด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานพิธียกช่อฟ้าพระวิหารพระทิพยอำนาจ ณ วัดสำราญนิเวศ (พระอารามหลวง) ต.บุ่ง อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ พร้อมคณะ โดยมีนางยุพิน โลหะชาติ ว่าที่ผู้สมัคร นายก อบจ.พร้อมแกนนำมาให้การต้อนรับ มีประชาชนเดินทางมาต้อนรับจำนวนมาก
รัฐบาลจะออก พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อให้ประเทศไทยกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในเร็วๆนี้ รัฐบาลมองเห็นว่า ไม่มีช่องทางใดที่จะแก้ปัญหาของชาติได้ดีเท่ากับระบบรัฐสภา ซึ่งประเทศไทยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แม้กระทั่งอดีตหัวหน้าคณะปฏิวัติ 19 กันยา ยังให้ความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องปรองดองครั้งนี้ ดังนั้น พรรค ปชป.ควรฟังเสียงของสังคมและเคารพเสียงส่วนมากตามระบอบประชาธิปไตยด้วย
อีกด้าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และสมาชิกบ้านเลขที่ 111 กล่าวว่า การปรองดองนั้นจะต้องให้ทุกฝ่ายหันมาปรองดอง โดยต้องฟังความเห็นหลายฝ่ายแล้วมาชั่งน้ำหนัก หากมีการตั้งป้อมเพื่อค้านบางเรื่องไม่รับฟังก็จะทำให้การปรองดองสะดุดได้ ซึ่งการพูดคุยกันในสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 4 เม.ย.นี้ ตนคิดว่าน่าจะใช้เป็นเวทีทำความเข้าใจกับประชาชน ทั้งนี้สังคมผู้รู้ต้องช่วยกันให้เห็นความจำเป็นในการปรองดอง จะให้ฝ่ายการเมืองพูดคุยกันก็ได้ แต่ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้กว้างกว่าฝ่ายการเมือง ซึ่งความขัดแย้งมีทั้งฝ่ายผู้มีอำนาจในระบบโดยตรงและนอกระบบที่มีความขัด แย้งซับซ้อนที่เราอาจมองไม่เห็น
นายจาตุรนต์ยังเห็นว่า กรณีพล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ พูดคุยกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษจะยุติปัญหาความขัดแย้งคงไม่เกิดขึ้นเพราะความขัดแย้งไม่ได้เกิดขึ้นเพียง 2 ท่านนี้เท่านั้นแต่สังคมไทยมีความขัดแย้งที่มาจากกลุ่ม หรือฝ่ายที่สลับซับซ้อนอยู่ ซึ่งต้องดูว่าแนวคิดฝ่ายไหนก่อนและต้องมีกระบวนการพูดจากัน จะยึดตัวบุคคลในการแก้ปัญหาไม่ได้ และเชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ และพล.อ.เปรม คงจะไม่มีการพูดคุยกันจริง หากแม้จะมีการพูดคุยกันก็ไม่มีทางการแก้ความขัดแย้งได้ และไม่เห็นว่าเป็นไปได้ เกรงว่าการเสนอแนวทางนี้อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ คน 2 ท่านนี้ แต่ปัญหาสังคมความขัดแย้งมีความซับซ้อนมากกว่านั้น.
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวอย่างเรื่องรายงานของคณะผู้วิจัยของสถาบันพระปกเกล้า ก็เช่นกัน มันก็เป็นเพียงรายงานปรองดองฉบับหนึ่งที่เสนอมาเป็นทางเลือก เป็นกรณีศึกษาเท่านั้น แต่ก็ถูกสร้างกระแส ว่าหากให้เข้าสภาฯ มาอาจจะรุนแรงกว่าเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อปี 2553 คนที่พูดก็ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วส่วนตัวได้อ่านรายงานฉบับนั้นหรือไม่ ส่วนการที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลเร่งเครื่องแก้ รธน.นั้น นายจตุพร ระบุว่า ตนก็รู้สึกแปลกใจตอนพรรค ปชป. เป็นรัฐบาลก็เห็นแก้ รธน.ได้โดยไม่ต้องถามประชาชน แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยจะแก้ รธน.บ้าง ก็ทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่จะให้มีการสอบถามจากประชาชน ดังนั้น ส่วนตัวขอให้เป็นเรื่องของพี่น้องประชาชนจะมีฉันทานุมัติจะดีกว่า เชื่อว่าพรรค ปชป.ไม่มีน้ำยาพอจะล้มรัฐบาลชุดนี้หรอก
นายพร้อมพงษ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการขยายเวลาการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยนิติบัญญัติที่จะครบกำหนดในวันที่ 18 เมษายนนี้ ว่า การขอขยายเวลาในครั้งนี้ไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองแต่อย่างใด ซึ่งสาเหตุที่ต้องยืดเวลานั้น เนื่องจากยังมีกฎหมายหลายเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และการที่พรรคประชาธิปัตย์ออกมาระบุว่า การขอยืดเวลาดังกล่าวก็เพื่อต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เป็นความจริงเช่นกันและไม่อยากให้ฝ่ายค้านตีรวน โดยทำการวอร์คเอ้าท์ออกจากที่ประชุมทุกครั้ง
ทั้งนี้ นายพร้อมพงษ์ ยังปฏิเสธถึงกระแสข่าวกาวจัดตั้งพรรคเพื่อธรรมเพื่อเป็นพรรคสำรองแทนพรรคเพื่อไทยในอนาคต หากถูกยุบว่า ไม่เป็นความจริง ซึ่งการจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นถือเป็นเรื่องอุดมการณ์ทางการเมืองที่อดีตสมาชิกของพรรค อยากมีช่องทางในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออกทางการเมือง และยืนยันว่าการจัดตั้งพรรคดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยรวมถึงขอให้พี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยไม่ต้องวิตกกังวลว่าพรรคจะถูกยุบ เนื่องจากยังไม่มีการกระทำผิดทางกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น