ASTVผู้จัดการรายวัน- ก.พลังงานมึนก๊าซฯเจดีเอหยุดจ่ายเหตุต้องซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ไตรมาส 2 ปี 2557 ทำให้โรงไฟฟ้าจะนะหยุดผลิตทันทีเหตุสวิตไปใช้น้ำมันไม่ได้ สั่ง กฟผ.ทำแผนใช้น้ำมันให้ได้ไม่เช่นนั้นไฟดับทั่วภาคใต้ช่วงต้นปี 2558 เผยก๊าซฯ พม่าหยุดจ่าย 8-17 เม.ย.ดันค่าไฟเพิ่ม 5 สตางค์ต่อหน่วย ดึง "ปู" เปิดแคมเปญดับไฟ 1 ชม.รณรงค์ประหยัดวันที่ 10 เม.ย.นี้
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารเชื้อเพลิงเพื่อรับมือแหล่งก๊าซเยตากุน สหภาพพม่าหยุดจ่ายก๊าซระหว่างวันที่ 8-17 เม.ย.55 วานนี้ (26 มี.ค.) ว่า ได้มอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปเร่งทำแผนรองรับการหยุดซ่อมระบบท่อก๊าซธรรมชาติครั้งใหญ่ของโครงการพัฒนาปิโตรเลียมร่วมไทย-มาเลเซียหรือ เจดีเอ เร่งด่วนซึ่งจะหยุดจ่ายก๊าซฯทั้งหมดกว่า 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันประมาณ 20 วันช่วงไตรมาส 2 ปี 2557 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าจะนะหยุดผลิตเพราะระบบไม่ได้ถูกออกแบบให้ปรับไปใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนได้ซึ่งหากไม่ดำเนินการใดๆ อาจทำให้ไฟฟ้าดับ(Blackout) ในพื้นที่ภาคใต้ได้ในปี 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่สำรองไฟต่ำมาก
“ โรงไฟฟ้าจะนะหน่วย 1 และ 2 ถูกออกแบบมาให้ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงไม่สามารถสวิตไปใช้น้ำมันเตาหรือดีเซลได้ซึ่งไฟจะหายไปทันที 1,460 เมกะวัตต์ จึงมอบให้กฟผ.ไปเร่งพิจารณาว่าจะต้องลงทุนอย่างไร ให้ปรับให้ไปใช้น้ำมันแทนแล้วนำเข้าบอร์ให้เร็วสุดเพราะขั้นตอนจะต้องผ่านกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ใช้เวลานานซึ่งปี 2557ยังไม่น่าห่วงเพราะไฟสำรองยังสูงแต่ปี 2558 จะต่ำมากไฟอาจ Blackout ในภาคใต้ถือเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ”นายณอคุณกล่าว
สำหรับกรณีก๊าซฯพม่าจากแหล่งเยตากุนหยุด 8-17 เม.ย.55 ได้หารือถึงแผนสำรองไว้ค่อนข้างเรียบร้อยแล้วโดยปริมาณก๊าซฯจะหายไปทั้งหมดรวมกับแหล่งยาดานาที่ปกติต้องนำมาผสมกันเป็น 1,100 เมกะวัตต์นั้นจะมีการนำก๊าซฯจากแหล่งบงกชมาเสริม 50 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และก๊าซฯจากเจดีเอจะจ่ายเพิ่มจากปัจจุบัน 420 ล้านลบ.ฟุตต่อวันเป็น 470-490 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน แอลเอ็นจีจะใช้ได้ทั้งหมด 200 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน เป็นต้นดังนั้นภาพรวมแล้วจะใช้น้ำมันเตาและดีเซลในการผลิตไฟฟ้าที่จะส่งผลต่อค่าเอฟทีประมาณ 5 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้นซึ่งผลกระทบดังกล่าวจะนำไปคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือเอฟทีในเดือนก.ย.-ธ.ค. 55 เนื่องจากรอบพ.ค.-ส.ค.นี้คงจะไม่ทัน
นายณอคุณกล่าวว่า เพื่อเป็นการรณรงค์การประหยัดไฟฟ้าช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ล่าสุดเกิดขึ้น 23 มี.ค.และอาจเกิดขึ้นอีกเพราะอากาศยังคงร้อนประกอบกับช่วงเม.ย.55 ก๊าซฯพม่าหยุดจ่ายแม้ว่าช่วงดังกล่าวความต้องการใช้ไฟไม่มากแต่เพื่อการประหยัดจึงได้มอบให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ไปจัดทำแคมเปญในการรณรงค์ร่วมดับไฟ 1 ชั่วโมงซึ่งเคยทำในอดีตมาดำเนินการในวันที่ 10 เม.ย.55 นี้โดยจะเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานในการรณรงค์
***ถกบอร์ดไทยออยล์สรุปคอมพ์ฉาว
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารบมจ.ปตท. กล่าวว่า การโยกย้าย 4 ผู้บริหารในปตท.และบริษัทในเครือในการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 23 มี.ค.55 ไม่จำเป็นจะต้องนำเสนอเข้าสู่การประชุมผู้ถือหุ้นแต่อย่างใดและเป็นการโยกย้ายเพราะครบวาระซึ่งเป็นเรื่องที่มีการกำหนดไว้ตั้งแต่สมัยนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารปตท.คนเก่าแล้วที่ที่จะปรับเปลี่ยนทุก 4 ปีโดยเฉพาะกรณีของนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ.ไทยออยล์ที่โยกไปเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินองค์กรปตท.เพราะครบวาระ 3 ปี ไม่เกี่ยวกับกรณีการประมูลจัดซื้อคอมพิวเตอร์ควบคุมและป้องกันการกลั่นมูลค่า 1,600 ล้านบาทแต่อย่างใด โดยกรณีดังกล่าวจะนำเข้าสู่การประชุมบอร์ดไทยออยล์ในวันนี้ (27 มี.ค.)
ทั้งนี้ คงจะต้องขอดูรายละเอียดถึงแผนการประมูลจัดซื้อดังกล่าวเพื่อที่จะตัดสินใจเดินหน้าหรือล้มประมูลหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นจากเท่าที่พิจารณาแล้วเหลือผู้ประมูล 2 รายจากญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดย บริษัท Honeywell และระบบป้องกันการกลั่นของบริษัท Invensys จากสหรัฐอเมริกา ซึ่ง 2 บริษัทเสนอร่วมกัน มีประสิทธิภาพสูงกว่ามีความมั่นคงและปลอดภัยดีกว่า เป็นที่ยอมรับทั่วโลกด้านพลังงาน และมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับระบบของบริษัท Yokogawa ของญี่ปุ่น ซึ่งเหมาประมูลทั้งสองระบบแต่ที่เลือกญี่ปุ่นได้ให้เหตุผลว่าเคยใช้มาก่อนและเมื่อพิจารณาอุปกรณ์ที่ญี่ปุ่นเสนอนั้นครอบคลุมมากกว่า ดังนั้นเรื่องนี้คงจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
“โยกย้ายเป็นเรื่องปกติมากเพราะครบวาระส่วนใหญ่โดยนายอานนท์ ศิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สผ.ไปเป็นเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทพีทีที โกลบอล เคมีคอล ก็ครบ 4 ปีแล้ว นายวีระศักดิ์ที่อยู่พีทีทีโกลบอลไปอยู่ไทยออยล์ก็ 3 ปี 7 เดือน นายเทวิน วงศ์วาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินองค์กรปตท.ไปอยู่บมจ.ปตท.สผ. ก็ครบเช่นกัน”นายณอคุณกล่าว.
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารเชื้อเพลิงเพื่อรับมือแหล่งก๊าซเยตากุน สหภาพพม่าหยุดจ่ายก๊าซระหว่างวันที่ 8-17 เม.ย.55 วานนี้ (26 มี.ค.) ว่า ได้มอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ไปเร่งทำแผนรองรับการหยุดซ่อมระบบท่อก๊าซธรรมชาติครั้งใหญ่ของโครงการพัฒนาปิโตรเลียมร่วมไทย-มาเลเซียหรือ เจดีเอ เร่งด่วนซึ่งจะหยุดจ่ายก๊าซฯทั้งหมดกว่า 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันประมาณ 20 วันช่วงไตรมาส 2 ปี 2557 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าจะนะหยุดผลิตเพราะระบบไม่ได้ถูกออกแบบให้ปรับไปใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนได้ซึ่งหากไม่ดำเนินการใดๆ อาจทำให้ไฟฟ้าดับ(Blackout) ในพื้นที่ภาคใต้ได้ในปี 2558 ซึ่งเป็นช่วงที่สำรองไฟต่ำมาก
“ โรงไฟฟ้าจะนะหน่วย 1 และ 2 ถูกออกแบบมาให้ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิงไม่สามารถสวิตไปใช้น้ำมันเตาหรือดีเซลได้ซึ่งไฟจะหายไปทันที 1,460 เมกะวัตต์ จึงมอบให้กฟผ.ไปเร่งพิจารณาว่าจะต้องลงทุนอย่างไร ให้ปรับให้ไปใช้น้ำมันแทนแล้วนำเข้าบอร์ให้เร็วสุดเพราะขั้นตอนจะต้องผ่านกระบวนการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือ EIA ใช้เวลานานซึ่งปี 2557ยังไม่น่าห่วงเพราะไฟสำรองยังสูงแต่ปี 2558 จะต่ำมากไฟอาจ Blackout ในภาคใต้ถือเป็นเรื่องความมั่นคงของประเทศ”นายณอคุณกล่าว
สำหรับกรณีก๊าซฯพม่าจากแหล่งเยตากุนหยุด 8-17 เม.ย.55 ได้หารือถึงแผนสำรองไว้ค่อนข้างเรียบร้อยแล้วโดยปริมาณก๊าซฯจะหายไปทั้งหมดรวมกับแหล่งยาดานาที่ปกติต้องนำมาผสมกันเป็น 1,100 เมกะวัตต์นั้นจะมีการนำก๊าซฯจากแหล่งบงกชมาเสริม 50 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และก๊าซฯจากเจดีเอจะจ่ายเพิ่มจากปัจจุบัน 420 ล้านลบ.ฟุตต่อวันเป็น 470-490 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน แอลเอ็นจีจะใช้ได้ทั้งหมด 200 ล้านลบ.ฟุตต่อวัน เป็นต้นดังนั้นภาพรวมแล้วจะใช้น้ำมันเตาและดีเซลในการผลิตไฟฟ้าที่จะส่งผลต่อค่าเอฟทีประมาณ 5 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้นซึ่งผลกระทบดังกล่าวจะนำไปคำนวณค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติหรือเอฟทีในเดือนก.ย.-ธ.ค. 55 เนื่องจากรอบพ.ค.-ส.ค.นี้คงจะไม่ทัน
นายณอคุณกล่าวว่า เพื่อเป็นการรณรงค์การประหยัดไฟฟ้าช่วงความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดที่ล่าสุดเกิดขึ้น 23 มี.ค.และอาจเกิดขึ้นอีกเพราะอากาศยังคงร้อนประกอบกับช่วงเม.ย.55 ก๊าซฯพม่าหยุดจ่ายแม้ว่าช่วงดังกล่าวความต้องการใช้ไฟไม่มากแต่เพื่อการประหยัดจึงได้มอบให้สำนักนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.)ไปจัดทำแคมเปญในการรณรงค์ร่วมดับไฟ 1 ชั่วโมงซึ่งเคยทำในอดีตมาดำเนินการในวันที่ 10 เม.ย.55 นี้โดยจะเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมาเป็นประธานในการรณรงค์
***ถกบอร์ดไทยออยล์สรุปคอมพ์ฉาว
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารบมจ.ปตท. กล่าวว่า การโยกย้าย 4 ผู้บริหารในปตท.และบริษัทในเครือในการประชุมบอร์ดเมื่อวันที่ 23 มี.ค.55 ไม่จำเป็นจะต้องนำเสนอเข้าสู่การประชุมผู้ถือหุ้นแต่อย่างใดและเป็นการโยกย้ายเพราะครบวาระซึ่งเป็นเรื่องที่มีการกำหนดไว้ตั้งแต่สมัยนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารปตท.คนเก่าแล้วที่ที่จะปรับเปลี่ยนทุก 4 ปีโดยเฉพาะกรณีของนายสุรงค์ บูลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ.ไทยออยล์ที่โยกไปเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินองค์กรปตท.เพราะครบวาระ 3 ปี ไม่เกี่ยวกับกรณีการประมูลจัดซื้อคอมพิวเตอร์ควบคุมและป้องกันการกลั่นมูลค่า 1,600 ล้านบาทแต่อย่างใด โดยกรณีดังกล่าวจะนำเข้าสู่การประชุมบอร์ดไทยออยล์ในวันนี้ (27 มี.ค.)
ทั้งนี้ คงจะต้องขอดูรายละเอียดถึงแผนการประมูลจัดซื้อดังกล่าวเพื่อที่จะตัดสินใจเดินหน้าหรือล้มประมูลหรือไม่ ซึ่งเบื้องต้นจากเท่าที่พิจารณาแล้วเหลือผู้ประมูล 2 รายจากญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกา โดย บริษัท Honeywell และระบบป้องกันการกลั่นของบริษัท Invensys จากสหรัฐอเมริกา ซึ่ง 2 บริษัทเสนอร่วมกัน มีประสิทธิภาพสูงกว่ามีความมั่นคงและปลอดภัยดีกว่า เป็นที่ยอมรับทั่วโลกด้านพลังงาน และมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับระบบของบริษัท Yokogawa ของญี่ปุ่น ซึ่งเหมาประมูลทั้งสองระบบแต่ที่เลือกญี่ปุ่นได้ให้เหตุผลว่าเคยใช้มาก่อนและเมื่อพิจารณาอุปกรณ์ที่ญี่ปุ่นเสนอนั้นครอบคลุมมากกว่า ดังนั้นเรื่องนี้คงจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
“โยกย้ายเป็นเรื่องปกติมากเพราะครบวาระส่วนใหญ่โดยนายอานนท์ ศิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สผ.ไปเป็นเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทพีทีที โกลบอล เคมีคอล ก็ครบ 4 ปีแล้ว นายวีระศักดิ์ที่อยู่พีทีทีโกลบอลไปอยู่ไทยออยล์ก็ 3 ปี 7 เดือน นายเทวิน วงศ์วาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินองค์กรปตท.ไปอยู่บมจ.ปตท.สผ. ก็ครบเช่นกัน”นายณอคุณกล่าว.
